เมื่อวาน เวลา 10:48 • ความคิดเห็น

การครองพรหมจรรย์

ในวัยเยาว์ เราก็ไม่ได้เข้าใจสิ่งนี้สักเท่าไหร่ เข้าใจตื้นๆ พื้นๆเพียงแค่ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงทั่วๆไป
เมื่อได้มีโอกาสลองปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน โดยมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ชี้นำหนทาง โดยมีเราเป็นผู้ปฏิบัติเอง ไม่ใช่แค่ฟัง อ่าน เขียน แต่ลงมือ เดินด้วยตัวเอง
เราแบ่งเวลาของชีวิตตัวเองเรามีกำหนดปลีกวิเวก ออกห่างสังคมเป็นประจำ เพื่อเคี่ยวเข็ญตัวเองให้มากที่สุด มากแบบที่ตอนใช้ชีวิตปกติทำแบบนี้ไม่ได้....ถ้าเป็นพระก็คงเหมือนออกธุดงค์ ฆราวาสคือการถือเนกขัมมะ
ในช่วงเวลาเหล่านี้ที่ได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เราได้พบควาเหือดแห้งของชีวิตนักบวช ผู้ถือศีล หรือจะเรียกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนใช้ชีวิตแบบชาวบ้านที่คุ้นเคย ....
แม้จะเหือดแห้งในบางครั้งแต่เรายังมีครูบาอาจารย์ดูแล ใส่ใจ และเคี่ยวเข็ญให้เดินต่อ
เคยกล่าวกับท่านว่า....แม่พิกุล ความสุขเดียวที่หนูได้มีโอกาสสัมผัสทางกามในนี้มีแค่รสชาติอาหารที่อร่อยๆ....ที่เหลือมันมีแต่กองทุกข์ให้เห็น มันเหือดแห้ง มันไม่มีอะไรให้เอาเลย นั่งก็ไม่สบาย เดินก็ไม่สบาย นอนก็ไม่สบาย ร่างกายมีแต่ทุกข์ ใจก็ฟุ้งไปมา เดี๋ยวดี เดี๋ยวไม่ดี ....
นั่นคือความจริง ท่านบอก...แม้ท่านจะยิ้ม หัวเราะ เพราะเอ็นดูที่เรายังติดสุข ชอบของอร่อย ชอบอยู่ที่อุ่น ทนหนาวไม่ค่อยได้ นั่งนานก็โวยวาย แต่ดีหน่อยตรงเดินได้ไม่หยุด แต่ถ้าจะให้อดนอนทำความเพียรก็ยังขี้ขลาด แต่เวลาทำงานไม่นอนก็ได้ช่างขัดแย้ง พอได้กินของอร่อยๆก็มีความสุข เป็นสุขทางกามได้สัมผัสอย่างเดียว ไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน เปลี่ยนอารมณ์ได้หลากหลาย ไม่ต้องทนตัวเองแบบนี้ .....
รู้สึกตัวเยอะๆ สุขก็ไม่เอา ทุกข์ก็ไม่เอา ไม่หาสุข ไม่หนีทุกข์ อยู่ทีละขณะๆ รู้จบ รู้จบ แค่นี้
ได้แต่บอกตัวเองว่า ......ชีวิตนักบวชไม่ธรรมดา หากไม่ทำความเพียรเร่งภาวนา จะมีแต่ความอ้างว้าง เคว้งคว้าง เปลี่ยวเหงาจับใจ
เรามาชั่วครั้งชั่วคราว แม้ไม่สัมผัสอารมณ์เปลี่ยวเหงาคิดถึงบ้าน เพราะมาประจำ มาจนจิตคุ้นชิน....แต่ก็ไม่กล้าบอกได้ว่า ถ้าอยู่แบบนี้ตลอดชีวิตได้ไหม....รู้ว่ายังเข้มแข็งไม่พอ
ผู้เดินบนทางเส้นนี้จึงต้องเด็ดเดี่ยว อาจหาญ และไม่หวนกลับ มีเพียงการฝึกจิตใจตนเท่านั้นที่จะทำให้พบสุขจากความสงบได้ทุกที่ ความสงบที่ไม่ได้เกิดจากเพียงการทำสมาธิที่เหมือนหินทับหญ้า ยกหินออก ต้นหญ้าก็พร้อมงอกงาม...ตัณหาเป็นรากลึก ราคะเป็นใย เป็นยางเหนียวตัดยาก เหนอะหนะพัวพัน
สุขจากความสงบเท่านั้นที่ทำให้ครองพรหมจรรย์นี้ได้ยาวๆ และบริสุทธิ์.....
ความเพียรในการเจริญสติ สัมปัชชัญญะเป็นเหตุ ไม่ส่งจิตออกนอก พยายามดึงกลับเข้าบ่อยๆ....ทำบ่อยๆ ทำให้ชิน ....สร้างเหตุที่ดี ทำแค่นั้น....
ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเหมือนของแสลงของนักบวช
เมื่อเห็นข่าว ....มิได้แปลกใจเลย สีกาเข้าหาพระมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็โดนสีกาเกี้ยว ตื้อ ตาม พระอานนท์ก็โดนตื้อ
จะเอามาเป็นสามีให้ได้.....
ผู้ไม่ภาวนา จิตใจย่อมอ่อนไหว ไม่เข้มแข็ง ความแห้งแล้งของการใช่ชีวิตอยู่ในกรอบกติกาที่มากกว่าชาวบ้านย่อมไม่นำสุขมาให้
การได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ก็ไม่ได้เติมเต็ม จิตพร่องเป็นนิจ...เมื่อได้รับความรักใคร่ ใส่ใจ มีกามราคะเป็นเชือกผูก เป็นยางเหนียวให้ติดกับ ย่อมออกไม่ได้
ผู้ที่เห็นนรก รู้ว่ามันเป็นนรกจะไม่เดินลงนรก....แม่พิกุลเคยให้กำลังใจยามเมื่อเราอ่อนแอ
หมอ หมอภาวนาให้เป็นนะ ทำจนติด ให้ทำที่ไหนก็ได้ ให้บ้านเป็นวัดนะหมอ....ถ้าป้าไม่อยู่อย่าเที่ยวไปภาวนาตามวัดที่ไหนคนเดียว อย่าไว้ใจใคร ในวัดก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทุกที่ ผู้หญิงปฏิบัติธรรมลำบาก ต้องรักษาตัว...
พระ เราก็ต้งรักษาท่าน ท่านก็คน ท่านก็มีกิเลส...แม่พิกุลกล่าว
แม่พิกุล ท่านเป็นมหาอุบาสิกาของยุคนี้ในความรู้สึกเรา ดูแลพระสงฆ์มานับร้อย นับพันเพื่อให้ท่านภาวนาออกจากทุกข์ แม้จะหล่นร่วงตามทาง แม่พิกุลก็ไม่ท้อ....ใส่ใจในการดูแลปัจจัยสี่ และรับใช้ อำนวยความสะดวก นอนทีหลังตื่นเช้า อดตาหลับขับตานอนวันแล้ววันเล่า ที่ภาวนาของท่านคือในครัว เวลาภาวนาของท่านคือตลิดเวลาที่ลืมตาตื่น...ท่านทำมาโดยตลอดตั้งแต่รู้จักความรู้สึกตัวหลังพบหลวงพ่อเทียนเพียง 5 วัน
ท่านกล่าวถึงเรื่องของชายหญิงว่า ผู้หญิง ผู้ชายมันคนละขั้ว ใกล้กันไม่ได้ มีแต่จะดูดเข้าหากัน พระก็คน ท่านกิเลสก็ยังมี ยังเป็นผู้เดินอยู่
สีกาที่ไหนจะมาเข้าใกล้ครูบาอาจารย์แบบไม่เปิดเผย ลับหูลับตา ท่านไม่ให้เดินเฉียดเลย...เสื้อผ้าใส่เข้าวัดต้องปกปิด มิดชิด ไม่บาง ไม่สั้น เรารักพระรัตนตรัย เรารักษาพระ
เรารักษาตัวเรา เท่ากับเรารักษาท่าน....
ในฐานะหนึ่งในพุทธบริษัท ที่ทำหน้าที่อุบาสิกาคนหนึ่งที่อุปฐากพระศาสนามาตลอดด้วยความตั้งใจ ตั้งแต่อายุ 27 ปี ผ่านมาแล้ว 22 ปีที่ทำมาโดยต่อเนื่อง....และคงทำต่อเท่าที่จะมองเห็นนาบุญอันดีให้ทำได้...
(เราทำทั้งในพุทธศาสนา และนอกพุทธศาสนา ทุนการศึกษา โรงพยาบาล ให้ทั้งพุทธ และไม่ใช่พุทธ ให้ทั้งญาติและไม่ใช่ญาติ ทั้งที่รู้จัก ไม่รู้จัก)
ศัทธาต้องคู่สติปัญญา....จึงจะรอดพ้นจากงมงาย
ศรัทธาที่เกิดจากความรู้เห็นตามจริง ไม่ใช่เชื่อตามใครบอก จะตั้งมั่นไม่หวั่นไหว
โฆษณา