Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สงคราม story
•
ติดตาม
18 ก.ค. เวลา 09:11 • ประวัติศาสตร์
อยากเห็นทหารเรือบินได้ ตำนาน A-7 กับกองทัพเรือไทย
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปอ่านบทความนี้ ผู้เขียนขอให้ทุกท่านโปรดช่วยกดไลก์ กดติดตาม และกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนในการทำบทความต่อๆไป
สำหรับท่านใดที่มีเรื่องใดน่าสนใจ ท่านสามารถส่ง inbox ข้อความมาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon หากเรื่องใดโดนใจผู้เขียนจะนำเรื่องราวไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเตรียมการเสนอครั้งต่อไป
ในท้องทะเลนอกจากจะมีเรือรบแล้วยังอากาศยานในการทำทุกภารกิจให้สำเร็จตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งมา หากจะกล่าวถึงอากาศยานในราชนาวีไทยท่านจะนึกเครื่องบินใดกันครับ เอาเป็นว่า ณ ขณะผู้เขียนจะขอนำเสนอบทความที่จะทำให้ท่านรำลึกถึงอดีตที่เครื่องบินโจมตีแบบดังกล่าวปกป้องท้องทะเลไทย นี่คือเรื่องราวของ Vought A-7 Corsair II นั่นเองครับ
เอ-7ดี กองทัพอากาศสหรัฐฯ
▶️การพัฒนา
นิตยสารสมรภูมิฉบับที่ 753 วางตลาดวันที่ 21 สิงหาคมพ.ศ.2538 กล่าวว่าเอ-7 เป็นเครื่องบินโจมตีที่นั่งเดี่ยวความเร็วต่ำกว่าเสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันขึ้นมาใช้งานและเป็นมาตรฐานของความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมาย เมื่อเทียบกับอากาศยานอื่น ๆ ในคลาสเดียวกัน เอ-7 ได้พิสูจน์ความสามารถให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ในระหว่างสงครามเวียดนามและถูกนำกลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้งในอีก 20 ปี ต่อมาเมื่อเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย
เมื่อทีมออกแบบของบริษัท โว๊กต์ ภายใต้การนำของนาย เจ.รูสเซล คลาร์ค ได้ดำเนินงานออกแบบบ.เอ-7 “คอร์แซร์ II” ระหว่างปีพ.ศ. 2507-พ.ศ.2508 นั้น ทีมงานมีความตั้งใจที่จะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว
ทางบริษัทโว๊กต์ดำเนินการสร้างเครื่องบินโจมตีให้มีขีดความสามารถในการเดินอากาศและการปล่อยอาวุธอันยอดเยี่ยม แม้มันจะไม่ใช่เครื่องบินรบที่มีความเร็วเหนือเสียงและมันไม่ใช่เครื่องบินที่มีรูปทรงสวยสดงดงาม แต่ เอ-7 เป็นเครื่องบินที่มีขีดความสามารถในการบรรทุกได้มากๆ อีกทั้งยังสามารถรับมือกับเครื่องบินมิก การถูกต่อต้านจากอาวุธนำวิถีและปืนต่อสู้อากาศยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอ-7ดี ทอ.สหรัฐฯสังกัดฐานบินโคราช
วันที่ 27 กันยายนพ.ศ. 2508 เครื่องบินเอ-7 เที่ยวแรกขึ้นบินโดยนักบินจอห์น ดับลิว คอนราด ที่ดัลลัส เท็กซัส มีการทดสอบเพื่อการรับรองการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเริ่มขึ้นบนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อเมริกา (ซีวีเอ-66) เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนพ.ศ. 2509 โดยนาวาโท เฟรด ฮูเมอร์ ขับเอ-7 เครื่องที่ 7
เอ-7 มิใช่เครื่องบินที่พอมองเห็นแวบเดียวแล้วเกิดความประทับใจในทันที และไม่มีใครเคยคาดการณ์ว่าเครื่องบินดังกล่าวนี้จะมีความคงกระพันชาตรี เป็นเขี้ยวเล็บสุดร้านกาจของกองทัพสหรัฐฯ เอง มายาวนานติดต่อกันถึง 25 ปี
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครคาดคิดว่าเอ-7 ซึ่งมีรูปร่างอันแสนอัปลักษณ์นี้จะกลายเป็นเครื่องบินที่เป็นที่ยอมรับและเป็นที่พึงพอใจอย่างยิ่งต่อเหล่านักบินและเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่ได้เคยทำงานร่วมกับมัน ดังนั้นบรรดานักบินและเจ้าหน้าที่หลายนายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "พวกเขาภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับเอ-7 "
เมื่อเข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในระยะเริ่มแรกเอ-7ดี ไม่ค่อยจะเป็นที่ชื่นชอบนักสำหรับนักบินและเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงเมื่อเทียบกับเครื่องบินแบบอื่นๆที่ผ่านๆมา แต่พอประจำการไปนานเข้าๆกลับได้ผลลัพธ์ที่น่าชื่มชมจนต้องเอ-7ดีต้องรับเหรียญทองไปครอง
เอ-7ดีที่นักบินฝรั่งขับไปโจมตีญวน
การเดินอากาศและการปล่อยอาวุธ
ด้วยความแม่นยำนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเครื่องบินรบในยุคปัจจุบัน แต่ใน อดีตนั้น เอ-7ดี ของทอ.และเอ-7อี ของทร.เป็นเครื่องบินแบบแรกที่มีคุณสมบัตินี้ ระบบเดินอากาศและปล่อยอาวุธอันยอดเยี่ยมของเอ-7ดี สามารถนำลูกระเบิดขนาด 2,000 ปอนด์ลงสู่เป้าหมายที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ
เอ-7 ยังติดปืนใหญ่อากาศที่เหมาะสมอย่างปืนเอ็ม 61 เอ 1 “วัลแคน” ของบริษัทเจเนอรัล อีเล็กทริค พร้อมกระสุน 1,032 นัดและเครื่องยนต์ที่เหมาะสมอย่างเครื่องยนต์ เทอร์โบแฟนแบบทีเอฟ 41-เอ-1 ขนาดแรงขับ 14,250 ปอนด์ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ รุ่นพัฒนาของเครื่องยนต์สเปย์ของโรลส์รอยซ์ คุณลักษณะเดียวกันนี้ก็มีอยู่ในเอ-7อีรุ่นทร.เช่นกัน
▶️เอ-7ดีจากฐานบินโคราช
ในช่วงเวลาที่เอ-7ดีของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เดินทางไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยสังกัดกองบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 354 ซึ่งตั้งอยู่ที่โคราชในเดือนตุลาคมพ.ศ. 2515 นั้นเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปแล้วว่าเอ-7ดี เครื่องบินที่มีขีดความสามารถในการโจมตีด้วยความแม่นยำสูง ติดอาวุธที่มีอำนาจการทำลายสูงและปล่อยอาวุธลงสู่เป้าหมายที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ
ฝูงบินเอ-7ดีจากฐานบินโคราชยังสร้างความแปลกใจต่อเจ้าหน้าที่ด้วยการเป็นเครื่องบินที่มีวงรอบการซ่อมบำรุงโดยวิธีการที่เพียงแต่เดินไปรอบ ๆ เครื่อง ไม่จำเป็นต้องใช้บันไดหรือเสาค้ำยันแต่อย่าง ใดและสามารถนำกลับปฏิบัติการบินภายหลังจากเสร็จภารกิจได้อย่างรวดเร็วยิ่ง
ตำแหน่งติดปืนเอ็ม61เอ1 ของเอ-7
เอ-7ดี สังกัดกองบินขับไล่ที่ 354 ของทอ.สหรัฐฯได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติ การในภารกิจ “แซนดี้” แทนที่บ.เอ-1อี “สกายไรเดอร์” ในฐานะเป็นบ.คุ้มกัน โจมตีให้กับฮ.เอชเอช-53ซี ในภารกิจ กู้ภัยหลังแนวรบ ในขณะเดียวกันกำลังเอ-7ดีอีกหน่วยหนึ่งคือฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 3 ภายใต้การบังคับบัญชาของนาวาอากาศตรี เอ็ดเวิร์ด อาร์. สโคว์รอน
ก็นำมาปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนการกู้ภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เอ-7อีของทร.และเอ-7ดีของทอ.ฝรั่งมะกันได้ถูกนำไปใช้ในภารกิจโจมตีทิ้งระเบิดระหว่างการรบขั้นหนักหน่วงตลอด 11 วัน ใน 18-29 ธันวาคมที่เรียกว่า “ยุทธการไลน์แบ็คเกอร์” ซึ่งเป็นการโหมกำลังโจมตีอย่างหนักเพื่อกดดันให้เวียตนามเหนือยอมรับในข้อตกลงสงบศึกและในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. 2518 เมื่อกองกำลังกัมพูชา (เขมรแดง) ได้ทำการยึดเรือสินค้ามายาเกซของอเมริกัน เอ-7ดีของนักบินฝรั่งก็ได้ถูกส่งไปปฏิบัติการสนับสนุนการช่วยเหลือลูกเรือสินค้าดังกล่าวด้วย
▶️เอ-7 มีจุดเด่นอย่างไร
เอ-7 มีอะไรน่าสนใจบ้างขอยกมาเพียงบางส่วน บัดนี้ท่านจะได้เห็นว่าเครื่องบินเอ-7 มีจุดเด่นอะไรที่เครื่องบินแบบอื่นไม่มี
➡️กระจกหน้าค็อกพิท : มีรูปทรงเอียงลาด ออกแบบให้คงทนต่อการถูกยิงด้วยกระสุนและ การถูกชนด้วยนกขนาดใหญ่ที่ความเร็วจนถึง 1,123 กม./ชม. มีกำลังลมเป่าจากด้านล่างระหว่างราโดมกับกระจกเพื่อรักษาให้กระจกใสอยู่ตลอดเวลาเมื่อเวลาฝนตก
ทีเอ-7ซี กองทัพเรือไทย
➡️ปืนใหญ่อากาศ : เป็นปืนใหญ่ขนาด 20 มม.แบบเอ็ม 61-เอ-1 "วัลแคน" ชนิด 6 ลำกล้อง มีกระสุนพร้อมยิงจำนวน 1,000 นัด
➡️เรดาร์ : ราโดมส่วนหัวสุด บรรจุเรดาร์ตรวจ การณ์ด้านหน้าแบบเอพีคิว-126 (วี)ของเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ให้ข้อมูลการเดินอากาศภาพภูมิประเทศบนพื้นดิน การแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางบนพื้นดิน ระยะเป้าในอากาศและบนพื้นดิน รวมทั้งข้อมูลการปล่อยอาวุธ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
➡️ท่อไอพ่น : เอ-7 ไม่มีเครื่องสันดาปท้าย และไอเสียของเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนทีเอฟ 41 จะผ่านไปตามท่อตรงซึ่งมีความเย็นเพียงพอที่จะ ไม่เป็นสื่อนำอาวุธนำวิถีด้วยความร้อน
➡️ระบบเพฟเพนนี : หรือเอเอเอส-35 เป็น กระเปาะเลเซอร์ตรวจจับและติดตามเป้าของ มาร์ติน มาริเอตต้า แต่ไม่ได้บรรจุเครื่องส่งแสง นักบินเลเซอร์ มีเพียงเครื่องรับที่คอยตรวจจับแสงเลเซอร์ที่ชี้เป้าโดยเครื่องบินอื่นหรือหน่วยกำลังภาคพื้นดิน ระบบจะส่งภาพเป้าหมายไปยังจอภาพฮัดที่อยู่หน้านักบิน
เครื่องบิน A-7 กองทัพเรือไทย
▶️เอ-7 อินไทยแลนด์
สำหรับกองทัพเรือไทยเราไม่ได้สั่งซื้อแบบมือหนึ่ง A-7 ที่สั่งซื้อเป็นเครื่องมือสองที่กองทัพเรือไทยสั่งซื้อมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2534
ต่อมาพ.ศ.2538 เครื่องบินเอ-7 คอร์แซร์ II เดินทางถึงประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วันนั้นกองทัพเรือไทยจึงได้จัดให้มีการขึ้นบินโชว์สมรรถนะให้ชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมปีเดียวกัน ถึงแม้ว่าเอ-7 คอร์แซร์ II จำนวน 18 เครื่องที่ทร.ไทยของเราซื้อต่อมาจากสหรัฐฯจะเป็นเครื่องบินเก่าที่ประจำการมากว่า 20 ปีแล้วก็ตามแต่เท่าที่ทราบเครื่องบินทั้งหมดนี้ได้รับการตรวจสอบมาแล้วอย่างดี ยังสามารถใช้งานได้อีกนานถึง 10 ปีทีเดียว
สำหรับสมรรถนะและผลงานที่ผ่านมาของเอ-7 ถ้าท่านเคยอ่านในนิตยสาร “สมรภูมิ” คงจะภูมิใจที่ได้เห็นเอ-7 กองทัพเรือไทยรับใช้ชาติอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะไม่เคยได้ออกรบจริงในบ้านเรา
ฝูงบิน A-7 กองทัพเรือไทย
สำหรับความแตกต่างระหว่างเอ-7ดีกับเอ-7อีถ้าทุกท่านอยากรู้ว่ามันเป็นเช่นไรมาติดตามกันได้ครับ
➡️เอ-7ดี ทอ.สหรัฐฯสังกัดฐานทัพอากาศโคราช ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทีเอฟ41-เอ-1 ปลายคริสต์ทศวรรษที่ 70 บ.เหล่านี้ได้รับการติดตั้งเครื่องเลเซอร์ชี้เป้า “เพฟเพนนี” ที่ใต้คางท่อเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศและปืนใหญ่ขนาด 20 มม.แบบเอ็ม 61เอ1
➡️เอ-7อี ทร.ไทยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทีเอฟ41-เอ-2 ฐานครีบหางติดตั้งเครื่องอีซีเอ็ม ส่วนหัวติดปืนใหญ่เอ็ม 61เอ1
A-7 ประจำการอยู่ได้เพียง 10 ปีเท่านั้นก็ต้องถูกให้ปลดประจำการในปี 2556 สืบเนื่องจากขาดอะไหล่ และไม่มีงบประมาณในการซ่อมบำรุง แต่ก่อนหน้านี้กองการบินทหารเรือยังทำการ Taxi บน Runway อยู่เป็นบางครั้งเพื่อรักษาสภาพ หวังเพียงว่ากองทัพเรือจะอนุมัติงบประมาณซ่อมทำให้เครื่องกลับมาใช้ได้อีกครั้ง แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ดังนั้น A-7 จึงไม่ได้ไปต่อกับลูกดอกประดู่
เครื่องบินเอ-7อี กองทัพเรือไทย
ข้อมูลจำเพาะเอ-7อี กองทัพเรือไทย
ประเภท : เครื่องบินโจมตีที่นั่งเดี่ยว
ระบบขับเคลื่อน : เทอร์โบเจต ไม่มีเครื่องสันดาปท้ายแบบทีเอฟ 41-เอ-1 ขนาดแรงขับ 14,500 ปอนด์ ของอัลลิสัน 1 เครื่อง
กางปีก : 11.81 เมตร
ความยาว : 14.06 เมตร
ความสูง : 4.90 เมตร
พื้นที่ปีก : 34.84 ตารางเมตร
น้ำหนักตัวเปล่า : 8,973 กก.
น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด : 19,051 กก.
ความเร็วสูงสุด : 1.065 กม./ชม.ที่ระดับ 610 เมตร บรรทุกอาวุธหนัก 6,000 ปอนด์
รัศมีทำการ : 885 กม. เมื่อติดลูกระเบิด 500 ปอนด์ 8 ลูก มีเวลาบินเหนือเป้าหมาย 30 นาที
อาวุธ: ปืนใหญ่อากาศขนาด 20 มม. เอ็ม 61 วัลแคน พร้อมกระสุน 1,000 นัด อัตรายิงเร็ว 4,000-6,000 นัด/นาที บรรทุกอาวุธหนักรวม 15,000 กก.
ติดระเบิดและจรวดได้ที่ไพลอนใต้ปีก 6 ตำแหน่งและที่ลำตัว 2 ตำแหน่ง
ประจำการที่ : ฝูงบิน 104 กองการบินทหารเรือ สนามบินอู่ตะเภา
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของเครื่องบิน A-7 ที่เรียกว่าเป็นตำนานแห่งกองทัพเรือไทย แม้จะบินไม่ได้เหมือนในอดีต ถ้าท่านสนใจเครื่องบินแบบนี้ท่านสามารถแวะไปหาที่พิพิธภัณฑ์ทหารอากาศและการบินแห่งชาติได้ นับว่าเป็นเครื่องบินสุดคลาสสิคแบบหนึ่งผู้เขียนจะไม่มีวันลืม สำหรับวันนี้ผู้เขียนขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
นิตยสารสมรภูมิ
TON VAN BAKEL
MGR ONLINE
AAG_TH บันทึกประจำวัน
วิกิพีเดีย
เรียบเรียงบทความ : จ่าหวาน เกรียงไกร
บันทึก
3
3
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย