Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BrandCase
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
13 ก.ค. เวลา 01:10 • ธุรกิจ
ทฤษฎีเกม กับเรื่อง Nash Equilibrium จากเคส MK ทำแบรนด์ใหม่ BONUS SUKI มาชนตรง ๆ กับ สุกี้ตี๋น้อย
-ล่าสุดมีข่าวเครือ MK เปิดตัวสุกี้บุฟเฟต์แบรนด์ใหม่ ชื่อว่า ‘BONUS SUKI’ ตั้งราคา 276 Net ซึ่งเท่ากับราคาปกติของ สุกี้ตี๋น้อย
1
เคสนี้ทำให้ BrandCase นึกถึงเรื่อง Nash Equilibrium ในทฤษฎีเกม
ซึ่ง BrandCase จะอธิบายให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
1
-เพื่อให้อธิบายเรื่อง Nash Equilibrium ให้เข้าใจง่าย เราจะเล่าผ่านเกมคลาสสิกในทฤษฎีเกม ชื่อว่าเกม ‘Prisoner’s dilemma’
2
เกมนี้จริง ๆ จะเป็นการจำลองสถานการณ์ของนักโทษ 2 คน
แต่เราขอเอามาบิดหน่อย เป็นการจำลองสถานการณ์ของ 2 บริษัท ที่ขายสินค้าเหมือนกัน คุณภาพเหมือน ๆ กัน ที่ราคาเดียวกันแทน
โดยทั้ง 2 บริษัท จะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง
ภายใต้เงื่อนไขการพิจารณาทางเลือกของผู้เล่นอื่น ที่อยู่ในจุดเดียวกัน
โดยมี 2 ทางเลือก ให้ทั้งคู่ตัดสินใจ
คือจะ “ลดราคาสินค้า” หรือจะ “คงราคาสินค้า”
ผลที่ได้ออกมา มี 4 กรณี
- กรณีที่ 1 : หากทั้งบริษัท A และ บริษัท B เลือกลดราคาสินค้า
แต่ละบริษัท จะได้กำไรบริษัทละ 5 ล้าน
- กรณีที่ 2 : หากบริษัท A ลดราคาสินค้า แต่บริษัท B คงราคาสินค้าไว้
บริษัท A จะได้กำไร 15 ล้าน แต่บริษัท B จะได้กำไร 2 ล้าน
- กรณีที่ 3 : หากบริษัท B ลดราคาสินค้า แต่บริษัท A คงราคาสินค้าไว้
บริษัท B จะได้กำไร 15 ล้าน แต่บริษัท A จะได้กำไร 2 ล้าน
- กรณีที่ 4 : หากทั้งบริษัท A และ บริษัท B เลือกคงราคาสินค้าไว้เท่าเดิม
แต่ละบริษัท จะได้กำไรบริษัทละ 10 ล้าน
ถ้าแต่ละฝ่าย ต่างไม่รู้ว่าอีกอีกฝ่าย จะตัดสินใจอะไร
ตามทฤษฎีเกมนี้ บอกว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะกังวลถึง ‘โทษสูงสุด’ ที่ตัวเองจะต้องโดน
1
คือถ้าตัวเองคงราคาสินค้าไว้เท่าเดิม แต่อีกฝ่ายลดราคาสินค้า
ตัวเองก็จะเจอโทษสูงสุด คือได้กำไรน้อยที่สุดจากทางเลือกทั้งหมด
ส่วนทางเลือกที่เซฟกว่า คือชิงลดราคาก่อน
เพราะ ‘อย่างน้อย’ ถ้าตัวเองลดราคา และอีกฝ่ายก็ลดราคาเหมือนกัน ก็ยังได้กำไรสูงกว่าเคสแรกแน่นอน..
ตามทฤษฎีเกม Prisoner’s dilemma ที่ว่ามา
จุดที่ทั้ง 2 บริษัท ลดราคาทั้งคู่ หรือก็คือ “จุดที่ต่างฝ่ายต่างเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาถึงทางเลือกของอีกฝ่ายในจุดสมดุลนั้น”
นี่คือคำอธิบายของจุดที่เรียกว่า ‘Nash Equilibrium’ นั่นเอง..
1
ซึ่ง Nash Equilibrium ในทฤษฎีเกม
ก็สามารถอธิบายได้ในเคสของ MK ที่ได้เปิดตัวแบรนด์ BONUS SUKI บุฟเฟต์ ราคา 276 บาท ที่กำลังท้าชนกับ สุกี้ตี๋น้อย
ในเคสนี้ ก็สมมติว่ามีผู้เล่น 2 คน ยังไม่นับคนอื่นในตลาด
ผู้เล่น 2 คนนั้นคือ เครือ MK กับ สุกี้ตี๋น้อย
ถ้าลองวิเคราะห์จากมุมของ MK
จะเห็นว่า MK มีทางเลือกที่ทำไปแล้วทั้งหมด 3 ทางเลือก นั่นก็คือ
ทางเลือก A : ไม่ทำอะไรเลย
ทางเลือก B : จัดโปร ลดราคา MK สุกี้ ให้เหลือ 299 Net
ทางเลือก C : เปิดแบรนด์ใหม่ ทำราคา 276 เพื่อชนตรง ๆ ไปเลย
- ถ้า MK เลือกทางเลือก A คือไม่ทำอะไรเลย
MK ก็จะไม่เสียแบรนด์ ถ้ายังคงคุณภาพของแบรนด์ไว้เหมือนเดิม
และต่อให้สุกี้ตี๋น้อย คงราคาบุฟเฟต์ที่ราคาเดิมไว้ที่ 276 บาท หรือจะทำโปรโมชันอะไรออกมา
สุกี้ตี๋น้อย ก็จะยังคงเติบโต และขยายสาขาออกไปอย่างต่อเนื่อง
1
แต่ MK ก็จะค่อย ๆ ถูกกินส่วนแบ่งการตลาด จากกลุ่มลูกค้าที่ชอบทานสุกี้ไปเรื่อย ๆ
- ถ้า MK เลือกทางเลือก B คือจัดโปรบุฟเฟต์ ลดราคาสุกี้ ให้เหลือ 299 บาท
ทางร้าน MK เองก็จะได้ประโยชน์ จากการที่ลูกค้าแวะเข้ามากินใน Volume ที่มากขึ้นเพราะชอบโมเดลแบบบุฟเฟต์
แต่ก็ต้องแลกกับสิ่งที่ต้องเสียไปหลายอย่าง ทั้งในเรื่องของอัตรากำไรของ MK ที่น่าจะลดลง
1
แถมยังทำให้ MK เกิด Brand Dilution หรือก็คือ ภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์สุกี้พรีเมียม ที่ดูลดลงไป
1
ส่วนสุกี้ตี๋น้อย ถ้าจะให้คงราคาสุกี้บุฟเฟต์ที่ราคาเดิม ก็คงจะไม่เสียหายอะไร
แต่สุกี้ตี๋น้อย ก็ยังมีทางเลือกอีก ด้วยการทำโปรโมชันเพื่อตัดราคา
อย่างเช่น โปรโมชันบุฟเฟต์ลดราคาเหลือราคา 234 Net หรือ 117 Net ในบางสาขา บางช่วงเวลา
เพื่อดึงลูกค้าจากคู่แข่ง อย่าง MK กลับมา
- ถ้า MK เลือกทางเลือก C
คือเปิดแบรนด์ใหม่ แล้วชนตรง ๆ ไปเลย
ซึ่งล่าสุด MK ก็ได้เลือกทางเลือกนี้ คือเปิดแบรนด์ BONUS SUKI
1
ทางเลือกนี้ ทำให้เครือ MK มีแบรนด์สุกี้ 2 แบรนด์ และน่าจะช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจนขึ้น
ซึ่งการทำแบบนี้ ข้อดีคือ ทำให้เครือ MK ยังสามารถรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์สุกี้ MK ไม่ต้องลดราคาไปให้เสียแบรนด์ ไม่ต้องเอาร้านไปทำบุฟเฟต์
เพื่อรักษาอัตรากำไรของส่วนร้าน MK ไว้เหมือนเดิม
ส่วนแบรนด์ใหม่ BONUS SUKI ก็เอาไปจับกลุ่มลูกค้าใหม่ อย่างกลุ่มตลาดแมสแทน ทำโมเดลบุฟเฟต์ ตั้งราคา ทำโปรโมชันที่ชนคู่แข่งตลาดนั้นให้เต็มที่ไปเลย
ทางเลือกนี้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าลุ้นที่สุด และเข้าท่าที่สุดแล้ว ถ้าจะลงแข่งในสนามนี้
นอกจากเรื่องราคาและคุณภาพของบุฟเฟต์
Nash Equilibrium ก็ยังสามารถอธิบายเรื่องแนว ๆ นี้ได้อีกเรื่อง
คือสาเหตุที่ร้านบุฟเฟต์ดัง ๆ ที่เป็นคู่แข่งกัน บางที มักจะตั้งอยู่ในสถานที่ใกล้ ๆ กัน
ซึ่งเราจะเห็นได้จากร้านสุกี้ดัง ๆ ชอบตั้งร้านบุฟเฟต์ให้อยู่ใกล้ ๆ กัน ในหลาย ๆ ทำเล ตั้งอยู่ใน 2 คอมมิวนิตีมอลล์ ที่ติดกันเลยด้วยซ้ำ
ที่เป็นแบบนี้เพราะ พื้นที่ตรงนั้น มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านไปมาเยอะอยู่แล้ว
-ถ้าเลือกไม่เข้าไปแข่งเลย คู่แข่งก็กวาดกำไรตรงนั้นไปคนเดียว 100%
-ถ้าเลือกไม่เข้าไปแข่งตรงนั้น แล้วไปเปิดตรงอื่น ก็อาจจะไม่การันตีว่าเป็นโลเคชันที่ถูก ที่ลูกค้าจะมากิน
-เพราะฉะนั้น เลือกเปิดใกล้ ๆ กัน ในที่ที่ชัวร์แล้วว่า เป็นทำเลที่ถูกต้อง แล้วไปแย่งลูกค้ากันอีกที
บางทีก็เป็นทางเลือก ที่ดีที่สุดแล้ว..
ธุรกิจ
เกม
64 บันทึก
76
3
97
64
76
3
97
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย