Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
20 ก.ค. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ttb เปิดกำไรครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 10,100 ล้านบาท ลดลง 6.2%
ttb เปิดกำไรครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 10,100 ล้านบาท ลดลง 6.2% มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 และงวด 6 เดือน ปี 2568 โดยธนาคารและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิ 5,004 ล้านบาท เมื่อเทียบแล้วจะเห็นว่าปรับตัวลดลง 2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 7% จากไตรมาส 2 ปี 2567 ในไตรมาส 2 รวม 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 10,100 ล้านบาท ลดลง 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น ROE 8.5% สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปี แรกของปี 2568
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต
ท่ามกลางการชะลอตัวของรายได้ การบริหารจัดการด้านต้นทุนที่ดี ผ่านการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพยังเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนผลประกอบการได้
อย่างไรก็ตามส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ในครึ่งปีแรกคิดเป็น 3.13% ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 3.10-3.25% แม้ว่าอัตราผลตอบแทนการให้ สินเชื่อจะได้รับแรงกดดันทั้งจากภาวะอัตราดอกเบี้ยและโครงการช่วยเหลือลูกค้า ต้นทุนทางการเงินสามารถปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากแผนการบริหารเงินฝากและเงินกู้ยืมในเชิงรุก ช่วยลดผลกระทบเชิงลบบน NIM
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเน้นย้ำการมีประสิทธิภาพด้านต้นทุนเพื่อลดผลกระทบจากแรงกดดันด้านรายได้และรักษาความสามารถในการทำกำไร ด้านอัตราส่วนหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 2.73% ขณะที่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพทรงตัวในระดับสูงที่ 149% สะท้อนแนวโน้มด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพและบริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 5,004 ล้านบาท ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบแล้วจะเห็นว่าปรับตัวลดลง 2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 7% จากไตรมาส 2 ปี 2567 การลดลงดังกล่าวมีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย และสะท้อนผลจากการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าภายใต้โครงการต่าง ๆ นำโดยโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”
ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 2 มีลูกค้าทั้งรายย่อยและ SMEs เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 54,000 ราย หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อราว 31,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโปรแกรมปรับโครงสร้างหนี้รูปแบบอื่น ๆ โดยสามารถช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ยไปได้กว่า 2,510 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าของแผนการบริหารส่วนทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นนั้น ณ สิ้นไตรมาส 2 ธนาคารเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านโครงการซื้อหุ้นคืน ดำเนินการไปแล้วกว่า 3,876 ล้านบาท จากกรอบงบประมาณ 7,000 ล้านบาท ในปี 2568 นี้
ท้ายสุดในเรื่องของการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทีทีบีสามารถควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ให้ทรงตัวที่ 2.6% - 2.7% ถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่มี NPL ratio ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม และหากมองภาพระยะยาวนับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 ธนาคารสามารถลดยอดหนี้เสียได้ราว 12% จากประมาณ 44,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ระดับ 39,000 ล้านบาท
รายละเอียดผลการดำเนินงานรายการหลักๆ ในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือน ปี 2568 มีดังนี้
* สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 1,206 พันล้านบาท ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2568 (QoQ) และชะลอลง 2.8% จากสิ้นปี 2567 (YTD) เป็นผลจากการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบและการชำระคืนหนี้ของลูกค้า โดยธนาคารยังคงดำเนินการปรับโครงสร้างสินเชื่อไปยังกลุ่มสินเชื่อรายย่อยเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน ผ่านการนำเสนอสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้า Ecosystem
ได้แก่ กลุ่มคนมีบ้าน คนมีรถ พนักงานเงินเดือน และลูกค้า Wealth ส่งผลให้สินเชื่อกลุ่มเป้าหมายยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงิน (+2% QoQ) สินเชื่อเล่มแลกเงิน (+15% QoQ) และบัตรเครดิต (+1% QoQ)
* ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,289 พันล้านบาท ลดลง 0.7% QoQ และ 3.0% YTD สอดคล้องกับทิศทางสินเชื่อและเป็นไปตามแผนบริหารสภาพคล่อง โดยการลดลงส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเงินฝากประจำระยะยาวที่ครบกำหนด ทั้งนี้ จากการปรับกลยุทธ์เชิงผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้า Wealth ส่งผลให้เงินฝากกลุ่มบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศและเงินฝากไม่ประจำ ttb no-fixed ขยายตัวได้ดี ด้านอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (LDR) ซึ่งสะท้อนสถานะสภาพคล่องยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 94% ยังคงสร้างความยืดหยุ่นในการบริหารต้นทุนทางการเงินในระยะถัดไป
* ในด้านรายได้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับตัวดีขึ้น 9.1% QoQ หนุนโดยการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และรายได้อื่น ๆ เช่น เงินปันผล
อย่างไรก็ดี รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 3.6% QoQ จากอัตราผลตอบแทนที่ลดลงตามการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและการลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 16,381 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568 ชะลอลง 1.0% QoQ และรายได้จากการดำเนินงานรวม 6 เดือน อยู่ที่ 32,934 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)
* ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 7,271 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 2.4% QoQ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่าย one-time เกี่ยวกับการ write-off ระบบไอที รวม 6 เดือน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 14,369 ล้านบาท ยังคงลดลง 2.1% YoY ขณะที่อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้รอบ 6 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 43.7% เป็นไปตามเป้าหมาย และสะท้อนกลยุทธ์การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
* สำหรับการตั้งสำรองฯ มีจำนวน 4,294 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568 ลดลง 6.2% QoQ รวม 6 เดือน ตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้น 8,874 ล้านบาท ลดลง 14.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ดีขึ้น โดยหนี้เสียอยู่ที่ 39,164 ล้านบาท ลดลง 0.9% QoQ และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 2.73% อย่างไรก็ดี แม้ตั้งสำรองฯ ลดลง แต่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงทรงตัวในระดับสูงที่ 149%
* หลังจากหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ 5,004 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า รวม 6 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิ 10,100 ล้านบาท ลดลง 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
* ท้ายสุดด้านฐานะเงินกองทุน ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 อัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) อยู่ที่ 20.0% และ 17.8% ตามลำดับ ยังคงสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 12.0% สำหรับ CAR และ 9.5% สำหรับ Tier 1
เศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ส่วนไตรมาส 3 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า จากกิจกรรมในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวทั้งการ บริโภคและการลงทุนรวม
เช่นเดียวกับมูลค่าการส่งออกสินค้าที่คาดว่าจะเติบโตชะลอลงหลังผู้ประกอบการเร่งส่งออกสินค้าไปแล้วตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี เพื่อลดความเสี่ยงจาก ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า
คาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำกว่า 2%
ทั้งนี้ ttb analytics ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่ำกว่า 2% จากความไม่ แน่นอนสูงจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านeเข้าของสหรัฐฯ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวใกล้เคียงกรอบล่างของเป้าหมาย ด้านภาคการท่องเที่ยว ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทั้งปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวจากปีก่อนหน้าจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ค่อนข้างต่ำ
ภายใต้บริบทที่มีความไม่แน่นอนสูงรอบด้านและขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy Space) มีเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงประเมินว่า กนง. จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วงที่เหลือของปีได้อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง สู่ระดับ 1.25% ณ สิ้นปี ด้านค่าเงินบาทในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 32.00– 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/monetary/252892
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube :
www.youtube.com/@PPTVHD36
กำไรสุทธิ
ttb
ผลประกอบการ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย