Valuation ของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ แพงหรือไม่ ? เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้ง
ผมเองด้วยความที่มีหุ้นเมกาอยู่ในพอร์ต ก็ได้แต่รับฟังมุมมองทั้ง 2 ฝั่งแบบเงียบๆ และพยายามทำใจเป็นกลาง
แต่ก็มีอยู่ประเด็นนึง ที่คิดว่าอยากจะแชร์ความเห็นส่วนตัว คือบ่อยครั้งที่ผมมักจะเห็นคนนำค่าเฉลี่ย P/E ของดัชนีในอดีตมาเป็นหลักกิโลว่า เกินตัวเลขเท่านี้ แปลว่าตลาดหุ้นแพงแล้ว
ผมคิดว่าการดูตัวเลขในอดีตมาตัดสินความถูกแพงของตลาดหุ้นเมกาในปัจจุบัน มันใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะบริบทที่เปลี่ยนไป
ทุก ๆ 10 ปี 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาก็เหมือนเช่นทุกครั้ง ในยุคนี้ กลายเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่กำลังครองโลกใบนี้อยู่
แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากเมื่อก่อนก็คือ สมัยก่อน สัดส่วนน้ำหนักหุ้นแต่ละตัวในดัชนี S&P500 มันจะไล่เลี่ยกันทั้ง 500 ตัว พอเราเฉลี่ยเป็น P/E ดัชนีมันก็เลยไม่ค่อยสูง
แต่พอมาปัจจุบันหุ้น 7 นางฟ้า หรือหุ้นเทค 7 ตัวที่ใหญ่ที่สุด กลายเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักในดัชนีประมาณ 25 - 30% ซึ่งถือว่าค่อนข้างกระจุกตัว พอเราเฉลี่ยเป็น P/E ของตลาด มันก็เลยสูงขึ้น
แล้วหุ้น 7 นางฟ้าพวกนี้ ตลาดก็ยอมให้ valuation ที่สูง เพราะใช้โมเดลธุรกิจแบบ Winner take most
คุณลองนึกภาพธุรกิจ software ที่ไม่ต้องการเงินลงทุนก้อนใหม่ แต่สามารถขยายฐานผู้ใช้งานไปได้ทั่วโลกดูสิ และเมื่อฐานผู้ใช้งานมากขึ้น แพลตฟอร์มก็ยิ่งแข็งแกร่ง
คงไม่มีโมเดลธุรกิจไหน ที่จะสามารถครองโลกได้ดีเท่าโมเดลธุรกิจแบบนี้แล้ว
ดังนั้นผมเลยมองว่า เบื้องหลัง P/E ตลาดหุ้นเมกาที่แพงในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากโมเดลธุรกิจแบบ Winner take most ของพวกบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ
แต่ผมก็คงไม่มีคำตอบให้หรอกว่า ตอนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มันแพงไปแล้วหรือยัง
แต่คิดว่าสำหรับนักลงทุนระยะยาวแบบผมแล้ว คงไม่มานั่งหาคำตอบว่า valuation ของตลาดควรอยู่ที่เท่าไร แต่คงมองหาหุ้นรายตัวคุณภาพดี ราคาไม่แพง แล้วเข้าไปลงทุนก็พอ ซึ่งมันก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง พวกหุ้นถูกๆ แต่การเติบโตสูงเนี่ย แต่มันคงไม่ใช่ชื่อที่เราได้ยินจากคนอื่นๆแน่ๆ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
