[Right Style by Bom+] “ยังไม่สงบ” สงครามในซีเรีย (อีกครั้ง) ระหว่างกลุ่มกองกำลังที่ “ดามัสกัสสนับสนุน” กับ “อิสราเอลสนับสนุน”

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Right Style by Bom+

•

17 ก.ค. เวลา 07:47 • ข่าวรอบโลก

“ยังไม่สงบ” สงครามในซีเรีย (อีกครั้ง)

ระหว่างกลุ่มกองกำลังที่ “ดามัสกัสสนับสนุน” กับ “อิสราเอลสนับสนุน”

★
ไทมไลน์ของเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด

■
11 กรกฎาคม 2025: ทางตอนใต้ของชายแดนซีเรีย มีกลุ่มชายติดอาวุธได้หยุดรถยนต์คันหนึ่งบนถนนที่ขับจากกรุงดามัสกัสไปยังเมืองสุไวดา คนขับซึ่งเป็นพ่อค้าขายผักจากสุไวดาถูกลักพาตัวไป ต่อมาเขาถูกทิ้งไว้โดยถูกปิดตาในพื้นที่ห่างไกล เขาถูกทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ มีคนเดินผ่านไปมาพบเขาและนำตัวส่งโรงพยาบาล [1]

พ่อค้าคนนี้เป็นคนของเผ่า “ดรูซ” ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาเดียวกัน อาศัยอยู่ในซีเรีย เลบานอน อิสราเอล และจอร์แดน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่รอบๆ ที่ราบสูงโกลัน จากการประมาณพบว่ามีชาวดรูซประมาณ 5 – 7 แสนคน 2/3 อาศัยอยู่ในซีเรีย และเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในสุไวดา พวกเขาใช้ภาษาอาหรับ ศาสนาของพวกเขาถือกำเนิดขึ้นเมื่อพันปีก่อนในฐานะแขนงหนึ่งของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ แต่ชาวดรูซในปัจจุบันไม่ถือว่าพวกตนเป็นมุสลิม

การปล้นและลักพาตัวเกิดขึ้นเป็นประจำบนทางหลวงสาย “ดามัสกัส-สุไวดา” ซีเรียถือว่ายังคงอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง รัฐบาลกลางโดย “อัล-ซาราห์” จากกลุ่ม HTS (สาขาหนึ่งของไอเอส) ที่ตุรกีหนุนหลัง ไม่สามารถควบคุมพื้นที่อันกว้างใหญ่ทั้งหมดของซีเรียตอนนี้ได้ แม้แต่กองทัพกลางที่เป็นปึกแผ่นก็ยังไม่มี หรือแม้แต่กองกำลังตำรวจ แต่ปัจจัยทางศาสนากลับทำให้เหตุการณ์อาชญากรรมกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนา

เครดิตภาพ: BBC

เผ่าดรูซมีขนาดเล็กแต่มีกองกำลังที่ติดอาวุธครบครัน ในช่วงสงครามกลางเมือง กองกำลังติดอาวุธที่โดดเด่นที่สุดคือ “ริจาล อัล-คารามา” (บุรุษผู้มีศักดิ์ศรี) สร้างความโดดเด่นด้วยการต่อสู้กับทั้งผู้สนับสนุน “บาชาร์ อัล-อัสซาด” และกลุ่มไอเอส (ของอัล-ซาราห์ ปธน.ปัจจุบัน) เมื่อธันวาคม 2024 ชาวดรูซมีบทบาทสำคัญในการยึดครองดามัสกัสและโค่นล้มระบอบการปกครองของอัสซาดลงได้สำเร็จ

ในซีเรียยุคปัจจุบัน กองกำลังติดอาวุธชาวดรูซไม่คิดจะวางอาวุธเลยด้วยซ้ำ ผู้นำปัจจุบันจากกลุ่มไอเอสมองว่าชาวดรูซเป็นพวกนอกรีต มีการปะทะกันหลายครั้งระหว่างกองกำลังรัฐบาลกลางกับกลุ่มนี้ ครั้งแรกที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิที่จารามานา ชานเมืองดามัสกัส มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคนในตอนนั้น รวมถึงชาวดรูซ 14 คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ [2]

■
13 กรกฎาคม 2025: คราวนี้กองกำลังติดอาวุธชาวดรูซลักพาตัวชาว “เบดูอิน” (เป็นมุสลิมซุนนี พวกเดียวกับผู้นำซีเรียปัจจุบัน) ไปหลายคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พวกที่ทำร้ายและปล้นพ่อค้าที่เป็นชาวเผ่าตน ถือว่าเป็นการล้างแค้นของเผ่า ความขัดแย้งได้ลุกลามไปสู่ระดับชุมชนที่ใหญ่ขึ้น การสู้รบระหว่าง “ชาวดรูซ” และ “ชาวเบดูอิน” ในจังหวัดสุไวดา ได้ดำเนินไปต่อเนื่อง โดยมีการใช้ปืนครกและอาวุธขนาดเล็ก มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน [3]

เครดิตภาพ: Commonwealth Union

สถานการณ์ตึงเครียดยังคงดำเนินต่อไปตามรอยเหตุการณ์เดิมที่จารามานา ชาวเบดูอินจากเมืองดาราที่อยู่ใกล้เคียงเดินทางไปยังสุไวดา รัฐบาลดามัสกัสส่งกองกำลังไปยังพื้นที่ดังกล่าว เดิมทีพวกเขามีหน้าที่รักษาสันติภาพ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาคือนักรบอิสลามกลุ่มเดียวกับชาวเบดูอินที่เพิ่งต่อสู้กับชาวดรูซ

มีลางว่าเหตุการณ์เดียวกันนี้จะเกิดขึ้นกับชาวดรูซเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมกับชุมชนชาติพันธุ์อีกแห่งหนึ่งคือ ชาว “อลาวี” พวกเขาก่อกบฏในทาร์ตุสและลาตาเกีย ซึ่งรัฐบาลดามัสกัสปราบปรามอย่างโหดร้ายภายในไม่กี่วันและเกิดการปะทะตอบโต้อย่างรุนแรง

แต่ชาวดรูซต่างจากชาวอลาวี ตรงที่มีผู้สนับสนุนภายนอกที่แข็งแกร่ง นั่นคือ “อิสราเอล”

●
ประการที่ 1: มีชุมชนชาวดรูซอยู่ที่นั่นมีขนาดไม่ใหญ่ ประมาณ 150,000 คน แต่มีอิทธิพลอย่างมาก โดยเฉพาะในกองกำลังชาวดรูซจำนวนมากรับใช้ในหน่วยรบของกองทัพอิสราเอล (IDF) และอยู่ในตำแหน่งผู้บังคับบัญชา

●
ประการที่ 2: อิสราเอลควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณ “ที่ราบสูงโกลัน” ซึ่งประชากรประมาณครึ่งหนึ่ง (ประมาณ 25,000 คน) เป็นชาวดรูซ โดยส่วนใหญ่มีสัญชาติซีเรีย

●
ประการที่ 3: ดินแดนของชาวดรูซ ได้แก่ คูไนตรา ดารา และสุไวดาของซีเรีย ก่อตัวเป็นเขตกันชนระหว่าง “อิสราเอล-ซีเรีย” และรัฐบาลอิสราเอลกำลังพยายามป้องกันไม่ให้ดามัสกัสเข้ายึดครองดินแดนนี้อย่างเต็มรูปแบบ

เครดิตภาพ: TRT World

ย้อนไปเมื่อกุมภาพันธ์ปีนี้ นายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ของอิสราเอล กล่าวว่าอิสราเอลจะไม่อนุญาตให้กองทัพของรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ หรือกองกำลังติดอาวุธใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล เริ่มปฏิบัติการก่อนทางตอนใต้ของดามัสกัส เขาเรียกร้องให้พวกเขาอย่าเข้าไปในเมืองคูไนตรา ดารา และสุไวดา และย้ำอย่างชัดเจนว่า “เราจะไม่ยอมให้มีภัยคุกคามใดๆ ต่อชุมชนชาวดรูซในซีเรียตอนใต้” [4]

■
14 กรกฎาคม 2025: ก่อนหน้าอิสราเอลก็รักษาสัญญาดี แต่แล้ววันนี้ได้มีเครื่องบินอิสราเอลเริ่มทิ้งระเบิดโจมตีกองกำลังของรัฐบาลกลางซีเรีย (รวมถึงรถถัง) ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองสุไวดา และตำแหน่งที่ตั้งของฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในเมืองสุไวดาเอง [5]

■
15 กรกฎาคม 2025: ชาวดรูซที่อาศัยอยู่บนที่ราบสูงโกลันของอิสราเอลได้กรูหลั่งไหลเข้าสู่ซีเรีย มีรายงานว่าชาวดรูซบนโกลันหลายสิบคนข้ามพรมแดนเข้าสู่ซีเรียแล้ว และในเวลาต่อมามีรายงานชาวดรูซเข้าไปยังซีเรียแล้วหลายร้อยคน ชาวดรูซของอิสราเอลได้หยุดงานประท้วงเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ศรัทธาชาวเผ่าเดียวกันในซีเรีย และจัดการประท้วงบนท้องถนนหลายครั้ง [6][7]

■
16 กรกฎาคม 2025: เกิดการโจมตีทางอากาศหลายครั้งตามมา คราวนี้เกิดขึ้นที่กรุงดามัสกัส กระทรวงกลาโหมและคณะเสนาธิการทหารถูกทิ้งระเบิด ทำเนียบประธานาธิบดีหรือบริเวณใกล้เคียงก็ถูกโจมตีเช่นกัน อาจเป็นการเตือนว่าอิสราเอลพร้อมที่จะยกระดับความรุนแรง หากรัฐบาลซีเรียกลางยังไม่ยุติการโจมตีชาวดรูซ [8][9]

อาคารกระทรวงกลาโหมและที่ทำงานของคณะเสนาธิการทหารของซีเซียถูกโจมตีโดยเครื่องบินทิ้งระเบิดของอิสราเอลเมื่อ 16 กรกฎาคม 2025 เครดิตภาพ: Mohammed Al Rifai / EPA

เนทันยาฮูได้ยื่นแถลงพิเศษส่งตรงถึงชาวดรูซในอิสราเอล โดยยืนยันว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) กำลังดำเนินการเพื่อปกป้องชาวดรูซในซีเรีย และขอให้พวกเขาอย่าข้ามพรมแดนเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อตนเองและไม่แทรกแซงปฏิบัติการทางทหาร ขณะเดียวกันกองทัพอิสราเอลได้ส่งกำลังเสริมไปยังที่ราบสูงโกลันแล้ว [10]

ช่วงเย็นของวันพุธ 16 กรกฎาคม การสู้รบระหว่างกองกำลังชาวดรูซและกองกำลังสนับสนุนรัฐบาลซีเรียใน “สุไวดา” ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าการโจมตีของอิสราเอลจะทำให้รัฐบาลดามัสกัสประกาศยุติปฏิบัติการ แต่ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้แล้ว

กลุ่มติดอาวุธที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับรัฐบาลซีเรียอย่างเป็นทางการจะยังคงปฏิบัติการในสุไวดาต่อไป กลุ่มเหล่านี้เองที่ปราบปรามการลุกฮือของชาวอลาวีเมื่อหลายเดือนก่อน และต่อมาพวกเขาเองที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น

“การสู้รบในซีเรียตอนใต้” และ “การมีส่วนร่วมของอิสราเอล” เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงมาก ตลอดครึ่งปีแรกของ 2025 ขณะที่รัฐบาลซีเรียชุดใหม่ที่นำโดย “อาห์เหม็ด อัล-ชาราห์” กำลังตั้งที่มั่นในกรุงดามัสกัสและกำลังกำหนดวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตของประเทศซีเรีย

อิสราเอลกลับกำลังทำลายศักยภาพทางทหารของพวกเขาอย่างมีการวางแผนไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งระเบิดฐานทัพอากาศ กองทัพเรือ คลังอาวุธ และอื่นๆ นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังตั้งฐานกองกำลังในฝั่งซีเรียบนที่ราบสูงโกลันแล้ว หลังจากที่กองทัพซีเรียชุดเก่าถูกโละทิ้งโดยกองทัพซีเรียชุดใหม่ แต่ดามัสกัสยังไม่มีการส่งทหารเข้ามาคุมสถานการณ์ตรงบริเวณที่ราบสูงโกลัน ปล่อยให้ฝั่งอิสราเอลยึดคุมสถานการณ์ตรงจุดนั้น

“เนทันยาฮู” แทบจะเป็นคนเดียวในโลกที่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงการขาดความเชื่อมั่นในเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างความสงบสุขของรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ เป็นเรื่องน่าตกใจที่พวกเขากลับเลือกที่จะเรียกประธานาธิบดีซีเรียคนใหม่ในที่สาธารณะ ไม่ใช่ด้วยชื่ออย่างเป็นทางการว่า อาห์หมัด อัล-ชาราห์ แต่ด้วยชื่อที่ใช้ตอนอยู่กลุ่มไอเอสที่ว่า “อาบู มูฮัมหมัด อัล-จูลานี” ซึ่งเขาใช้เมื่อครั้งเป็นผู้บัญชาการภาคสนามของกลุ่มจาบัต อัล-นุสรา ซึ่งเป็นกลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรีย

แต่ในช่วงเดือนที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกันมากขึ้นว่าซีเรียพร้อมที่จะเข้าร่วม “ข้อตกลงอับราฮัม” (Abraham Accords) ซึ่งเป็นชุดข้อตกลงระหว่าง “อิสราเอล” กับ “กลุ่มประเทศอาหรับ” เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ [11]

เครดิตภาพ: Kurdistan24 English

อัล-ชาราห์ น่าจะมองว่าซีเรียตอนนี้อยู่ในช่วงแตกแยกภายในและไม่สามารถสู้รบกับใครได้ ความสนใจของอิสราเอลก็ชัดเจนเช่นกัน ซีเรียหากเป็นมิตรก็จะได้พรมแดนทางตอนเหนือที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามรัฐบาลเนทันยาฮูดูเหมือนจะเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อไป โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าซีเรียอ่อนแอและแตกแยกกันภายในโดยชุมชนที่ทำสงครามกันจะเป็นหลักประกันความมั่นคงของตน และคำถามเกี่ยวกับความเป็น “มิตรภาพ” หรือ “ศัตรู” ของดามัสกัสก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป

บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับอิสราเอลก็คือ พวกเขาสามารถเข้าควบคุมชาวดรูซในซีเรียได้เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางเหนือ หากไม่เป็นเช่นนั้นความสัมพันธ์กับชนเผ่าหรือกองกำลังอื่นๆ ของอิสราเอลจะยากขึ้นมาก เนื่องจากถือเป็นส่วนสำคัญของนโยบายในตะวันออกกลางที่ประกอบด้วยชุมชนตามเชื้อชาติและศาสนา

แต่ก็มีคนมองว่า “เนทันยาฮู” ที่หันมาโจมตีเพื่อนบ้านทางเหนืออย่างซีเรีย เพราะว่ากำลังหนีปัญหาทางด้านการเมืองภายในอิสราเอลเองที่ตัวเขาตอนนี้กำลังจะถูกจับเข้าคุกเรื่องทุจริตต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่พรรค Shas หรือเรียกว่าเป็น Ultra-Orthodox Party ของอิสราเอล ประกาศถอนตัวไม่ร่วมกับรัฐบาลของเนทันยาฮูแล้ว [12]

เรียบเรียงโดย Right Style

17th Jul 2025