18 ก.ค. เวลา 10:12 • กีฬา

เปิดเบื้องหลังดีลลับ! ลิเวอร์พูลปิดดีลเวียร์ตซ์ได้ยังไง?

ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้วสำหรับแฟน ๆ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024/2025 ที่ใกล้จะได้เห็นฟอร์มเจ้าของค่าตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอย่าง "ฟลอเรียน เวียร์ตซ์" ที่ถึงแม้ว่าทีมจะได้เริ่มต้นทำการอุ่นเครื่องในช่วงพรี-ซีซันไปแล้วหนึ่งเกม ในเกมที่เอาชนะเปรสตันไปได้ 1-3 ซึ่งในเกมนั้นเวียร์ตซ์ก็ยังไม่ได้ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูล แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของบทความนี้ครับ
เพราะว่าในบทความนี้จะพาทุกคนไปพบกับเบื้องหลังในการไล่ล่าตัวเวียร์ตซ์ของลิเวอร์พูลครับ ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าทำเป็นหนังก็คงเป็นหนังรักโรแมนติกที่จุดเริ่มต้นเป็นเหมือน "รักแรกพบ" ก็ว่าได้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อม ๆ กันครับ
นักเตะเลเวอร์คูเซนเดินลงสนามซ้อมของลิเวอร์พูล
ถ้าหากจะย้อนไปจุดเริ่มต้นจริง ๆ ของดีลลิเวอร์พูลกับเวียร์ตซ์ก็คงต้องย้อนไปตั้งแต่การจับสลากการแข่งขันรอบลีก เฟสของยูฟา แชมเปียนลีกส์แล้วที่ลิเวอร์พูลต้องโคจรมาพบกับเลเวอร์คูเซนที่ในตอนนั้นมาในฐานะแชมป์บุนเดสลีกา แถมมาแบบแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย ซึ่งนั่นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของดีลนี้จริง ๆ เพราะว่าในการแข่งขันรอบนี้ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายที่จะต้องต้อนรับการมาเยือนของทีมห้างขายยา
และถ้าหากใครได้ติดตามข่าวบ้างอาจจะได้เห็นข่าวที่เลเวอร์คูเซนภายใต้การคุมทีมของชาบี อลอนโซ ผู้จัดทีมเลเวอร์คูเซนในตอนนั้น และเป็นอีกหนึ่งตำนานของลิเวอร์พูลอีกด้วย อลอนโซได้ทำการขอยืมสนามของลิเวอร์พูลในการฝึกซ้อมซึ่งลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ติดขัดอะไร โดยลิเวอร์พูลนั้นได้ให้เลเวอร์คูเซนใช้สนามของทีมชุด U-23 ในการฝึกซ้อม ซึ่งสนามนี้ก็อยู่ในบริเวณของศูนย์ฝึกซ้อม AXA Training Centre อยู่แล้ว
บอกเลยว่านี่แหละคือจุดที่ทำให้เวียร์ตซ์เริ่มสนใจในลิเวอร์พูล เพราะเวียร์ตซ์ได้มาเห็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ศูนย์ฝึกนี้ เขาเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงเวลานั้นเวียร์ตซ์ก็ยังไม่ได้สนใจในเรื่องของการย้ายทีมถึงแม้ว่าจะมีข่าวพัวพันกับบาเยิร์น มิวนิคอยู่เรื่อย ๆ เพราะเขาโฟกัสไปที่เลเวอร์คูเซนเพียงทีมเดียว
ซึ่งนี่แหละถือว่าเป็นว่าจุดเริ่มต้นของดีลประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล จุดเริ่มต้นจากการขอยืมสนามซ้อมของทีมคู่แข่ง
ซึ่งต่อให้เวียร์ตซ์มีข่าวเชื่อมโยงกับเสือใต้มายาวนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าทีมที่เริ่มเปิดโต๊ะเจรจาก่อนจะเป็นลิเวอร์พูล โดยหงส์แดงนั้นเริ่มทำการติดต่อสอบถามไปยังเลเวอร์คูเซนเป็นครั้งแรกถึงความเป็นไปได้ของการซื้อตัวเวียร์ตซ์ โดยการพูดคุยเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งผู้นำในการเจรจานี้ก็คือ "ริชาร์ด ฮิวจ์" ผู้อำนวยการกีฬาของลิเวอร์พูล
โดยฮิวจ์ได้ทำการพูดคุยกับเวียร์ตซ์และครอบครัวของเวียร์ตซ์เกี่ยวกับอนาคตของจอมทัพทีมชาติเยอรมัน
และเมื่อเวียร์ตซ์ได้ตัดสินใจอนาคตของเขาได้แล้วหลังจากที่ได้พูดคุยกับริชาร์ด ฮิวจ์ ทำให้เขาได้บอกกับเลเวอร์คูเซนไปว่าเขาอยากย้ายออกจากทีม และต้องการย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านนี้ และเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของบาเยิร์น มิวนิค นั่นทำให้บาเยิร์นตัดสินใจที่จะถอนสมอออกจากดีลของเวียร์ตซ์ รวมไปถึงเรอัล มาดริดอีกด้วยที่กำลังจะได้อลอนโซไปคุมทีมหลังจบฤดูกาล 2024/2025 เพราะถึงแม้ว่าเวียร์ตซ์และอลอนโซจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เวียร์ตซ์ก็ได้ตัดสินใจเลือกลิเวอร์พูลไปแล้ว
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ชูเสื้อเปิดตัวกับลิเวอร์พูล
ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลต้องการเวียร์ตซ์และเวียร์ตซ์ก็แจ้งกับเลเวอร์คูเซนแล้วว่าจะย้ายออก แต่การเจรจานั้นก็ไม่ได้ง่ายมากนักและก็ไม่ได้ยากเช่นกัน การพูดคุยของริชาร์ด ฮิวจ์กับไซมอน โรล์ฟส์นั้นซับซ้อนพอสมควรแต่ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรมากมาย ซึ่งในเหตุผลที่ปิดดีลช้านั่นเป็นเพราะเงื่อนไขการจ่ายเงินเพิ่มเติมหรือที่เราเรียกกันว่าแอดออนนั่นเอง
โดยลิเวอร์พูลพร้อมเลยที่จะจ่ายเงินก้อนที่เลเวอร์คูเซนจะได้แน่ ๆ ที่ 100 ล้านปอนด์ ซึ่งแอดออนที่ยังต้องถกกันอยู่นั้นขึ้นอยู่ว่าเวียร์ตซ์จะช่วยลิเวอร์พูลในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้อีกสมัยหรือไม่ หรือไม่กระทั่งตัวเวียร์ตซ์เองนั้นจะสามารถก้าวไปคว้าบัลลงดอร์ได้ไหมอีกด้วย
โดยในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนอให้กับเลเวอร์คูเซนไปที่ 109 ล้านปอนด์แต่ก็โดนปัดตกไป สัปดาห์ต่อมา The Athletic ได้รายงานในวันที่ 6 มิถุนายนว่าลิเวอร์พูลเพิ่มข้อเสนอมาอยู่ที่ 113 ล้านปอนด์ ซึ่งเลเวอร์คูเซนก็ปัดตกไปอยู่ดี ก่อนที่สุดท้ายจะมาได้ข้อสรุปที่รวมแพ็คเกจ 116 ล้านปอนด์
และมาถึงอีกประเด็นสำคัญ โดยในตอนแรกเลเวอร์คูเซนนั้นตั้งราคาของเวียร์ตซืไว้ที่ 150 ล้านปอนด์ ซึ่ง The Athletic บอกว่าฮิวจ์และลิเวอร์พูลนั้นไม่มีความตั้งใจที่จะจ่ายตามราคาที่เลเวอร์คูเซนตั้งไว้ขนาดนั้นเลย
แล้วค่าเหนื่อยของนักเตะค่าตัวระดับประวัติศาสตร์ของสโมสรอยู่ที่เท่าไหร่กันนะ? The Athletic เผยมาแล้วว่าค่าเหนื่อยเบื้องต้นที่ลิเวอร์พูลจะจ่ายให้กับเวียร์ตซ์นั้นอยู่ที่ 10.2 ล้านปอนด์ต่อปี หรือถ้าเฉลี่ยและตีเลขกลม ๆ แล้วก็จะตกอยู่ที่ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และถ้าหากเวียร์ตซ์สามารถทำได้ตามเงื่อนไขพิเศษ ค่าเหนื่อยของเขาก็อาจจะพุ่งไปที่ 12.8 ล้านปอนด์ต่อปี หรือตีกลม ๆ ก็จะตกที่สัปดาห์ละ 250,000 ปอนด์
ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้มากแต่ก็ไม่น้อยเลยสำหรับดีลของเวียร์ตซ์ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ลิเวอร์พูลก็ยังคงรักษาระดับเพดานค่าเหนื่อยไว้ไม่ให้สูงเกินไป เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องค่าเหนื่อยนักเตะในอนาคต แถมเวียร์ตซ์ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าตัวเองคู่ควรกับการเป็นนักเตะที่ค่าเหนื่อยแพงที่สุดในทีมแซงหน้าทั้งเวอร์จิล ฟาน ไดจ์กและโม ซาลาห์ได้หรือไม่
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ถ่ายแบบคู่กับจูเลียน เวียร์ตซ์ พี่สาวของเขา
อย่างที่ได้บอกไปว่านักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ไม่ได้มีค่าเหนื่อยที่มากที่สุดในทีม ซึ่งบอกได้เลยว่าลิเวอร์พูลนั้นมีเพดานค่าเหนื่อยที่ค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร ไม่ใช่ว่าคุณเป็นนักเตะที่แพงที่สุดของทีมแล้วจะได้ค่าเหนื่อยมากที่สุดตามไปด้วย และนอกจากลิเวอร์พูลแล้ว ครอบครัวของเวียร์ตซ์ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน เพราะว่าครอบครัวของเขานั้นไม่ได้โฟกัสในเรื่องของตัวเงิน แต่กลับโฟกัสไปที่ "ฟุตบอล" ที่เป็นความสุขของครอบครัวมาตลอด
เพราะครอบครัวของเวียร์ตซ์นั้นถือว่าเป็นครอบครัวนักกีฬา เพราะพ่อของเวียร์ตซ์นั้นอย่างฮานส์-โยคิม เวียร์ตซ์นอกจากจะเป็นเอเยนต์ของฟลอเรียน เวียร์ตซ์แล้ว ยังเป็นประธานสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นในย่านที่เวียร์ตซ์เติบโตมาอีกด้วย แถมเวียร์ตซ์ก็ยังมีจูเลียน เวียร์ตซ์ พี่สาวที่เล่นฟุตบอลเหมือนกันอีก
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเวียร์ตซ์และครอบครัวของเขานั้นให้ความสำคัญในเรื่องของฟุตบอลมากกว่าตัวเงินที่จะได้รับ ซึ่งทัศนคตินี้มันยิ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจนในช่วงที่พวกเขาเจรจากับลิเวอร์พูล รวมไปถึงการที่เขาได้มีการพูดคุยกับอาร์เนอ สล็อตด้วย โดยสล็อตได้อธิบายอย่างละเอียดว่าจะให้เวียร์ตซ์นั้นเล่นตำแหน่งไหน บทบาทไหน ซึ่งนั่นยิ่งเป็นแรงดึงดูดให้เวียร์ตซ์ตัดสินใจเลือกลิเวอร์พูลขึ้นไปอีกขั้นนึง
นอกจากนี้เวียร์ตซ์ก็พยายามมองหาสโมสรที่เหมาะสมกับเขา เขาต้องการเล่นฟุตบอลเกมรุก โดยครั้งที่เขาย้ายจากโคโลญจ์ไปอยู่กับเลเวอร์คูเซน เหตุผลเป็นเพราะที่โคโลญจ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอยู่บ่อยครั้ง แถมยังเล่นฟุตบอลเกมรับอีกด้วย ขณะเดียวกันที่เลเวอร์คูเซนนั้นมีปีเตอร์ บอสซ์เป็นผู้จัดการทีมอยู่ โดยบอสซ์นั้นเป็นกุนซือฟุตบอลที่เน้นฟุตบอลเกมรุก แถมที่ทีมห้างขายยาก็ยังมีอุปกณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่าที่โคโลญจ์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวียร์ตซ์ถึงได้ย้ายจากโคโลญจ์มาอยู่กับเลเวอร์คูเซน
นักเตะลิเวอร์พูลชูถ้วยพรีเมียร์ลีกในการฉลองแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลในแอนฟิลด์
เอ้า!! แล้วไหนบอกว่าไม่มีเงิน? นี่คงเป็นประโยคหรือคำอุทานในตอนที่ลิเวอร์พูลมีข่าวกับเวียร์ตซ์ ใช่ครับ หลาย ๆ คนคิดแบบนั้นว่าลิเวอร์พูลนั้นเป็นทีมที่ไม่มีเงิน หรือมีเงินแต่จะใช้จ่ายแต่ละทีก็ขี้งก แต่ความจริงแล้วนั้นตรงกันข้ามเลย ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มั่งคั่งทีมนึงเลย แต่พวกเขาเลือกที่จะจ่ายเงินซื้อนักเตะที่พวกเขาคิดว่าคือ "คนที่ใช่" ซึ่งเวียร์ตซ์คือคน ๆ นั้น
แล้วเงินเหล่านั้นมาจากไหนกัน?
คำตอบก็คือหลายแหล่งมารวมกัน เริ่มตั้งแต่การได้กลับไปเล่นในเวที UCL เพราะในฤดูกาล 2023/2024 พวกเขาได้ไปเล่นเพียงยูโรปาลีก แต่พอกลับไปเล่นยูซีแอล พวกเขาก็ได้เงินรางวัลมากขึ้น ต่อด้วยการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกซึ่งทาง The Athletic ก็ได้ประเมินคร่าว ๆ ว่าลิเวอร์พูลมีรายได้เข้าสโมสรถึง 181 ล้านปอนด์ และนี่ยังไม่รวมกับรายได้จากช่องทางอื่น ๆ อีก
และนี่ก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูลในการกระชากตัวฟลอเรียน เวียร์ตซ์มาจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซนด้วยค่าตัวระดับสถิติของสโมสรครับ ซึ่งบอกได้เลยว่านี่คงเป็นตลาดซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูลที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว ต้องติดตามกันต่อไปครับว่าหลังจากนี้ลิเวอร์พูลจะนำเข้าใครอีก หลังจากที่ปิดดีลได้ทั้งเจเรมี ฟริมปง, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์และมิลอส เคอร์เคซ แถมเพิ่งเปิดตัวจอร์จี มามาร์ดาชวิลีที่พรีออเดอร์มาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วไป
และน่าติดตามเป็นอย่างมากว่าฟลอเรียน เวียร์ตซ์จะสามารถระเบิดการเล่นได้คุ้มค่ากับเงินที่ลิเวอร์พูลทุ่มไปหรือไม่ น่าติดตามมาก ๆ ครับ
โฆษณา