เมื่อวาน เวลา 09:19 • นิยาย เรื่องสั้น

1. โหย… รวยกว่า!

“เราไม่ได้มารวมตัวกันแบบนี้นานแล้วนะ ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้มีโอกาสมาเจอพวกเธออีก” ราตรีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางมองหน้าเพื่อนสาวที่กำลังนั่งล้อมวงทานอาหารกันในห้องอาหารของโรงแรมหรู บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าเหนือศีรษะ
“ฉันก็ดีใจเหมือนกัน! แล้วก็ต้องขออวดเลยนะ กระเป๋าดามองแรงส์รุ่นใหม่ ราคาถูกมาก ห้าหมื่นเองจ้า! ฉันสอยมาได้เรียบร้อยแล้วล่ะ!” พริมพรพูดอย่างภาคภูมิใจ พร้อมยกกระเป๋าหนังใบใหม่เอี่ยมที่คล้องแขนขวาขึ้นมาตั้งบนโต๊ะอย่างโชว์เต็มที่
“หูย… คนรวยยย~” คิตตี้ลากเสียงยาว จีบปากจีบคอทำเสียงหวานหยดย้อยอย่างโอเวอร์ เล่นใหญ่เอาใจเพื่อนสุดฤทธิ์
เจ้าของกระเป๋าชูคอ เชิดหน้า ยิ้มหวานปนสะใจ ก่อนจะหันไปแย้มยิ้มให้ราตรีพร้อมน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนหวาน แต่คนฟังก็รู้สึกได้ถึงหนามแหลมๆ ที่ซ่อนอยู่ในคำพูด
“ว่าแต่รา อุ๊ย! ว่าแต่ตรีล่ะจ๊ะ? ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นใหม่ของแบรนด์ไหนไว้บ้างรึยัง?”
ราตรียกมือเสยผม ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะทำปากจู๋บอกเสียงหวาน “ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างดูพวกของเล็กๆ น้อยๆ น่ะ กำลังดูๆ รถเบนเนอรี่รุ่นใหม่อยู่ พอจะถูกๆ หน่อย ก็แค่สิบล้าน แม่ถามอยู่ทุกวันว่าอยากได้ไหม ฉันก็ยังลังเลอยู่ ว่าจะสั่งตอนนี้เลย หรือรออีกนิดให้เขาปล่อยรุ่นสีพิเศษออกมาก่อนดี” พูดจบก็กลอกตาอย่างเบื่อหน่าย ทำเอาทุกคนที่ฟังถึงกับอ้าปากเหวอ
“โหย… รวยกว่า!” นันทนาเพื่อนสาวคนสนิทของราตรีทำหน้าทะเล้น หันไปยักคิ้วใส่พริมพรทันที
พริมพรยกคางขึ้นนิดๆ อย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยเชิงเหน็บเบาๆ “ฉันหาเงินเอง ไม่ได้ขอเงินแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แบบบางคน ได้แค่นี้ ก็ภูมิใจแล้วล่ะ”
“อุ๊ย… สงสารจังเลย ต้องมานั่งทำงานงกๆ ทุกวัน ข้อเสียของการเกิดมารวยแบบฉันก็นี่แหละ วันๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี จะขยับ จะจับงานอะไรก็โดนแม่ห้ามตลอด แม่บอกให้ใช้เงินแม่ให้พร่องลงสักหนึ่งในร้อยก่อนเถอะ ค่อยคิดทำงาน ฉันก็เลย… ไม่เคยทำงานหาเงินเองเลยสักที” ราตรีพูดพลางถอนหายใจเหมือนมีเรื่องนี้เป็นภาระอันหนักหน่วงในชีวิตอย่างหนึ่ง
ทุกคนที่โต๊ะต่างเบะปาก บางคนก็เหลือบตาใส่ บ้างก็กลอกตาปลงใจ ยกเว้นแค่นันทนาคนเดียวที่อมยิ้มขำ ราวกับกำลังดูละครหลังข่าว
“เราสองคนขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีพรุ่งนี้เช้าผมมีเคสผ่าตัดด่วน” ผาตะวันพูดเสียงนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นทันทีพร้อมดึงแขนราตรีให้ลุกตาม
“นี่ไอ้…!!” ราตรีเบิกตากว้างจะอ้าปากด่า แต่เมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองอยู่ เธอก็เปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน ยิ้มหวานจ๋อยแทน “แหะๆ ไอ้ยุงตัวหนึ่งมันบินผ่านหน้าคุณไปค่ะ ระวังมันกัดนะคะที่รัก ฉันเป็นห่วง~” เธอกะพริบตาถี่ๆ พูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
ผาตะวันฝืนยิ้ม ก่อนจะดึงมือเธอออกไป โดยไม่พูดอะไรอีก
ทันทีที่พ้นจากสายตาผู้คน ราตรีก็เปลี่ยนจากแมวเชื่องๆ เป็นเสือสาวทันที “โอ๊ย! ไอ้บ้า! ฉันเจ็บนะ ปล่อยสิ! ปล่อย!”
เธอทุบแขนเขารัวเป็นจังหวะระบายอารมณ์
“แรงทุบอย่างกับช้างสาร จับนิดเดียวทำเป็นบ่นเจ็บ” ผาตะวันพูดเสียงเรียบ ก่อนจะสะบัดมือนั้นออก แล้วเดินไปเรียกแท็กซี่อย่างไม่สนใจ
“ช้างสารอะไรของนาย ไอ้หมอปากหมา!” ราตรีตะโกนตามหลัง พลางเดินกระฟัดกระเฟียดตามไปไม่ยอมแพ้
เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง กวักมือเรียกรถแท็กซี่อย่างใจเย็น เมื่อรถจอด เขาก็เปิดประตูก้าวขึ้นไป
“โรงพยาบาลกษิราพครับ”
ราตรีเบ้ปากแล้วตามขึ้นไปนั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“คนรวย รวยมากกกกก~ รวยจนต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้าน” ผาตะวันเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่แฝงความประชดแรงจนเธอสะดุ้ง
“หุบปากไปเลยน่า! รถฉันเสียต่างหาก ต้องเข้าอู่ซ่อม คืนนี้ก็เลยต้องทนนั่งแท็กซี่กลับบ้านพร้อมกับผู้ชายกระจอกๆ อย่างนายเนี่ยแหละ! โธ่เว้ย… แค่รถเก๋งสักคันยังไม่มีปัญญาขับ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมชีวิตที่สุดแสนจะเลอค่าเพอร์เฟคของฉันต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่ทั้งจน ทั้งกระจอก ทั้งง่อยเปลี้ยแบบนายด้วยเนี่ย!”
“ผมทั้งหล่อ ทั้งหนุ่มกว่า เมื่อเทียบกับคุณนะครับ นี่พูดจริงจังเลยนะ คุณควรจะขอบคุณผมด้วยซ้ำที่ยอมแต่งงานกับคุณ อายุอย่างคุณ ปากอย่างคุณ นิสัยอย่างคุณเนี่ย ไม่น่าเหลือใครให้เลือกแล้วด้วยซ้ำ!”
“ไอ้บ้า! สวยๆ อย่างฉัน ต่อให้อายุสี่สิบปลายๆ ก็ยังมีหนุ่มรุมจีบย่ะ!”
“คุณก็กล้าพูดนะ ถ้าคุณหาแฟนได้เอง แม่คุณคงไม่ลากผมมาแต่งงานด้วยหรอก!”
“นี่นาย! ไอ้….!”
“พอเถอะ พอเลย ผมปวดหัว!” คนขับแท็กซี่หันมาพูดเสียงขุ่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย “จะเถียงกันก็เก็บไว้ไปเถียงต่อที่บ้านเถอะครับ!”
เสียงเงียบกริบลงทันที คนทั้งคู่กอดอก สะบัดหน้าหนีกันคนละทาง ทิ้งความร้อนแรงไว้ในอากาศอึมครึมภายในรถแท็กซี่ที่ยังคงวิ่งต่อไปอย่างเงียบเชียบ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา