Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Por Nattakorn
•
ติดตาม
21 ก.ค. เวลา 02:44 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทองคำ Bitcoin หุ้นไทย…อะไรคือ Safe Zone ในยุคเศรษฐกิจปั่นป่วน
สรุปทุกมุมมองจากคุณคิม Kim Property Live และคุณทราย Money Monster ใน Session “Opportunities in Slowcession” จากงาน Creative Talk Conference 2025
รู้ให้ทันเทรนด์ รอดให้ทันเกมเศรษฐกิจ
Geopolitics มีผลกับการลงทุนอย่างไรบ้าง
สำหรับคุณทรายมีผลแน่นอนแต่ค่อนข้างสั้น และอาจจะต้องตั้งคำถามด้วยว่า มีผลกับการลงทุนระยะไหน สั้น กลาง หรือยาว
โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่แน่นอน ตลาดก็ตอบรับแบบเดิมทุกครั้ง ไม่ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน
ตัวอย่างเช่น
เหตุการณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ของสหรัฐอเมริกา ทำให้วันรุ่งขึ้น สหรัฐฯ จึงตอบโต้ และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในที่สุด ตลาดหุ้นตอบรับด้วยการร่วงลงอย่างรุนแรง แต่เพียงเดือนเดียวก็กลับมา All Time High ได้
แสดงให้เห็นว่า
แม้สงครามจะทำให้ตลาดตกใจ แต่สงครามไม่เคยทำให้ตลาดพัง
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น มักจะทำให้ตลาดตกใจอยู่เสมอ แต่เราในฐานะนักลงทุนก็ต้องตั้งคำถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทที่เราลงทุนอยู่หรือไม่
ถ้าคำตอบคือ ‘ไม่เกี่ยว’ เดี๋ยวตลาดก็จะกลับมาเอง จนอาจสามารถทำ All Time High ได้อีกด้วย
สำหรับคุณคิม โลกที่เราเคยเห็น มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การที่จีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โลกเกิดการแบ่งฝ่าย เกิดการกีดกันทางการค้า ทำให้ประเทศที่ไม่ได้มีเศรษฐกิจที่โดดเด่นอย่างสหรัฐฯ ก็ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
ทองคำ คือ สิ่งที่อยู่ตรงกลาง และเป็นหลุมหลบภัย ที่สามารถเติบโตได้ท่ามกลางความขัดแย้ง
โดยแม้ความขัดแย้ง จะทำให้ตลาดการลงทุนปั่นป่วน แต่ก็ยังมีสิ่งที่เราสามารถลงทุนได้เช่นกัน
ตลาดจีนยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่
ถึงแม้ว่าความพรีเมียมของตลาดจีนจะไม่ได้เหมือนกับสมัยก่อน และรัฐบาลมีการควบคุมการไหลของเงิน รวมไปถึงการเจาะฟองสบู่อสังหาฯ ของตนเอง แต่เป็น ‘การทำลายเชิงสร้างสรรค์’ เช่น บางบริษัทที่ล้ม คนเก่งของบริษัทนั้นก็เคลื่อนย้ายไปบริษัทอื่น หรือ อสังหาฯ ที่เคยแพงก็ถูกลง ทำให้คนเข้าถึงการซื้อบ้านมากขึ้น
รวมไปถึง เทคโนโลยี เช่น AI ของจีนก็เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างเช่น หุ้นกลุ่ม Terrific 10 เช่น Xiaomi, Baidu, Alibaba, Tencent ที่แม้ราคาจะลดลงไปเยอะมาก แม้ตอนนี้จะขึ้นมา 35% ก็ยังถือว่าอยู่ในมูลค่าที่ถูกอยู่
ดังนั้น ในขณะที่คนกลัว ราคาของหุ้นจีนก็ถือว่ายังโอเค และถ้าเติบโตกลับมาได้ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
2 layers สำหรับการลงทุนกับเศรษฐกิจจีนในมุมมองของคุณทราย
การบริโภคภายใน
การที่จีนเจาะฟองสบู่อสังหาฯ ของตนเอง ทำให้คนจีนติดหนี้อสังหาฯ หลายคนจมกองหนี้ รวมถึงการหาการลงทุนในด้านที่เกี่ยวกับการบริโภค แล้วยังเติบโตเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากเนื่องจากคนจีนขายของกันเก่งมาก
เทคโนโลยีจีน
เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับประเทศจีน โดยแม้จีนอาจจะไม่ได้เป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีด้วยตนเอง แต่ก็สามารถ Copy มาและทำได้ถูกกว่า เช่น
Deepseek.AI
ซึ่งเมื่อจีนทำได้ถูกกว่า และคุณภาพใกล้เคียง ผู้ประกอบการก็อาจจะไม่ได้สนใจว่าต้องใช้เฉพาะเจ้าไหนเท่านั้น อาจจะสนใจเพียงว่าเจ้าไหนถูกกว่า ถ้าคุณภาพใช้ได้ ก็ถือว่าโอเค
รวมถึง มีบางบริษัทที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน จนสามารถเติบโตได้อย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า “รัฐบาลสนับสนุนได้ ก็สามารถทำให้หายไปได้เช่นกัน”
ดังนั้น จึงเป็นความเสี่ยงที่ต้องยอมรับว่า บริษัทเหล่านั้นอาจจะสามารถโดนควบคุมได้
ตลาดอเมริกายังน่าสนใจอยู่หรือไม่
มีคำพูดที่บอกว่า ถ้าเอาหุ้นกลุ่ม 7 นางฟ้า (Magnificent 7) ออกไป ตลาดหุ้นอเมริกาอาจจะเติบโตไม่ได้เยอะมาก ซึ่งเมื่อมองกลับมาจะพบว่า หุ้นของอเมริกา มีขนาดที่ใหญ่กว่าประเทศมากๆ เช่น หุ้น Microsoft และอื่น ๆ อีกหลายตัวที่แข็งแกร่งกว่าประเทศมาก ๆ
โดยสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าอย่างรอบด้าน เช่น สงคราม ปัญหาหนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุน ต้องแยกให้ออกว่า แม้รัฐบาลจะมีปัญหา แต่บริษัทยังคงแข็งแกร่ง
ซึ่งความเสี่ยงที่สุดของสหรัฐฯ คือ ปัญหาหนี้ 37 ล้านล้านดอลลลาร์ และเมื่อหนี้มาก ดอกเบี้ยจึงมากตามมา โดยแม้จะมีกฎว่า ไม่สามารถกู้เงินได้เกินเพดาน แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลก็มักจะกู้เกินเสมอ รวมถึงไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
กฎเหล็กของหนึ้ คือ ยังไงก็ต้องคืน ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะสามารถพิมพ์เงินออกมาได้เองก็ตาม
มีหลายประเทศเริ่มเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถือไว้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ
ซึ่งหากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไปไม่รอด ก็มีโอกาสที่จะทำให้หลายอย่างพังตามกันไปจนเกิดวิกฤตโลกได้ เช่น ประเทศใดที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้บ้าง ปัญหาก็จะตามไปเกิดที่นั่น
เราจึงทำได้เพียงรอดูว่าระเบิดหนี้ลูกนี้จะไปจบที่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน สิ่งที่สหรัฐฯ จะยังทำ คือทำให้ตลาดของตัวเองโตต่อไปเรื่อย ๆ
แล้วการลงทุนทางเลือกอย่าง ทองคำ และ Bitcoin เป็นอย่างไร
คุณคิมเล่าว่า ฟองสบู่ที่น่ากังวลที่สุด คือ ฟองสบู่รัฐบาล
หลายสกุลเงิน เช่น ดอลลาร์ กำลังเสื่อมค่า
สหรัฐฯ อาจจะไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ แต่อาจจะใช้วิธีการเพิ่มปริมาณเงิน เพื่อลดค่าเงิน
ปี 2008 เป็นจุดสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ความไว้ใจวางใจต่ออเมริกามีน้อยลง
และท่ามกลางความขัดแย้ง ทรัพสินย์ตรงกลางที่เริ่มมีค่า คือ ทองคำ และ Bitcoin ที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กัน
‘ทองคำ’ ไม่ใช่บริษัทที่มีผลประกอบการ แต่ก็สามารถเติบโตมาได้กว่า 5,000 ปี ดังนั้น ในโลกที่ไม่ไว้วางใจกัน ทองคำจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจ โดยส่วนคุณคิมมองว่า ทองคำจะมาก่อน แต่ Bitcoin ก็อาจจะตามมาในภายหลัง
และ ทองคำ จะยังคงเป็นเทรนด์ขาขึ้น เพียงแต่จะพักฐานนานแค่ไหนเท่านั้น รวมถึง Bitcoin ก็น่าจะมาในอนาคตแน่นอน
สำหรับคุณทราย ไม่ว่าจะจีน หรือ อเมริกา เมื่อดูจาก Performance ในการบริหารของประเทศ ไม่น่ามีประเทศไหนมั่นคงขนาดนั้น เพราะพิมพ์เงินเก่งทั้งคู่ ดังนั้น อาจจะดูไม่ออกว่าใครจะเป็นมหาอำนาจ จึงจำเป็นต้องมี Hard asset เป็นหมอนรองพอร์ต
โดยจริง ๆ แล้วทองคำอาจไม่ได้ราคาขึ้น แต่เพราะเกิดจากการที่ค่าเงินมันเสื่อมมากกว่า รวมถึงเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เลือกข้าง และยังคงรักษามูลค่าให้กับเรา
ซึ่งไม่ว่าจะเป็น “ทองคำ” หรือ “Bitcoin” ยังไงก็เป็นของจำเป็นที่ต้องมี แม้เราอาจจะมองว่า วันนี้แพงมาก แล้ว แต่ลองคิดดูว่า อีก 10 ปีข้างหน้า มันจะแพงได้อีกแค่ไหน ดังนั้น มีไว้ยังไงก็ดีกว่า
กลับมาที่ประเทศไทย ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่
หลายธุรกิจในไทย เช่น บริการทางการเงิน Wellness Entertainment เป็นสิ่งที่ต่างชาติเข้ามายาก
สิ่งที่เป็นการเก็บกินประเภท Recurring หรือสร้างรายได้ให้ประจำยังค่อนข้างดี
หากมองว่าของต่างชาติจะเข้ามาดิสรัปหรือไม่ คุณคิมก็ยังเห็นว่า บริษัทจดทะเบียนเราค่อนข้างเก่ง เช่น KBTG ที่มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของตัวเอง
จึงมองว่าในมุมของการทำธุรกิจ ประเทศไทยก็ยังมีโอกาสและการเติบโตอยู่เสมอ
และตลาดหุ้นไทยลงมาเยอะมากแล้ว จึงอาจจะไม่ลงไปมากกว่านี้
ข้อดีของประเทศไทย คือ
ไทยอยู่ในโซนที่สงบ ไม่มีสงคราม ถ้าภายในเราเอง ไม่ทำอะไรที่ไม่สงบให้เกิดขึ้น
ไทยผลิตอาหารเองได้ ดังนั้น ถ้าวันใด สงครามเกิดรุนแรงขึ้น ประเทศไทยก็ยังน่าสนใจสำหรับโลกในมุมนี้
และ หุ้นไทย ให้ปันผลเก่งมาก ดังนั้น ถ้าชอบหุ้นปันผล ซื้อช่วงนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรูปแบบใด ต้องหมั่นศึกษาอยู่เสมอ เพราะ โลกของการลงทุนไม่มีคำว่าสิ้นสุดในการเรียนรู้
ข่าวรอบโลก
หุ้น
การลงทุน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย