Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
18 ก.ค. เวลา 23:00 • กีฬา
จบมหากาพย์ 48 วัน ผีปิดดีลคว้า "เอ็มเบอโม่"
ในที่สุด ดีลมหากาพย์ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ข้อสรุปเสียที หลังจากที่สื่อทุกสำนักยืนยันตรงกันเมื่อวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่าทีมปีศาจแดงสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องค่าตัวกับเบรนท์ฟอร์ดได้แล้ว
ตัวเลขราคาปิดจบที่ทุกสื่อรายงานอยู่ที่ 65 ล้านปอนด์การันตี โดยทีมปีศาจแดงจะผ่อนจ่าย 4 งวด (ตกงวดละ 16.25 ล้านปอนด์) และมี add-ons อีก 6 ล้านปอนด์
ซึ่งจากรายงานของสื่อดังอย่าง ทอล์คสปอร์ต เผยว่าการจ่าย add-ons อีก 6 ล้านปอนด์ จะเป็นเงื่อนไขที่ไม่ง่าย เช่นนักเตะต้องพาทีมไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่ก็คว้าแชมป์ให้ได้เท่านั้น แต่ถ้าหากเอ็มเบอโม่ลงสนามครบจำนวนเกมที่ตกลงกัน ทีมปีศาจแดงน่าจะต้องจ่าย add-ons อย่างต่ำราวๆ 1.5 ล้านปอนด์
ที่บอกว่าดีลนี้คือมหากาพย์ เพราะมันไม่ใช่ “ดีล 48 ชั่วโมง” ในตำนาน แต่มันกินเวลารวมกันถึง 48 วันเลยด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ที่ข่าวนี้ดูเป็นรูปเป็นร่างครั้งแรก จนสุดท้ายทั้ง 2 สโมสรบรรลุข้อตกลงกันได้ในที่สุด
เราจะขอสรุปไทม์ไลน์สำคัญของดีลนี้ทั้งหมดตั้งแต่แรก ว่าตลอด 48 วันที่ผ่านมา กว่าที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ จะยืนยันดีลนี้ให้แฟนผีทั่วโลกสิ้นสุดการรอคอยว่า Here We Go มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันบ้าง
วันที่ 18 กรกฎาคม 2025 ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ยืนยันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด บรรลุข้อตกลงคว้าตัว ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ได้แล้ว
ก่อนอื่นเลย ต้องพูดถึงเหตุผลที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการตัว ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ก่อน ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือประสิทธิภาพเกมรุกที่ต่ำเป็นอันดับท้ายๆ ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว
แฟนบอลปีศาจแดงหลายคนอาจมองว่าจุดอ่อนสำคัญอยู่ที่ตำแหน่งนายประตูอย่าง อันเดร โอนาน่า แต่สถิติการเสียประตูในลีกเมื่อซีซั่น 2024-25 คือ 54 ลูก ถือว่ามีแค่ 10 ทีมที่เสียประตูน้อยกว่า ขณะที่ตัวของโอนาน่าเก็บคลีนชีตได้ 9 นัด เป็นรองผู้รักษาประตูในลีกแค่ 6 คนเท่านั้น
นั่นหมายความว่าความจริงแล้ว เกมรับยังอยู่ในระดับ “พอใช้” ส่วนโอนาน่าแม้จะมีจังหวะผิดพลาดให้กลายเป็นภาพจำ และโดนแฟนบอลจ้องจับผิดทุกนัด แต่เขาไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมเก็บผลการแข่งขันไม่ได้
แต่จุดอ่อนที่แท้จริงมันอยู่ที่เกมรุกที่ไร้ประสิทธิภาพต่างหาก เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงได้แค่ 44 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ถ้านับจำนวนประตูคืออยู่แค่อันดับที่ 16 ของลีก ส่วนนักเตะที่ยิงในลีกได้มากที่สุดคือ อามาด ดิยัลโล่ กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงกันไปคนละ 8 ประตูเท่ากัน ผิดกับทีมส่วนใหญ่ของลีก ที่จะต้องมีนักเตะอย่างน้อย 1-2 คนที่ซัดได้ 10 ประตูขึ้นไป
ในขณะที่โอนาน่ามีเกมที่ไม่เสียประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วถึง 9 นัด แต่ทีมปีศาจแดงมีเกมที่ยิงคู่แข่งไม่ได้มากถึง 15 เกม มันจึงชัดเจนสุดๆ ว่าจุดไหนกันแน่ ที่ต้องรีบแก้ก่อน
การขาดแคลนนักเตะที่ฝากความหวังเรื่องการทำประตูให้สม่ำเสมอได้ คือเหตุผลว่าทำไม รูเบน อโมริม ถึงอยากจะเสริมแนวรุกก่อน และเขายึดมั่นกับระบบ 3-4-2-1 จึงต้องการนักเตะตำแหน่งตัวรุกหลังกองหน้าที่มีคุณภาพเข้ามาก่อนตำแหน่งอื่น
มาเตอุส คุนญ่า ย้ายจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ซบ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 62.5 ล้านปอนด์
แมนฯ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาคว้า มาเตอุส คุนญ่า จาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เป็นคนแรกประจำช่วงซัมเมอร์ปีนี้ด้วยค่าตัว 62.5 ล้านปอนด์ โดยผ่อนจ่าย 3 งวดภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งสถิติของคุนญ่าคือยิงในพรีเมียร์ลีกไม่ต่ำกว่า 12 ประตู และแอสซิสต์ไม่ต่ำกว่าซีซั่นละ 6 ลูกมา 2 ฤดูกาลติด แถมเล่นในระบบ 3-4-2-1 กับทีมหมาป่าอยู่ก่อนแล้ว จึงตอบโจทย์แท็กติกของอโมริมชัดเจน ว่าพร้อมเข้ามาเพิ่มจำนวนประตูได้ทันที
แต่คุนญ่าคนเดียวยังไม่เพียงพอ รูเบน อโมริม ยังต้องการนักเตะที่พร้อมเล่นเป็นหน้าต่ำทางฝั่งขวา ที่มีความสามารถยกระดับเกมรุกด้วยเท้าซ้ายเข้ามาเพิ่มอีกคน
อามาด ดิยัลโล่ อาจจะเป็นผู้เล่นถนัดซ้ายธรรมชาติถ้าเล่นในบทบาท “หมายเลข 10” หลังกองหน้าได้ และทำผลงานไม่เลว แต่เขาไม่ใช่นักเตะที่หาจังหวะลุ้นสับไกยิงได้เร็ว และบ่อยได้เท่ากับเอ็มเบอโม่
วิถีการโจมตีด้วยเท้าซ้ายของ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ มีความหลากหลายและช่วยให้ทีมมีโอกาสทำประตูได้มากกว่า เขายิงด้วยเท้าซ้ายได้ทุกรูปแบบ ทั้งปั่นโค้งจากนอกเขตโทษ, ลากตัดเข้าในแล้วซัดเสียบเสา หรือไม่ก็วอลเลย์เต็มข้อแบบไม่ต้องจับ แถมยังสร้างโอกาสด้วยลูกครอสทั้งจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ และเซตพีซได้อย่างสม่ำเสมออีกต่างหาก
สถิติบอกว่านับตั้งแต่เบรนท์ฟอร์ดเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2021 เป็นต้นมา จำนวนประตูของเอ็มเบอโม่ต่อ 1 ฤดูกาลมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลดลง
ซีซั่น 2021-22 เขายิงได้ 4 ประตู จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 35 นัด
ซีซั่น 2022-23 เขายิงได้ 9 ประตู จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครบทั้ง 38 แมตช์
ซีซั่น 2023-24 เขายิงได้ 9 ประตูเท่าเดิม แต่ลงเล่นไปแค่ 25 นัดเท่านั้น เพราะมีปัญหาบาดเจ็บระหว่างซีซั่น
และล่าสุดในฤดูกาล 2024-25 ที่ผ่านมา ถือเป็นฤดูกาลที่ฟอร์มส่วนตัวของเอ็มเบอโม่พีคที่สุดในชีวิต เขายิงได้ถึง 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก เป็นรองแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ แค่ 3 คนเท่านั้น โดยได้ลงตัวจริงในลีกครบทั้ง 38 เกม ไม่มีปัญหาบาดเจ็บ
อีกสถิติที่โดดเด่นในซีซั่นล่าสุด นั่นก็คือเอ็มเบอโม่ช่วยแย่งบอลจากคู่แข่งในพื้นที่แดนสุดท้ายได้ถึง 32 ครั้ง มากเป็นอันดับ 3 ของลีก บ่งบอกว่าไม่ใช่แค่เล่นเกมรุกได้อันตรายเท่านั้น แต่เขายังเล่นเกมรับตั้งแต่แดนบนสุดของสนามได้ยอดเยี่ยม และช่วยให้ทีมโจมตีคู่ต่อสู้ได้เร็วขึ้นด้วย
เท่านั้นไม่พอ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ยังเป็นนักเตะที่เลี้ยงกินแดนได้ดีมาก สถิติบอกว่ามีถึง 9 ประตูที่เบรนท์ฟอร์ดทำได้ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นที่แล้ว ที่มีจุดเริ่มจากการที่ดาวเตะทีมชาติแคเมอรูนพาบอลลุยไปเองด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า 5 เมตรในพื้นที่ฝั่งคู่แข่ง
ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ยิง 20 ประตู แอสซิสต์ 7 ลูกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024-25
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมเบรนท์ฟอร์ดถึงพยายามโก่งค่าตัวให้แพงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะถ้าเทียบกับแนวรุกที่ย้ายสังกัดในช่วงซัมเมอร์นี้ระหว่างทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยกัน ค่าตัวระดับ 50-55 ล้านปอนด์กลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็น ชูเอา เปโดร, มาเตอุส คุนญ่า, แอนโธนี่ อีลังก้า หรือ โนนี่ มาดูเอเก้
แต่ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ มีผลงานที่พิสูจน์แล้วว่า ณ ตอนนี้ เขาคือแนวรุกตัวท็อปของพรีเมียร์ลีก อายุก็เพิ่งจะ 25 ปีเท่านั้น โดยยังเหลือสัญญากับทีมผึ้งพิฆาตพ่วงออปชั่นขยายเพิ่มอัตโนมัติจนถึงปี 2027 ทำให้ค่าตัวใดๆ ที่ต่ำกว่า 65 ล้านปอนด์ อาจจะดูไม่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับนักเตะคนอื่นที่ผลงานเป็นรองในตลาด
ด้วยฟอร์มร้อนแรงของ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ชื่อของเขาตกเป็นข่าวกับหลายๆ ทีมตั้งแต่ปลายซีซั่นก่อน
ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะตกลงต่อสัญญากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อีก 2 ปี ว่ากันว่าเอ็มเบอโม่นี่แหละ ที่ทีมหงส์แดงวางตัวไว้ว่าเป็นตัวตายตัวแทนตำแหน่งกองหน้าฝั่งขวาที่เหมาะสมที่สุด
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2025 โธมัส แฟร้งค์ ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นผู้จัดการทีมของเบรนท์ฟอร์ด ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า สโมสรคงไม่สามารถปิดโอกาสที่สตาร์ตัวเก่งทีมชาติแคเมอรูนจะย้ายทีมได้ แต่ถ้าจะขายจริงๆ ก็ต้องได้ราคาที่เหมาะสมเท่านั้น
จนกระทั่งถึงวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา นั่นคือวันแรกของมหากาพย์ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เดวิด ออร์นสตีน ผู้สื่อข่าวระดับ tier 1 ของ ดิ แอธเลติก รายงานเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2025 ว่าตัวของเอ็มเบอโม่ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าเขาต้องการย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็มเบอโม่ได้รับความสนใจจาก อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิ่ล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้ง 3 ทีมที่ว่าล้วนได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผิดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายการไหนเลย
แต่เขาเชื่อว่าการย้ายไปเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จะมีโอกาสเป็นคีย์แมนของทีมมากกว่า และถ้าหากทำผลงานได้ดี พาปีศาจแดงกลับไปอยู่หัวแถวของลีกได้อีกครั้ง มันก็เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
แล้วถ้าว่ากันด้วยเรื่อง "ประวัติศาสตร์" และมาตรฐานการทำอันดับไปเล่น UCL แบบไม่ได้ดูกันแค่ปีเดียว ต้องบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังดูดีกว่าทั้งนิวคาสเซิ่ล และ สเปอร์ส
จากนั้นวันที่ 5 มิถุนายน 2025 ออร์นสตีนรายงานว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอขอซื้อเอ็มเบอโม่จากเบรนท์ฟอร์ดอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ด้วยราคาเบื้องต้น 45 ล้านปอนด์ และ add-ons อีก 10 ล้านปอนด์ รวมเป็นมูลค่า 55 ล้านปอนด์
ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธ เพราะเบรนท์ฟอร์ดมองว่าต่ำกว่าราคาที่พวกเขาตั้งไว้อย่างน้อย 65 ล้านปอนด์มากเกินไป
ทีมปีศาจแดงถอยกลับไปตั้งหลักก่อนประมาณ 3 สัปดาห์ ก่อนยื่นข้อเสนอครั้งที่ 2 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน คราวนี้อัพค่าตัวเพิ่มเป็น 55 ล้านปอนด์การันตีเบื้องต้น และมี add-ons อีก 7.5 ล้านปอนด์ รวมกันเป็น 62.5 ล้านปอนด์
เบรนท์ฟอร์ดยังไม่พอใจ บอกปัดข้อเสนอดังกล่าวในวันที่ 28 มิถุนายน 2025 โดยรายงานข่าวระบุว่า สโมสรผึ้งน้อยต้องการเม็ดเงินการันตีไม่ต่ำกว่า 62.5 ล้านปอนด์เหมือนกับดีลของ มาเตอุส คุนญ่า ไม่ใช่มาสอดไส้ add-ons ให้รอลุ้นทีหลังว่าจะได้หรือเปล่าแบบนี้
หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนปฏิเสธข้อเสนอยื่นซื้อเป็นรอบที่ 2 คราวนี้พวกเขาหายเงียบไปนาน ส่วนหนึ่งเพราะ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ มองว่าสโมสรควรปรับวัฒนธรรมในตลาดซื้อขาย อย่ายอมจ่ายราคาที่ทีมอื่นเรียกง่ายๆ เหมือนในอดีต ไม่อย่างนั้นเวลาอยากจะได้ใคร ก็จะโดนขูดรีดเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด
นอกจากนั้นแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถหาทางปล่อยนักเตะส่วนเกินอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่, แอนโทนี่, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ไตเรลล์ มาลาเซีย ออกไปให้ทีมไหนได้เลย ทำให้สโมสรอยู่ในสถานการณ์ไม่กล้าใช้เงินมากนัก เพราะเกรงว่าถ้ายอมจ่ายตามที่เบรนท์ฟอร์ดเรียกร้อง อาจมีความเสี่ยงที่จะไปซื้อใครมาเสริมหลังจากนี้ไม่ได้อีก
อย่างไรก็ตาม รูเบน อโมริม ยืนยันหนักแน่นว่าเขาต้องการตัว ไบรอัน เอ็มเบอโม่ มาร่วมทีมก่อนที่ทีมจะบินไปทัวร์ปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา แถมยังมี “ปัจจัยเร่ง” ตรงที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กำลังจะยื่นซื้อ โยอัน วิสซ่า ซึ่งเป็นนักเตะคนสำคัญอีกคนของเบรนท์ฟอร์ดเช่นกัน
ถ้าหากนิวคาสเซิ่ลตกลงค่าตัวของวิสซ่าได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้เบรนท์ฟอร์ดยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องปล่อยเอ็มเบอโม่ออกไปเลย ถ้าไม่ได้ราคาที่ต้องการ
สุดท้ายวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เบรนท์ฟอร์ด ก็บรรลุข้อตกลงค่าตัวกันได้เสียที ด้วยสนนราคา 65 ล้านปอนด์การันตี และ add-ons อีก 6 ล้านปอนด์
ในส่วนของค่าเหนื่อย คาดว่าเอ็มเบอโม่น่าจะได้ประมาณ 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยเตรียมสัญญายาวถึงปี 2030 พร้อมออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มหลังจากนั้นได้อีก 1 ปี
เบ็ดเสร็จแล้ว ถ้านับเวลาจากวันที่ 2 มิถุนายน 2025 จนถึงวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งจะเป็นวันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเตะเกมปรีซีซั่นนัดแรกกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และน่าจะมีการประกาศยืนยันการบรรลุข้อตกลงกับเบรนท์ฟอร์ด ถือว่าดีลนี้ใช้เวลา 48 วันพอดี กว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ขั้นตอนหลังจากนี้ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ เตรียมเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อทำการเซ็นสัญญาเปิดตัวให้เร็วที่สุด ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะบินออกจากแมนเชสเตอร์ในวันอังคารหน้า เพื่อเดินทางไปเก็บตัวยาวๆ เกือบ 2 สัปดาห์ที่สหรัฐอเมริกา สำหรับลงอุ่นเครื่องรายการ พรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์ ซีรี่ส์ ที่จะพบกับ เวสต์แฮม, บอร์นมัธ และ เอฟเวอร์ตัน ต่อไป
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เอ็มเบอโม่น่าจะได้เสื้อเบอร์เก่งหมายเลข 19 เหมือนกับที่ใส่ลงเล่นตลอดช่วงเวลา 6 ปีที่อยู่กับเบรนท์ฟอร์ด เพราะเบอร์ดังกล่าวที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กำลังว่างพอดี นับตั้งแต่ ราฟาแอล วาราน หมดสัญญาไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2024
เท่ากับว่า รูเบน อโมริม ได้นักเตะแนวรุกที่ตรงสเปกตามแท็กติกตัวเองมาร่วมทีมแล้วถึง 2 คน ด้วยมูลค่ารวมกันกว่า 130 ล้านปอนด์ และเตรียมได้ใช้งานตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ที่เขายังอยากจะเสริม ไม่ว่าจะเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า, กองกลางสดๆ หรือผู้รักษาประตูคนใหม่ที่ไว้ใจได้ ยังต้องรอดูต่อไปว่าบอร์ดบริหารจะช่วยได้มากแค่ไหน
แต่ถึงตรงนี้ แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะมีความหวังมากขึ้นเยอะแล้ว ว่าทีมพร้อมทำผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ ในฤดูกาลหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการไม่ต้องพะวงกับเกมยุโรปกลางสัปดาห์ เป้าหมายจึงต้องตั้งไว้ที่การทำอันดับกลับไปติดท็อปซิกซ์ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น
ดีล ไบรอัน เอ็มเบอโม่ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด กินเวลา 48 วันกว่าจะจบ แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้เงิน แค่มีโฉนดก็ทำ ขายฝาก-จำนองบ้านได้ โดยอนุมัติไวสุดใน 2 ชั่วโมง!
⠀⠀
ต้องการเงินด่วน เงินไว 💸
ให้ Home for Cash เป็นหนึ่งในทางเลือกของคุณได้
ช่องทางการติดต่อ
Facebook : Home for Cash : บ้านแลกเงิน รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน คอนโด
Line :
https://lin.ee/NSZQW66
📞 โทร : 061-895-4469
Home for Cash — ปลดล็อกทรัพย์สิน สร้างโอกาสใหม่ให้ชีวิต
#เสียบสามเหลี่ยม #HomeForCash #บ้านแลกเงิน #จำนองบ้าน #ขายฝากบ้าน #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #แมนยูฯ #เอ็มเบอโม่ #แมนฯยูไนเต็ด #ไบรอันเอ็มเบอโม่ #พรีเมียร์ลีก #บทความฟุตบอล
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย