ค่ารักษาพยาบาลพุ่งไม่หยุด: อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์สูงกว่าเงินเฟ้อทั่วไปหลายเท่าตัว!
สถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ แต่มีค่าใช้จ่ายหนึ่งที่พุ่งสูงเร็วกว่าค่าใช้จ่ายทั่วไปอย่างน่าตกใจ นั่นคือ "อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล" (Medical Inflation)
จากข้อมูลของ WTW (Willis Towers Watson) ในปี 2024 อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลต่อปีในประเทศไทยสูงถึง 15.2% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2024 อยู่ที่ 0.4% (ข้อมูลจาก FocusEconomics และกระทรวงพาณิชย์) และคาดการณ์ว่าในปี 2025 อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลของไทยจะอยู่ที่ 14.2% (WTW) ซึ่งยังคงสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่คาดการณ์ไว้ราว 0.7-0.8% อย่างมาก ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนี้ กำลังเป็นสัญญาณเตือนให้เราต้องตระหนักถึงภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่อาจตามมา
เหตุผลหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าเงินเฟ้อทั่วไป:
ค่าเทคโนโลยีทางการแพทย์สูงขึ้น
โรงพยาบาลจำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในเครื่องมือและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น เครื่อง MRI, หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด, ระบบ AI ตรวจโรค ซึ่งมีราคาสูงมาก และต้นทุนเหล่านี้ก็ถูกรวมอยู่ในค่ารักษาพยาบาลที่เราต้องจ่าย
ค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์สูง
แพทย์เฉพาะทาง พยาบาลวิชาชีพ และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ล้วนมีความรู้และทักษะเฉพาะทางที่ต้องใช้เวลาและงบประมาณในการสร้างและพัฒนา ค่าจ้างของบุคลากรกลุ่มนี้จึงมีการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการและมาตรฐานวิชาชีพ
ผู้ป่วยมีอายุยืนขึ้น โรคเรื้อรังมากขึ้น
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกมีอายุยืนยาวขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เกิดภาวะโรคเรื้อรังที่ต้องใช้ระยะเวลาการรักษานานและมีค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ, หรือมะเร็ง ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
พฤติกรรมการใช้บริการเปลี่ยนไป
คนไข้ในปัจจุบันมีความต้องการ "บริการพรีเมียม" มากขึ้น เช่น ห้องพักผู้ป่วยที่สะดวกสบายเหมือนโรงแรม บริการที่รวดเร็วทันใจ หรือการเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางได้ง่ายขึ้น ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ส่งผลให้ต้นทุนของโรงพยาบาลสูงขึ้น และดันราคาค่ารักษาพยาบาลให้ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
บริษัทประกันสุขภาพปรับเบี้ยขึ้นตามเคลมจริง
เมื่อโรงพยาบาลมีต้นทุนสูงขึ้น และมีการเคลมค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทประกันสุขภาพเองก็ต้องปรับเบี้ยประกันให้สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่แท้จริง และภาระนี้ก็มักจะถูกผลักกลับมายังผู้เอาประกันภัยในที่สุด
ค่าเงินบาทอ่อน – กระทบต้นทุนวัสดุนำเข้า
ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวนมากยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อใดที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะทำให้ต้นทุนในการนำเข้าสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่ารักษาพยาบาลโดยรวม
สรุป: ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นเพราะต้นทุนของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และแนวโน้มนี้จะยังคงอยู่ต่อไป หากไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างหรือการควบคุมต้นทุนที่จริงจัง
ดังนั้น การวางแผนทางการเงินเพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
#MedicalInflation #ค่ารักษาพยาบาล #วางแผนสุขภาพ #การเงินส่วนบุคคล #AnanThePlanner
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
