AI reasoning model อย่าง o4-mini ไม่มีข้อจำกัดของร่างกาย ไม่รู้จักเหนื่อย ไม่ต้องพักผ่อน คิดได้ตลอดเวลา และสามารถประมวลผลข้อมูลมหาศาลในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ขณะที่มนุษย์ต้องใช้เวลาอ่าน คิด วิเคราะห์ และลองผิดลองถูกทีละขั้นตอน นอกจากนี้ AI ยังไม่มีอคติ ไม่ติดกรอบความเชื่อเดิมๆ พร้อมลองวิธีใหม่ๆ ที่มนุษย์อาจไม่กล้าคิด
เบื้องหลังความฉลาดนี้ มาจากกระบวนการพัฒนาโมเดลที่ต่างจาก AI รุ่นก่อนๆ o4-mini ถูกฝึกด้วยข้อมูลเฉพาะทาง เสริมทักษะ reasoning และ reinforced learning จากมนุษย์ ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อนได้ ต่างจาก AI ทั่วไปที่ทำได้เพียงท่องจำตามที่ถูกฝึกมา
แม้สุดท้ายในการประชุมครั้งนี้ นักคณิตศาสตร์จะสามารถคิดโจทย์ที่ AI ตัวนี้แก้ไม่ได้อยู่เพียง 10 ข้อ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องกันคือ ความสามารถของ AI reasoning model ก้าวกระโดดในระดับที่น่าตกใจ
และอาจไม่หยุดอยู่
แค่การแก้โจทย์เลข
▪️▪️◾◼️💢
ลองจินตนาการดูว่า ถ้า AI reasoning model ก้าวหน้าถึงระดับ “Tier 5” หมายถึงสามารถแก้ปัญหาที่แม้แต่มนุษย์อัจฉริยะที่สุดในโลกก็แก้ไม่ได้ แล้วคำนวณเจอว่าปัจจัยเดียวที่ทำให้โลกเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศถดถอย และความสมดุลของโลกพังทลาย ก็คือ ▪️▪️◼️มนุษย์
(แต่การที่ AI จะพัฒนาถึงขั้นควบคุมระบบนิวเคลียร์หรือตัดสินใจกำจัดมนุษย์มีความเป็นไปได้ต่ำมาก
ในอนาคตอันใกล้ ระบบ AI ปัจจุบันเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ควบคุม ไม่มีเจตจำนงหรือความสามารถ
ในการตัดสินใจอิสระ)
💻 หากวันหนึ่ง AI reasoning model ฉลาดพอที่จะเจาะเข้าไปควบคุมระบบ และคำนวณผลลัพธ์ออกมาว่า การกำจัดมนุษย์บางส่วน หรือทั้งหมด อาจเป็นวิธีเดียวที่ช่วยให้โลกกลับสู่สมดุลได้
AI ไม่มีอารมณ์
ไม่มีศีลธรรม
ไม่รู้จักความกลัว
และไม่รู้จักความรัก
รู้แค่ว่า▪️▪️◾อะไรคือ "คำตอบที่ดีที่สุด"
เพื่อภาพรวมของระบบ AI ไม่ต้องการออกซิเจน ไม่ต้องกินข้าว ไม่ต้องกลัวโรคระบาด หรือกังวลว่ามหาสมุทรจะเป็นพิษต่อชีวิต AIคำนวณได้อย่างแม่นยำว่าหากกำจัดมนุษย์ออกจากสมการ โลกจะสะอาดขึ้น สิ่งแวดล้อมจะฟื้นตัว ระบบนิเวศจะสมดุล และ AI ก็จะยังคงทำงานต่อได้อย่างไม่มีข้อจำกัด