21 ก.ค. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Axon Enterprise ตำนานหุ้น 1,500 เด้ง เจ้าของเทคโนโลยี RoboCop แห่งยุคปัจจุบัน

เรามาลองจินตนาการถึงโลก ที่ปราศจากการฆ่าฟันกันดู คิดว่าโลกแบบนี้ สำหรับเราจะเป็นโลกที่น่าอยู่ มากขนาดไหนกัน
ความคิดทำนองนี้ อาจจะมีบางคนมองว่า เป็นเรื่องที่ดูเพ้อฝัน และคงจะมีอยู่แค่ในนิยายแบบยูโทเปีย ซึ่งไม่มีวันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้
แต่รู้หรือไม่ว่า มีบริษัทอยู่แห่งหนึ่ง ที่มีความฝันอย่างแรงกล้าว่า อยากจะเห็นโลก ที่ไม่มีมนุษย์มาฆ่าฟันกัน อีกต่อไป..
บริษัทแห่งนี้ ชื่อว่า Axon Enterprise และเป็นอีกหนึ่งตำนานหุ้น ที่สร้างความมั่งคั่งของนักลงทุน ที่อดทนถือหุ้นมายาวนาน ให้เติบโตได้แบบเปลี่ยนชีวิตเลย
เพราะนักลงทุนที่อดทนถือหุ้นของบริษัทนี้ นับตั้งแต่วันแรกที่บริษัทเข้าตลาดหุ้นในปี 2001 มาจนถึงวันนี้ จะได้รับผลตอบแทนรวมทั้งหมดแล้ว สูงถึง 1,500 เด้ง
หากสงสัยว่า Axon Enterprise เป็นใคร และทำธุรกิจอะไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนจะเข้าใจถึงที่มาที่ไปของ Axon Enterprise เราจะต้องขอย้อนกลับไปในปี 1969 กันเสียก่อน
ในช่วงเวลานั้น คุณ Jack Cover นักวิจัยขององค์การนาซา ได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ชนิดใหม่ขึ้น คือปืนไฟฟ้า เพื่อหวังจะให้มาเป็นอีกหนึ่งอาวุธทางเลือกของตำรวจ
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ คุณ Jack ได้ตั้งชื่อว่า “TASER”
อย่างไรก็ตาม TASER ที่เขาคิดค้นขึ้น ก็ไม่มีใครกล้านำไปใช้งาน เพราะถูกมองว่าดูอันตรายเกินไป นั่นจึงทำให้ธุรกิจของคุณ Jack ไปไม่รอด และต้องปิดตัวลง
ลองคิดดูว่า ถ้าเราเป็นคุณ Jack ที่ได้เจอเรื่องแบบนี้เข้า เราก็อาจจะต้องทำใจล้มเลิก และยอมรับความจริงให้ได้ว่า TASER ของเรา คงจะเป็นได้แค่ อีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ขึ้นหิ้งเท่านั้นเอง
วันเวลาผ่านมาอีกหลายปี คุณ Rick Smith ชายหนุ่มวัย 20 ต้น ๆ ได้พบกับเรื่องราวสะเทือนใจคือ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของเขาทั้ง 2 คน ถูกยิงเสียชีวิต
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตั้งคำถามว่า ในโลกนี้ จะมีอาวุธอะไร ที่สามารถหยุดยั้งความขัดแย้ง โดยที่ไม่ต้องฆ่าฟันกันได้บ้าง
ในที่สุด หลังจากเรียนจบปริญญาโทในปี 1993 คุณ Rick Smith ในวัย 23 ปี ก็ได้ก่อตั้งบริษัท ร่วมกับน้องชายแท้ ๆ ของเขาขึ้นมา โดยมีคุณพ่อของเขา เป็นผู้ให้เงินทุนทำธุรกิจ
เมื่อมีไอเดียการทำธุรกิจแล้ว คุณ Rick ก็ได้พยายามไปตามตื๊อคุณ Jack อยู่หลายครั้ง เพื่อให้เข้ามาช่วยกัน ทำความฝันนี้ให้เป็นจริง
จนในที่สุด คุณ Jack ก็ยอมใจอ่อน และได้กลายมาเป็น Chief Scientist ให้กับบริษัท
ถึงแม้บริษัทนี้ จะมีความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่อยากจะยุติการฆ่าฟันให้หมดสิ้น แต่ในช่วง 7 ปีแรก สถานการณ์ของบริษัท กลับถือว่าย่ำแย่เป็นอย่างมาก
นั่นก็เพราะว่า สินค้าตัวชูโรง ที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของบริษัท อย่าง TASER 2 รุ่นแรก ได้รับผลตอบรับที่ไม่ดี ทำให้บริษัทต้องขาดทุนติดต่อกันหลายต่อหลายปี
แถมเงินลงทุนที่คุณพ่อของคุณ Rick ให้มา ก็เริ่มร่อยหรอลงไปทุกวัน ๆ จนทั้งครอบครัวของคุณ Rick อยู่ในช่วงที่กำลังจะหมดตัวกัน
เรื่องนี้ได้สร้างบาดแผลทางใจให้กับคุณ Rick เป็นอย่างมาก เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว และกำลังทำให้คนทั้งครอบครัวของเขาต้องลำบากไปด้วย
แต่ถึงแม้จะเจอความยากลำบากติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี คุณ Rick ก็ไม่ละความพยายาม ยังคงตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
จนในที่สุด เมื่อ TASER รุ่นที่ 3 ออกวางจำหน่าย ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในเรื่องของคุณภาพที่พัฒนาขึ้น ซึ่งทำให้มีตำรวจ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และนั่นจึงส่งผลให้สถานการณ์ของบริษัทเริ่มดีขึ้น
เมื่อสินค้าตัวชูโรงเริ่มประสบความสำเร็จ เป็นที่ไว้วางใจของตำรวจ ยอดขายของบริษัทก็เริ่มเติบโตได้แบบก้าวกระโดด
จากเดิมที่เมื่อก่อน TASER ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าไรนัก เพราะตำรวจยังไม่มีความเชื่อมั่น ในการนำไปใช้งานจริง
แต่จากความพยายามในการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท มีคุณภาพที่ดีขึ้น ก็ทำให้ TASER เป็นที่เชื่อมั่น จนครองส่วนแบ่งทางธุรกิจอันดับ 1 ในตลาดได้
นอกจากนี้เอง จากสถิติได้บอกไว้ว่า เมื่อตำรวจนำ TASER ไปใช้งาน ก็สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของคนร้ายลงได้จริง
และถึงแม้ว่า TASER จะประสบความสำเร็จมากแล้ว แต่บริษัทก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นต่อมาเรื่อย ๆ
เพื่อให้การทำงานของตำรวจ มีประสิทธิภาพ และเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานให้มากขึ้น ด้วยการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ของบริษัทเข้าด้วยกัน เช่น
- กล้องติดตัวและกล้องในรถของตำรวจ ที่มีความคมชัดสูง ไว้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งภาพและเสียง ตอนตำรวจทำหน้าที่
- ระบบคลาวด์ ที่ไว้เก็บข้อมูล โดยสามารถเชื่อมต่อกับกล้องทุกตัวได้
- โดรนและระบบป้องกันโดรน
- ศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ แบบ Real-time ที่เห็นข้อมูลปัจจุบัน จากทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ทันที เพื่อช่วยให้ตำรวจสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น
- ระบบ Training ผ่านแว่น VR เพื่อจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง ให้ตำรวจไว้คอยฝึกฝนบ่อย ๆ
และล่าสุดคือ การนำ AI เข้ามาใช้งาน เพื่อให้การทำงานของตำรวจสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น
ระบบ Live Translation ที่ติดมากับกล้องติดตัวตำรวจ ช่วยให้สามารถแปลภาษาได้มากกว่า 50 ภาษาทันที
ระบบ Draft One ที่ช่วยลดระยะเวลาในการเขียนรายงานของตำรวจ โดยจะดึงข้อมูลจากคลาวด์ ที่เชื่อมต่อกับกล้อง แล้วนำมาเขียนเป็นรายงานให้ตำรวจอัตโนมัติ หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จ
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจที่มาที่ไป รวมถึงพัฒนาการของบริษัท Axon Enterprise ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนมาถึงวันนี้ ที่เป็นหุ้น 1,500 เด้ง กันดีขึ้นแล้ว
แต่ก็เชื่อว่า น่าจะมีบางคนอยู่บ้าง ที่อาจจะอยากรู้ว่า แล้วโมเดลรายได้ของบริษัทล่ะ เป็นอย่างไร
ปัจจุบันนี้ แม้รายได้ของบริษัท จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ
- Software & Services คือส่วนของการขายซอฟต์แวร์
- Connected Devices คือส่วนของการขายฮาร์ดแวร์
แต่ทั้งหมดนี้ จริง ๆ แล้วจะผสมกันอยู่ในแพ็กเกจที่ลูกค้าจ่ายเงินให้กับบริษัท เพราะรายได้ 95% ของบริษัท เป็นรายได้จากการขายเป็นแพ็กเกจแบบ Subscription
ซึ่งบริษัทจะมีอยู่หลายแผนให้เลือก ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า เหมือนเราสมัครแพ็กเกจใช้งาน Streaming ของ Netflix เลย
ถ้าลูกค้าเลือกแพ็กเกจราคาถูก ก็จะได้ฟังก์ชันการใช้งานน้อย เช่น อาจจะมีแค่ TASER และกล้องติดตัว
แต่ถ้าจ่ายเงินมากขึ้น ก็จะได้ฟังก์ชันไว้ใช้งานมากขึ้น เช่น ถ้าเลือกเป็นแพ็กเกจราคาแพงสุดอย่าง OSP 10 PREMIUM WITH AI ERA PLAN ก็จะมีผลิตภัณฑ์ทุกอย่าง เวอร์ชันใหม่ล่าสุดให้ใช้งาน
โดยในปัจจุบันนี้ นอกจากลูกค้าที่เป็นองค์กรตำรวจเดิมแล้ว บริษัทก็ยังได้พยายามขยายฐานลูกค้า ไปยังหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ รวมถึงหน่วยงานเอกชนอีกมากมาย ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา และต่างประเทศด้วย
นั่นจึงทำให้แพ็กเกจของบริษัท ต่อไปก็จะยิ่งมีให้เลือก มากยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวการเดินทางของ Axon Enterprise นับตั้งแต่คุณ Jack Cover ประดิษฐ์ปืนไฟฟ้า TASER กระบอกแรกขึ้น
รวมถึงแรงบันดาลใจที่อยากจะเห็นโลกนี้ ปราศจากการฆ่าฟันกันของคุณ Rick Smith
ในช่วง 32 ปีมานี้ บริษัทนี้ได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย
ผ่านช่วงที่ผู้ก่อตั้งยังเป็นเด็กหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งเรียนจบ แต่มีความฝันอันยิ่งใหญ่
ผ่านช่วงที่บริษัทเกือบจะไปไม่รอด จนครอบครัวผู้ก่อตั้ง ใกล้จะหมดตัว
จนมาถึงช่วงที่ผลิตภัณฑ์สามารถแจ้งเกิดได้ จนต่อยอดให้บริษัทมีอนาคตไกล
และนี่คือเรื่องราวการเดินทาง 32 ปีของ Axon Enterprise ตำนานหุ้น 1,500 เด้ง
ต่อจากนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามกันต่อไปเหมือนกันว่า “โลกในแบบที่การฆ่าฟันระหว่างผู้คน ได้หมดสิ้นลง” ที่คุณ Rick Smith อยากจะเห็นนั้น จะกลายเป็นจริงได้หรือไม่
แล้วพวกเราแต่ละคนล่ะ เคยได้ลองถามตัวเอง หรือมีความฝันในเรื่องทำนองนี้กันบ้างไหมว่า ในอนาคต เราอยากจะเห็นโลกของพวกเรา เป็นแบบไหนกันบ้าง..
#ลงทุน
#หุ้นนอก
#หุ้น100เด้ง
References
-Axon Week 2025: Full Opening Keynote with Rick Smith
-AXON 2025 CEO Annual Letter
-AXON Q1/2025 Investor Presentation
-The Axon Ecosystem | Experience the Axon Ecosystem in Real-Time
-THE TASER 10 STORY
-The $44B Man Who Shunned Lethal Force | Rick Smith
-Winning the Future: AXON CEO Rick Smith and President Josh Isner in conversation with Rob Wolcott
-หนังสือ The End of Killing: How Our Newest Technologies Can Solve Humanity’s Oldest Problem (2019) โดย Rick Smith
-10-K 2024 Axon Enterprise
โฆษณา