15 ก.ค. เวลา 15:01 • บ้าน & สวน

Hydroponics Farm and Technology

สัปดาห์ที่ 116 อีกไม่ช้าเทวดาคงเทน้ำจากฟ้าลงมาแบบยกตุ่มเท 😄😄😄 เพราะสภาพอากาศขณะนี้มีสายฟ้าแลบ⚡ และเสียงคำรามของท้องฟ้าอยู่เป็นระยะๆ .........
ฝนเม็ดเล็กๆ 💦 ในยามเช้าล่องลอยกระจัดกระจายตกลงหลังคา Farm ถึงแม้นจะไม่มีเสียงดังเป็นที่รำคาญหูแต่ผิวกายก็สัมผัสได้จากไอฝนที่ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าผ่านช่องว่างที่ยังคงมีอยู่มาปะทะเข้ากับใบหน้าและต้นแขน ผมไอจาม 😪 อยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะได้ตัดสินใจซ่อมหลังคาทางฝั่งทิศเหนือโดยเฉพาะช่อง Service ที่มีขนาด 50 X 120 เซ็นติเมตร ที่ยังคงค้างงานอยู่ในส่วนนี้
แผ่นมุงหลังคาใส ใยแก้ว ไฟเบอร์กลาสที่หาซื้อมาจากห้าง Dohome ขนาด 6 ฟุต หนา 0.15 มม. ที่ใช้ทำหลังคาผมซื้อมาเพิ่มเติมอีก 1 แผ่นแต่มีความยาวที่ 120 เซ็นติเมตร นำมาตัดออกเป็น 2 แผ่น ความยาวแผ่นละ 60 เซ็นติเมตร นำแผ่นทั้งสองไปผสมกับเศษแผ่นมุงหลังคาที่ตัดความยาวแล้วเหลืออยู่ 4 แผ่นจากของที่มีอยู่ก็พอที่จะทำหลังคาช่อง Service ได้ ไม่เสียของไปโดยเปล่าประโยชน์ 😉
รวบรวมแผ่นได้ก็ต้องรีบตัด❗
อีกไม่ช้าเทวดาคงเทน้ำจากฟ้าลงมาแบบยกตุ่มเท 😄😄😄 เพราะสภาพอากาศขณะนี้มีสายฟ้าแลบและเสียงคำรามของท้องฟ้าอยู่เป็นระยะๆ ผมขนแผ่นมุงหลังคาทั้งหมดไปลานหน้าบ้านซึ่งมีพื้นที่การทำงานมากว่าเอาตลับเมตรมาวัดความยาวและใช้ปากกาเมจิกสีแดงขีดเส้นตามระยะที่ต้องตัดโดยทำแผ่นแรกเป็นแม่แบบ
การตัดนั้นถ้ามีเวลามากพอแบบไม่รีบไม่ร้อนก็คงเอาเลื่อยมือมาเลื่อยแผ่น แต่สถานการณ์มันหน้าสิ่วหน้าขวานขืนมัวแต่นั่งเลื่อยอาจถูกฝนและพายุถล่ม จึงไปนำอาวุธคู่กายของนัก DIY [หินเจียร์ขนาด 3 นิ้วไร้สาย] มาใส่ใบตัดความเร็วรอบแรงพอที่จะตัดแผ่นไฟเบอร์กลาสให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดายตัดเสร็จจึงทำการรวบรวมแผ่นเพื่อนำไปใช้ในการทำช่อง Service
ตัดทำหลังคาช่อง Service
อลูมิเนียมราวผ้าม่านของเหลือใช้จากอดีต❗
ไม่รู้ว่าทศวรรษที่เท่าไร 😄😄😄 แต่จำได้ว่าอยู่คู่มากับบ้านหลังแรกที่มีอายุเกือบ 40 ปี ถูกซุกอยู่กับกองวัสดุโดเร่ม่อนของผม ไปนำมาล้างทำความสะอาดด้วย ผงซักฟอกจะเขียนว่า “แฟ๊บ” ก็เกรงว่าใช้คำโบราณเกินไป 😁 ผมหยอกเล่น: เมื่อใช้ผ้าเช็คอลูมิเนียมแห้งแล้วก็ดูใหม่ขึ้นไม่มีสนิม ไม่ผุ ไม่กร่อนสภาพยังใช้งานได้ดีอยู่ จึงนำมาแบ่งออกเป็น 2 ท่อนตามความยาวของหลังคาช่อง Service ด้านบนยิงยึดด้วยสกรูหลังคาระยะห่างประมาณ 15 เซ็นติเมตร ด้านล่างก็เช่นเดียวกัน
ถึงเวลายกขึ้นมุงหลังคา service❗
ฝนฟ้าเริ่มตกลงมาแรงขึ้นเรื่อยๆ “ไม่มีเวลาแล้วมัวชักช้าไม่ได้ จะรีบตกไปถึงไหนกัน” ผมสบถอยู่ในใจ: พร้อมกับ “แบกหลังคา” ดูจะน่ากลัวเกินไปใช้คำว่าถือหลังคาไปดีกว่าดูจะซอฟไปบ้าง 😄😄😄 อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้นเพราะหลังคาที่ทำช่อง Service เป็นแผ่นไฟเบอร์กลาส+กับโครงอลูมิเนียมทั้งสองวัสดุมีน้ำหนักเบานำขึ้นไปปิดช่องหลังคาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
“เจ้าพายุน้อยอยากจะตกลงมาเท่าไหร่ก็เชิญเลย ตกหนักๆ ได้ยิ่งดีจะได้ทดสอบคุณภาพงานที่ทำ ” ผมท้าทาย: สักครู่ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักในขณะที่ผมมองดูว่าจะมีปัญหาอะไรต่อหรือไม่ๆ มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ห่วงที่ตัวผมมากกว่าบ่ายสามแล้วยังไม่ได้กินข้าวกินปลารอเมื่อไหร่ฝนจะหยุดฝนแบบนี้ตกทั้งวันอย่างแน่นอน ไปหาขนมปังกับกาแฟในตู้เย็นกินก่อนดีกว่า นึกใจโถ่❗ ไม่น่าไปท้าทายเลย 😄😄😄
รุ่งขึ้นอีกวันในห้วงสัปดาห์❗
คราบน้ำฝนที่ตกกระหน่ำทั้งคืนทิ้งร่องรอยให้ผมต้องแก้ไขงานบางอย่างใน Farm โดยเฉพาะโครงสร้างทางไฟฟ้าที่ต้องมีความรอบครอบไม่ทำอะไรที่บุ่มบ่ามต้องมองความปลอดภัยและ Safety เป็นหลักเพราะงาน Farm Technology ต้องอยู่กับน้ำ ความชื้น แสงแดดและไฟฟ้าจะเป็นการยากถ้าปราศจากความเข้าใจเรื่องไฟฟ้าพื้นฐาน ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า น้ำกับไฟฟ้า เป็นคู่อริกันเจอกันตรงๆ เมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้น 😔 และถ้ายิ่งมีตัวเราเป็นสื่อกลางด้วยละก็มี “ตุย” เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ประมาทไม่ได้เลย
งานที่ต้องแก้ไขก่อน “ตุย” ❗ 😄😄😄
รางรวมสายไฟย่อยที่มีกล่องเก็บพักจุดรวมสายไฟยังมีคาบน้ำอยู่บางจุดมีน้ำหยดตามดที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่ที่มีมากที่สุดเห็นจะเป็นรางที่พลาดอยู่บนเสาโครงที่ผมต้องนำเอาโคมไฟแขวนไว้เป็นไฟส่องสว่างภายใน Farm โคมมีน้ำหนักมากเมื่อติดตั้งบนรางโครง C ทำให้ปลายตก น้ำรั่วซึมไหลผ่านมาที่โคมไฟได้
งานที่ต้องแก้ไขบนรางโครง C
ความท้าทายกับราง C ❗
ด้วยโครงผนังตัวซี GIANT KINGKONG รุ่น JL010 ขนาด 7.5 x 240 ซม ราคา 48 บาทจากไทวัสดุเป็นราคาที่จับต้องได้โดยเฉพาะสายประหยัดอย่างผม 😄😄😄 ถึงแม้นว่าจะต้องทาสีที่รางก็เป็นเรื่องของความสวยงามและป้องกันสนิมไปในตัวด้วยสีดำ 2 in 1 ที่มีเหลืออยู่กว่าครึ่งกระป๋องเสียดายถ้าทิ้งเอาไว้ไม่ใช้งานนานๆ เข้าสีก็แข็งและใช้งานไม่ได้
เมื่อตัดวัดได้ระยะที่ต้องการก็นำไปประกอบติดตั้งปลายด้านหนึ่งหันไปทางทิศตะวันตกที่มีกล่องพักสายรอไว้เรียบร้อยแล้ว ปลายอีกด้านหนึ่งหันมาทางฝั่งทิศตะวันออกเป็นจุดที่จะนำโคมไฟไปติดตั้ง แต่ก่อนอื่นต้องเจาะรูตรงปลีกด้านล่างของโครง C เพื่อทำเป็นจุดแขวนด้วยดอกเจดีย์รูที่เจาะก็เจาะให้พอกับเหล็กแขวนตอนส่วมประกอบกันก็มีแหวนรองกันวงรอบของรูกันฉีกขาดจากน้ำหนักของโคม
ติดตั้งเสร็จนำเอาโคมไปลองแขวนดู... อนิจัง ❗
ปลายโครงเบี้ยวมองด้วยตาเปล่าก็เห็น 😄😄😄 งานเข้าทันทีผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด 🥴 อยู่พักหนึ่ง “ทำอย่างไรดีว่ะ” ผมสบถออกมา: อย่างไม่ตั้งใจ ความคิดเพื่อหาแก้ไขแบบร้อยแปดพันประการก็ประเดประดังกันเข้ามาในสมอง “ใช้เสาค้ำยัน ใช้สลิงแขวน ตอกยึดเสาแขวน ต่อโครงออกไปให้ยาวขึ้นพาดอีกฝั่ง....บลา ๆๆๆ”
แค่คิดก็ยุ่งเหยิงไปเสียทั้งหมดสู้เดินไปที่กองวัสดุโดเร่ม่อนไปมองหาเศษวัสดุที่พอจะใช้งานได้แบบไม่เสียสตางค์จะดีกว่า 😁 ไปได้เศษรางตัว C ยาวประมาณ 50 เซ็นติเมตรมาท่อนหนึ่งจึงนำเอาไปประกบกับของเดิมที่เป็นรางยาว และนำเอาท่อน้ำ PVC ตัดขนาดให้สูงเท่ากับช่องกว้างของราง 7.5 เซ็นติเมตรหรือ 3 นิ้วเอามาเป็นตัวค้ำยันภายในไม่ให้เกิดการบิดของโครงรางได้ผล 👍
โครงไม่เกิดอาการบิดเบี้ยวอีกแล้วตามที่ต้องการ “ให้มันได้อย่างนี้ซิ” ผมอุทาน: ด้วยใบหน้าที่ยิ้ม 😃 ออกมาอย่างคนพบความสำเร็จบางที่ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองก็เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจเสมอสำหรับตัวเราคิดบวกเข้าไว้เป็นเรื่องดี จากนั้นจึงทาสีดำเก็บงานอีกครั้งรอให้สีแห้งก่อนเพื่อทำในส่วนถัดไป
อีกหลายวันถัดมาติดภาระกิจนอก Farm เลยค้างงานที่ต้องทำต่อจากงานเดิมเมื่อวันก่อน ผมได้รวบรวมอุปกรณ์จากการเดิน Shopping เดินจริงๆ ไม่เดินแบบ Shopee บนออนไลน์ 😄😄😄 เพื่อสรรหาวัสดุที่เหมาะสมแบบเห็นกับตาจากไทวัสดุในการนำมาใช้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ต้องเสร็จงานให้ได้ในส่วนของโคมไฟส่องสว่างใน Farm ในวันนี้ ผมมั่นใจ: ที่โครงราง C สีดำที่ทาไว้แห้งสนิทเนื้อสีเกาะติดราวกับเป็นสีอบมาจากโรงงานแบบหยาบๆ 😁 แต่ไม่เป็นไรเพราะดูแล้วก็กลมกลืนดีอยู่จากนั้นได้เวลาเป็นแปลงร่างเป็น Electrician❗
ทาสีดำที่รางแขวนโคมไฟเพื่อเก็บงานและติดตั้งสวิตซ์ไฟ
ท่อไฟของ ZEBERG ขนาด PVC 20 มม. x 2.9 เมตร สีดำที่ไปหาซื้อมาจาก Dohome เส้นหนึ่งราคา 51 บาท ที่ไทวัสดุไม่สีดำที่ต้องไปหาซื้อเพราะไม่ต้องการที่จะเสียเวลามาทาสีดำแบบประหยัดเงินประหยัดเวลา 😄😄😄 ถูกนำมาตัดให้พอดีระหว่างระยะทางที่จะวางกล่องไฟ สายไฟขนาด 2.5 sq.mm. จำนวน 3 เส้น แดง ดำ เขียว ถูกสอดไว้ในท่อสีดำ เวลาผมทำงานด้านเดินสายไฟมักจะใช้ 3 สีนี้เป็นตัวกำหนดเพราะจะได้ง่ายต่อการจดจำ สีแดง [ L = สายไฟ ] สีดำ [ N = สายนิวทรัล] สีเขียว [G =สายดิน]
ปัจจุบันมีการออกมาตรฐานใหม่ มาตรฐาน วสท. 022001-22 ปี พ.ศ.2564 สำหรับไฟบ้าน 220 V สายเฟส (L) = สีน้ำตาล สายนิวทรัล (N) = สีฟ้า สายดิน (G) = สีเขียวแถบเหลือง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานกลุ่ม AEC แต่อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีพื้นฐานก็ใช้ช่างไฟดีกว่าเพราะพลาดมี “ตุย”
สำหรับผมอาศัยเรียนพื้นฐานทางไฟฟ้าเบื้องต้นสมัยเรียนโรงเรียนวัด และต่อมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากรุ่นพี่ติดตามไปเป็นลูกมือช่างในหลายครั้ง และศึกษาเพิ่มเติมในแขนงวิชาระดับปริญญาโท ตลอดเส้นทางชีวิตทำอาชีพที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมกับไฟฟ้าพอที่จะเดินไฟฟ้าทั้งหลังได้แบบนัก DIY 😃
สายไฟทั้งสามเส้นถูกตัดวัดตามขนาดของความยาวที่จะเดินสายไฟแบบเผื่อสายไว้ประมาณ 20 เซ็นติเมตรไปจากจุดต่อพักไฟไปยังเต้าสวิตช์ไฟ เปิด/ปิด สำหรับช่วงไหนที่มีลักษณะเป็นส่วนโค้งหรือต้องหลบมุมก็ใช้ท่ออ่อนร้อยสายไฟ Flexible Conduit ขนาดเท่ากับท่อ 20 มม. มาเป็นตัวช่วยหรือถ้าขยันหน่อยก็ใช้วิธีการดัดท่อด้วยความร้อนก็ทำได้แต่ก็มีความยุ่งยากมากขึ้นสำหรับผมแล้วเลือกแบบไม่ต้องเสียเวลาแต่มีความเรียบร้อยสวยงามพอควร
ถึงเวลานำพาสายเข้ากล่อง❗
หลังติดตั้งกล่องไฟพลาสติกได้ระดับและมุมที่ต้องการกล่องถูกยึดด้วยสกรูดำสี่ตัวโดยยิงทะลุกล่องไปยังโครง C แน่นหนาแข็งแรงพอควรผมลองขยับดูไม่มีโยก ไม่มีคลอนติดแน่นหนึบอย่างกับกาวตุ๊กแก 🦎 😄😄😄 สายไฟ 3 เส้นแรกที่ต่อมาจากกล่องพักไฟถูกนำเข้าทางรูเจาะ 20 มม. ทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวาถูกนำเข้ามาทางรูเจาะด้วยสายไฟที่มาจากโคมไฟจำนวน 2 เส้นสีฟ้าและสีน้ำตาล ส่วนสีเขียวไม่ได้หายไปเพียงแต่ต้องต่อเพิ่มในภายหลัง
เริ่มจากสายสีดำก่อน❗
สาย N นิวทรัล ถูกต่อเข้ากับสายสีฟ้าที่มาจากโคมไฟแบบตรงๆ เชื่อมด้วยท่อต่อตะกั่วกันน้ำโดยนำสายไฟปลอกพลาสติกหุ้มฉนวนออกและใส่เข้าไปให้ท่อแดงของสายทั้งสองเส้นใส่เข้าไปที่บริเวณตะกั่วที่อยู่ตรงกลางเมื่อได้ที่จุดไฟแช็กลนตะกั่วๆ จะละลายเชื่อมกันเองโดยอัตโนมัติ นับว่าเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ในการเชื่อมต่อสายโดยไม่ใช้ตัวต่อแบบสมัยก่อนที่เป็นลูกเต๋า หรือแบบ Wire nut ที่ต่อแบบตีเกลียว จากนั้นจึงหุ้มด้วยท่อหดสีดำทำให้รู้ว่าเป็นสาย N นิวทรัล เป็นอะไรที่ง่ายๆ แบบนี้นัก DIY ชอบ😁
สวิตซ์ไฟเปิด/ปิดด้านหนึ่งต่อเข้ากับสายไฟสีแดงหรือที่เรียกว่าสาย L เสียบต่อเข้ากับรูด้านบนอีกเส้นหนึ่งที่เป็นสีน้ำตาลที่มาจากโคมไฟเสียบต่อเข้ากับรูด้านล่าง ส่วนสายสีเขียว G ที่เป็นสายกราว์ผมต่อกันแบบสายตัวต่อแบบกดหนีบสายไฟปลายอีกด้านหนี่งรอไว้ไปต่อที่โคมไฟโดยตรง
ไฟฟ้าเป็นอะไรที่ไม่เข้าใครออกใครหมองูตายเพราะงูฉันใด ช่างไฟตายเพราะไฟดูดฉันนั้น “As a snake charmer dies from a snake, so an electrician dies from an electric shock.” ระวังได้แต่อย่างกลัวถ้าทำถูกวิธีต่อเสร็จตรวจเช็คทุกจุดลองขยับดูเส้นไฟ เส้นไหนดูหลุดหลวมแกะต่อใหม่ให้เรียบร้อย ผมตรวจดูอย่างมั่นอกมั่นใจว่าไม่มีปัญหาจึงนำเอาหน้ากากชั้นในยึดสวิตซ์ไฟเปิด/ปิดมายึดติดไว้กับกล่องเตรียมพร้อมที่จะปิดหน้ากากชั้นนอก
งานยังไม่จบอย่างพึ่งดีใจกับความสำเร็จ❗
สาย G [Ground] เป็นสายที่มีความสำคัญอย่างมากสมัยก่อนไม่ค่อยได้ต่อเพิ่มกันสักเท่าไหร่ต่อแค่สาย L กับ N ส่วนใหญ่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการตอกฝัง Ground สายดินและต่อเดินสายคู่เพิ่มไปทุกจุดกับสาย L กับ N แต่ปัจจุบันการไฟฟ้าบังคับให้มีสาย Ground ตามมาตรฐานในการปลูกสร้างบ้านใหม่ ส่วนบ้านเก่าที่ไม่มีก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมไม่ทำวันหนึ่งอาจตุยได้ สำหรับผมวางสายไฟ G ทั้งหลัง รวมถึง Farm ที่กำลังทำอยู่
ติดตั้งสาย Ground และกล่องกล่องสวิตซ์ไฟ
สาย G ที่เหลือไว้ปลายด้านหนึ่งสำหรับต่อกับโดมไฟถูกปลอกสายเห็นเส้นทองแดงยาวประมาณ 4 เซ็นติเมตรนำไปผูกติดไว้กับตัวโลหะของโคมไฟ “พันให้แน่บิดเกลียวไม่ให้หลวม” ผมทำอย่างนั้น: แต่เพื่อความมั่นใจเข้าไปอีกจึงนำเอาตะกั่วหลอด “Liquid Solder” ที่ไม่ต้องใช้ความร้อนหรือหัวแร้งให้ยุ่งยากแค่บีบตะกั่วเหลวลงบนจุดต่อเชื่อมและรอให้แห้งจะเรียกว่าเป็นตะกั่วบัดกรีก็ได้เพราะแห้งแล้วติดแน่นแข็งแรงทนทานที่พิเศษยังกันน้ำได้ด้วยจะว่าไปแล้วขี้เกียจใช้หัวแร้งซะอย่างนั้น 😄😄😄
หลังจากตะกั่วเหลวแห้งแล้วจึงเก็บงานด้วยการนำเทปสายไฟมาพันไว้อีกรอบหนึ่งให้เรียบร้อยเก็บสายข้อต่อท่อและจุดต่างๆ ยึดด้วยเข็มขัดรัดท่อและสายไฟ ทำการพันเทปสายไฟกันน้ำซึมเข้านำหน้ากากชั้นนอกมาติดตั้งให้ดูส่วยงามสำหรับกล่องไฟที่เลือกใช้งานนั้นมีฝาปิดมิดชิดอีกชั้นหนึ่งดูเรียบร้อยดีและปลอดภัยเป็นพิเศษสำหรับงานสวิตซ์ไฟเปิด/ปิดบนฟาร์มแห่งนี้พร้อมที่จะเปิดใช้งานได้เมื่อต่อไฟเป็นระบบเข้า Farm เป็นที่เรียบร้อย สำหรับสัปดาห์นี้คงฝากความก้าวหน้าเล่าสู่กันฟังไว้เท่านี้ แล้วพบกันใหม่สวัสดีครับ 🙏
ถ้าไม่มืดบอดทางปัญญา ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้เสมอ
If there is no intellectual blindness, everything can always be solved.
🔊 ถ้าชอบกด like (React) ถ้าใช่กด Share
ร่วมแชร์ประสบการณ์ (Comment) หรือ Line ID :
โฆษณา