Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Anan The Planner
•
ติดตาม
15 ก.ค. เวลา 11:56 • ธุรกิจ
ความย้อนแย้งที่น่าคิด: ทำไมคนรวยถึงชอบทำประกัน แต่คนชนชั้นกลางกลับมองข้าม?
นี่คือความจริงที่น่าแปลกใจในโลกของการเงิน: คนที่มักจะทำประกันชีวิตและประกันประเภทอื่นๆ กลับเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะทางการเงินดีหรือเป็น "คนรวย" ในขณะที่กลุ่มคนชนชั้นกลางหรือผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก มักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการทำประกัน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? สิ่งที่ดูย้อนแย้งนี้มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
มุมมองของคนรวย: การทำประกันคือ "Wealth Protection"
สำหรับคนรวย การทำประกันไม่ได้เป็นแค่การ "ซื้อความคุ้มครอง" แต่เป็นการ "ปกป้องความมั่งคั่ง" (Wealth Protection) และ "บริหารความเสี่ยง" อย่างเป็นระบบ พวกเขามองประกันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพในการ:
รักษาเงินต้นและมรดก: คนรวยเข้าใจว่าแม้จะมีเงินมากแค่ไหน แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วยร้ายแรง การเสียชีวิต หรืออุบัติเหตุ สามารถกัดกินทรัพย์สินที่สะสมมาได้มหาศาล ประกันคือเกราะป้องกันไม่ให้เงินก้อนที่สร้างมาต้องหมดไปกับความเสี่ยงเหล่านี้ และช่วยให้ทรัพย์สินถูกส่งต่อเป็นมรดกถึงทายาทได้อย่างครบถ้วน ไม่ต้องเสียเวลาหรือทรัพยากรในการจัดการหลังเกิดเหตุ
จัดการความเสี่ยงแบบมีประสิทธิภาพ: คนรวยมักมีทรัพย์สินหลายรูปแบบ ทั้งธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การลงทุนต่างๆ พวกเขาเข้าใจดีว่าความเสี่ยงมีอยู่รอบด้าน และการโอนย้ายความเสี่ยงบางอย่างไปให้บริษัทประกันภัยดูแลในราคาที่สมเหตุสมผล เป็นวิธีที่คุ้มค่ากว่าการแบกรับความเสี่ยงเหล่านั้นไว้เองทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงสภาพคล่องและธุรกิจได้
วางแผนภาษี: ประกันชีวิตบางประเภทยังสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนภาษีมรดก หรือการวางแผนส่งต่อทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าความมั่งคั่งที่สร้างมาจะไม่ถูกลดทอนลงไปกับภาระภาษีที่ไม่จำเป็น
เพิ่มความมั่นคงทางใจ: การรู้ว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้พวกเขามีความสบายใจ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับความไม่แน่นอน
มุมมองของคนชนชั้นกลาง: "ความจำเป็นเร่งด่วน" บดบัง "ความสำคัญระยะยาว"
ในทางกลับกัน คนชนชั้นกลางมักมีเหตุผลบางประการที่ทำให้มองข้ามความสำคัญของประกัน:
ภาระค่าใช้จ่ายที่จำกัด: ผู้มีรายได้ปานกลางมักมีค่าใช้จ่ายประจำวันที่ค่อนข้างสูง ทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายลูก และค่าครองชีพต่างๆ ทำให้เหลือเงินสำหรับ "การออม" หรือ "การลงทุน" ไม่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น การจ่ายเบี้ยประกันจึงถูกมองว่าเป็น "ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม" ที่ไม่จำเป็นในทันที
ขาดความเข้าใจในประโยชน์ที่แท้จริง: หลายคนอาจมองประกันว่าเป็นเพียง "การซื้อความกลัว" หรือ "จ่ายทิ้ง" หากไม่เกิดเหตุการณ์ ประกันชีวิตมักถูกเข้าใจผิดว่ามีไว้แค่ตอนเสียชีวิตเท่านั้น โดยไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและสร้างหลักประกันให้ครอบครัวในระยะยาว
ลำดับความสำคัญของปัญหา: ในชีวิตประจำวัน คนชนชั้นกลางมักต้องเผชิญกับปัญหาที่เร่งด่วนและจับต้องได้มากกว่า เช่น การหาเงินให้พอใช้จ่ายในแต่ละเดือน การเก็บเงินดาวน์บ้าน การส่งลูกเรียน ทำให้การวางแผนรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตที่ยังไม่เกิด ถูกเลื่อนลำดับความสำคัญออกไป
ความรู้สึก "ยังไม่ถึงเวลา": หลายคนคิดว่าตัวเองยังอายุน้อย ยังแข็งแรง ยังไม่จำเป็นต้องทำประกัน หรือรอให้รวยกว่านี้ก่อนค่อยทำ ซึ่งเป็นการละเลยความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเมื่อเวลาผ่านไป เบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงขึ้น หรืออาจไม่สามารถทำได้แล้วหากสุขภาพไม่ดี
สรุป: ความแตกต่างในการให้ความสำคัญกับประกันระหว่างคนรวยกับคนชนชั้นกลาง ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครฉลาดกว่าใคร แต่อยู่ที่ "มุมมอง" และ "ลำดับความสำคัญ" ในการบริหารจัดการความเสี่ยงและทรัพย์สิน
คนรวยมองว่าประกันคือการปกป้องสิ่งที่พวกเขาสร้างมา ส่วนคนชนชั้นกลางมักมองว่าเป็นการตัดเงินที่หามาได้ยากไปจ่ายกับสิ่งที่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที
การทำความเข้าใจในบทบาทที่แท้จริงของประกันว่าเป็น "เครื่องมือบริหารความเสี่ยง" และ "การสร้างหลักประกัน" ให้กับคนที่รัก ควรเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะใด ควรให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงิน เพื่อชีวิตที่มั่นคงและไร้กังวลอย่างแท้จริง
#ประกันชีวิต #WealthProtection #การเงินส่วนบุคคล #วางแผนการเงิน #AnanThePlanner
วางแผนการเงิน
ประกัน
การลงทุน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย