9 ชั่วโมงที่แล้ว • ความคิดเห็น

พิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐาน

เมื่อก่อน ไม่เคยเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าหลวงพ่อท่านจะสร้างทำไม ในใจก็ไม่ได้มองเห็นความจำเป็นมากนัก ....แต่ก็ช่วยท่านสร้างค่ะ เหมือนคนเป็นลูก พ่อแม่ทำอะไร เราก็ทำด้วยประสาเด็ก แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านทำ ...เพราะปัญญาเราก็มีแค่นี้
แต่ในวันนี้ เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมสิ่งนี้จึงจำเป็นต่อพระพุทธศาสนา แม้จะไม่ใช่แก่นหรือสาระสำคัญ แต่เปลือกหรือสะเก็ดไม้ก็ช่วยรักษาทำหน้าที่ให้ต้นไม้ใหญ่คงอยู่ได้ไม่แห้งตาย เพื่อรักษาแก่นไว้.....
เจดีย์นี้เป็นประจักษ์พยานไว้ให้ลูกหลานว่าพระธรรมมีอยู่จริงจากหลักฐานปูชนียบุคคลเหล่านี้ของยุคนี้ น้อมนำมาปฏิบัติได้จริง มีคนนำไปปฏิบัติและเห็นผลได้ และท่านเหล่านั้นเป็นประจักษ์พยานบุคคลในยุคนี้หลังพุทธกาลกว่าสองพันห้าร้อยปี ที่ทิ้งไว้แต่เรื่องราวยามท่านหมดลมหายใจ....
เจดีย์นี้จะเป็นพยานว่า...นี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่นิทานบนแผ่นดิยนี้ ...ในยุคที่พระส่วนหนึ่ง เป็นเพียงอลัชชี สีดา ไม่ใช่อุบาสิกา....และคงมีแต่จะเสื่อมไปเพราะคน เพราะกิเลสคน
ไม่ใช่เพราะเพราะธรรม.....
รัตนตรัยเป็นสรณะ
พระพุทธเจ้า คือ คนธรรมดา ที่บากบั่น ค้นหา ฝึกฝนตน เตือนตน กระทำตน จนเป็นผู้ค้นพบความจริงที่เป็นสากลโลก ความจริงไม่ได้เป็นของใคร ชนชาติใด ภาษาหรือศาสนาใด เป็นธรรมชาติของจิต เป็นเรื่องของจิต เรื่องของคน ของสัตว์บนโลกทั้งนั้น
พระธรรม คือ ความจริงที่พระพุทธเจ้าค้นพบและประกาศ บอกเล่า แบ่งปันให้คนอื่นรู้ตาม บอกวิธีการฝึกฝนตน บอกเทคนิคต่างๆในการเอาไปใช้ให้ได้พบความจริงเดียวกัน ความจริงมีหนึ่งเดียว ปฏิบัติดี ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรง ไม่ว่าจะวิธีใดย่อมได้ผลเดียวกัน รสแห่งพระธรรมมี้พียงรสเดียว้มื่อได้รับผล คือสงบสุข เย็น บ้างก็เรียกวิมุตติสุข บ้างก๋เรียกนิพพิน....
พระสงฆ์ สงฆ์แท้คือผู้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน แล้วเห็นจริงตามกัน เรียกอริยบุคคล มีสี่กลุ่ม แปดจำพวกตามลำดับขั้นของปัญญา ความแข็งแรงของสมาธิ ความละเอียดของจิต ดังนี้ ...
พระโสดาปฏิมรรค ผู้ยังปฏิบัติอยู่ในมรรค นั่นคือ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตรงทาง...คือมีปัญญาเห็นจริงแล้วระดับหนึ่ง สัมมาทิฐิตั้งมั้นและจึงจะลงมือทำได้ตรงทาง
โสดาปฏิผล หรือโสดาบัน เมื่อความเพียรต่อเนื่อง สติสัมปัชชัญญะเต็มรอบ เข้าใจโลกตามความเป็นจริง ถอดถอนสักกายทิฐฐิได้ ศีลห้าครบเป็นปกติเพราะจิตปกติเป็นเช่นนั้น ศีลเป็นธรรมชาติของใจ
พระสกิทาคามีมรรค
สกิทาคามีผล
พระอนาคามีมรรค
อนาคามีผล
อรหันตมรรค
และอรหันตผล
นั่นคือ ผู้ที่กำลังปฏิบัติ สลับกับผู้ที่สภาวะจิตเข้าถึงไปตามลำดับ....ความละเอียดปราณีตของจิต ความเฉียบคมของปัญญา กำลังสติสมาธิในแต่ละลำดับก็ต่างกันตามลำดับชั้นจากน้อยไปมาก ....แล้วก็ไม่ได้แปลว่าต้องห่มผ้าเหลือง ต้องบวช ไม่แบ่งเพศ แบ่งวัย ชาติ ชนชั้น เรื่องของจิตล้วนๆที่เข้าถึงสภาวะนั้นๆที่ละเอียด ประณีต สุข สงบสะอาดตามลำดับ
สงฆ์แท้ๆก็เป็นคนธรรมดาที่มีสัมมาทิฐิตั้งต้นมีภาวนาเป็นที่อยู่ของจิต เป็นเครื่องฝึกจิต เพราะจิตยังไม่เป็นอิสระจากเครื่องยึดโยงทั้งหลาย ยกเว้นพระอรหันต์เท่านั้นที่จิตเป็นอิสระโดยสมบูรณ์....มีภาวนาเป็นที่อยู่แต่การฝึกฝนการเรียนของจิต ...จบแล้ว
นี่คือคำว่าพระแท้ๆ หรืออริยบุคคล
ส่วนที่เห็นบวชทั่วๆไป ถ้าเข้าถึงสิ่งนี้ท่านก็เป็นสงฆ์แท้ เป็นอริยสงฆ์ คนเหล่านี้เป็ระอแม่ครูบาอาจารย์ของผู้ที่ต้องการฝึกฝนจิตใจตน เดินตามพระสัทธรรม ถ้าไม่ถึงก็เป็นแค่สมมุติสงฆ์ ไม่ได้แย่อะไรถ้าท่านเล่าเรียนศึกษาความรู้ รักษาพระธรรมวินัย ศีล 227 ข้อ หมั่นภาวนา เพื่อวันหนึ่งท่านจะได้เป็นสงฆ์ที่แท้จริง....
สถานะนักบาช เหมาะมากแก่การภาวนา ทำความเพียรมากที่สุด ใครที่ได้ช่วยดูแลก็เหมือนได้ช่วยให้หนึ่งดวงจิตได้ถึงฝั่งคือพระนิพพาน คือความสงบเย็นของดวงจิตนั้น นั่นจึงต้องมีอุบาสก อุบาสิกาช่วยกันดูแล จึงเป็นนาบุญอันดีหากได้ดูแลผู้ที่ตั้งใจดี แม้เป็นเพียงสมมุติสงฆ์...เป็นบุญมากของผู้ดูแล...เราช่วยเขา เขาช่วยเรา ระหว่างทางไม่ง่าย ถ้าไม่พบคนที่เดินมาก่อนคอยบอก สอน ตักเตือน มันหลงทางง่ายมาก จิตคนเบา มาก หลุดลอยออกนอกทางได้ตลอดเวลา
แต่ถ้าพวกอลัชชี โกนหัว เสพกามเหมือนชาวบ้าน สะสมของเหมือนชาวบ้าน ไปจนถึงเสพยา มั่วเมถุน...นั่นก็คืออลัชชี คนนอกศาสนาแม้คาผ้าเหลือง....ไม่มีความจำเป็นต้องกราบไหว้อะไร ....เพราะเขาไม่ทีคุณธรรมอะไรให้เราต้องไหว้...แต่ก็ไม่ต้องไปด่าว่าให้ใจเราต้องเศร้าหมอง ตกต่ำไปด้วย สร้างกรรมไม่ดีให้ตัวเองเฉยๆ สร้างความร้อนให้สังคม ไม่มีประโยชนค่ะ
ผู้หญิงที่มั่วสุมกับเหล่าอลัชชีพวกนั้นก็ไม่ใช่อุบาสิกาแท้ๆ เป็นแค่ผู้หญิง ที่ไม่ละอายต่อบาป.... การเสพกามของชาวบ้านถ้าเป็นไปตามครรลอง ไม่ใช่เรื่องผิดบาป แต่สำหรับนักบวช บาปตรง หลอกให้คนหลงกราบไหว้ เลี้ยงดูเพราะคิดว่ามีคุณธรรมตามฐานะ
* บทความจากหลวงพ่อค่ะ *
พิพิธภัณฑ์ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐานที่เราออกทุนไปแล้ว มันเหมาะสมกับเงินทุนที่เราออกไปไหม หลวงพ่อขึ้นไปดูทุกเช้าทุกเย็นนะ ฉันจังหันเสร็จหลวงพ่อก็ขึ้นไปดู ตอนเย็นก็ขึ้นไปเกือบทุกวัน หลวงพ่อมั่นใจนะ ที่พี่น้องประชาชนศรัทธาญาติโยมถวาย หรือว่ามอบปัจจัยให้ก่อสร้าง หลวงพ่อเห็นแล้ว โอ้โห ไม่เสียดายปัจจัยแทนลูกหลานว่างั้นเถอะ เพราะว่างานชิ้นนี้แน่นหนามั่นคง แล้วก็เป็นงานที่ใหญ่ ต่อไปก็คงจะทรงคุณค่า หลวงพ่อเองก็คิดว่าน่าจะทรงคุณค่าต่อไปภายภาคหน้า
เมื่อสร้างเสร็จแล้วลูกหลานจึงค่อยมาชมมาดูนะ ที่หลวงพ่อพูดเกริ่น ๆ ให้ฟังขณะนี้ลูกหลานก็ฟัง ๆ เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร เป็นอย่างที่หลวงพ่อได้พูดได้กล่าวไหม แต่หลวงพ่อมั่นใจว่างานที่ทำนี้ จะต้องเป็นประโยชน์ เป็นแหล่งการเรียนรู้การศึกษาของลูกของหลานต่อไปภายภาคหน้า
เห็นไหมลูกหลาน ที่หลวงพ่อเขียนไว้ พวกเราจะฝากคุณงามความดี ฝากฝีมือไว้ในแผ่นดิน อันนี้เราร่วมกันฝากคุณงามความดี ฝากฝีมือไว้ในแผ่นดิน สิ่งที่มันเลวมันชั่ว สิ่งที่มันไม่ดี เราไม่ควรจะฝากเอาไว้ ไม่ควรจะเป็นมรดกของลูกของหลานต่อไปภายภาคหน้า ควรจะฝากสิ่งที่ดีให้กับลูกกับหลาน เพื่อการศึกษาเรียนรู้คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมอันดีงามให้กับลูกหลาน เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็เป็นสมบัติของแผ่นดิน เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน
เรื่องเจดีย์พิพิธภัณฑ์ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อ หลวงพ่อทุ่มเทอย่างสุด จะเป็นเจดีย์หลวงปู่หล้าก็ดี เจดีย์คุณแม่ชีแก้วก็ดี เจดีย์หลวงตาก็ดี เจดีย์หลวงครูบาอาจารย์หลาย ๆ องค์ หลวงพ่อก็ให้ความเอื้อเฟื้ออำนวยความสะดวก ให้แนวความคิดมากมายหลายเจดีย์
มาคราวนี้คงจะเป็นอันสุดท้ายของหลวงพ่อที่จะทุ่มเทแนวปฏิปทาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่นสายหลวงปู่มั่นทั้งสายเลย คงจะจบเพียงอันนี้เป็นอันสุดท้ายแล้ว เพราะฉะนั้นอันนี้อันสุดท้าย หลวงพ่อก็จะทำให้ดีที่สุด
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “งานถวายมุทิตาสักการะ ๘๐ ปี”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๘
โฆษณา