22 ก.ค. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สัมภาษณ์พิเศษ คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ “ตำนานตะแกรงร่อนหุ้น”

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ยังเพิ่งเริ่มต้นในประเทศไทย และไม่ได้เป็นแนวทางการลงทุนที่โด่งดังแต่อย่างใด
ในสมัยนั้น ก็มีนักลงทุนไทย อยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่พยายามส่งต่อความรู้ และเป็นต้นแบบที่ดี ให้แก่บรรดานักลงทุนรุ่นหลัง
หนึ่งในนั้นก็คือ คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ เจ้าของกระทู้การลงทุนชื่อดัง “ตะแกรงร่อนหุ้น” ประจำเว็บบอร์ด Thai VI และเจ้าของผลงานหนังสือด้านการลงทุนอีกหลายเล่ม
ซึ่ง MONEY LAB เอง ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับคุณวิบูลย์ เพื่อนำความรู้ดี ๆ ที่ได้รับ มาแบ่งปัน
โดยสามารถสรุปออกมาเป็นประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้
1. อาจารย์ที่เหมาะสมกับเรา จะช่วยนำทางให้เราประสบความสำเร็จได้
อย่างแรกเลยคือ เราจะต้องเลือกหาอาจารย์ต้นแบบ ที่เหมาะสมกับเราเสียก่อน
เพราะการที่เราได้เจอกับอาจารย์ ที่เหมาะสมกับเรา จะช่วยเพิ่มโอกาส ให้เราก้าวหน้าไปบนหนทางที่เราเลือก ได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งคุณวิบูลย์เอง ก็มีอาจารย์ที่เป็นนักลงทุนในตำนาน ที่นับเป็นบุคคลต้นแบบในการลงทุน ดังนี้
- คุณ Warren Buffett
- คุณ Philip Fisher
- คุณ George Soros
- คุณ Peter Lynch
- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
2. ความรู้ดี ๆ เริ่มต้นหาได้ จากการอ่านหนังสือดี ๆ
คุณวิบูลย์เอง ก็เป็นอีกหนึ่งนักลงทุน ที่กว่าจะประสบความสำเร็จ มีความมั่งคั่งและมีอิสรภาพทางการเงิน ได้แบบนี้ ก็ต้องผ่านการเพียรพยายาม อดทน เติมความรู้ให้ตัวเอง มาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่คุณวิบูลย์ ใช้ในการหาความรู้ ก็คือการอ่านหนังสือการเงิน และการลงทุนดี ๆ ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง ๆ
โดยหนังสือที่หล่อหลอมวิธีคิด ในด้านการเงินและการลงทุนของคุณวิบูลย์ มีอยู่ 5 เล่ม ดังนี้
- The Intelligent Investor ของคุณ Benjamin Graham
- Common Stocks and Uncommon Profits ของคุณ Philip Fisher
- One Up on Wall Street ของคุณ Peter Lynch
- Think and Grow Rich ของคุณ Napoleon Hill
- Buffettology ของคุณ David Clark และ Mary Buffett
3. หาหุ้นของบริษัทที่ดีให้เจอ และถือไว้ ตราบเท่าที่คุณภาพของบริษัท ยังคงดีอยู่
ก่อนที่จะตกผลึกในเรื่องการลงทุน และมีแนวทางที่ชัดเจน ได้ในแบบปัจจุบันนี้ คุณวิบูลย์ก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ก็เคยเจอกับความผิดพลาดอยู่บ้างเหมือนกัน
โดยหลัก ๆ แล้ว จะมีอยู่ 2 เรื่อง
- ช่วงเริ่มลงทุนแรก ๆ เคยลงทุนแบบเก็งกำไร แต่ไม่ได้เข้าใจธุรกิจที่ลงทุนเลย ทำให้ขาดทุนไปมาก
- พอมาเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ก็ยึดมั่นในมูลค่าของบริษัทมากเกินไป ทำให้พอซื้อหุ้นไปแล้ว รอจนถึงวันที่ราคาหุ้นขึ้นมาเท่ากับมูลค่าที่ประเมินไว้ ก็จะต้องขายหุ้น ทำกำไรออกไป
แต่สิ่งที่พบเจอ กลับกลายเป็นว่า หุ้นที่ขายออกไปนั้น ราคาดันขึ้นไปได้อีกมากเลย
ซึ่งเรื่องนี้ ก็ได้มาตกผลึกเอาทีหลังว่า แท้จริงแล้ว มูลค่าของบริษัท สามารถเพิ่มขึ้นได้ตามกาลเวลา ขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคตนั่นเอง
การได้พบกับความผิดพลาดมาบ้างเป็นระยะ ๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง ก็ทำให้คุณวิบูลย์ได้ค้นพบกับวิถีทางในการลงทุน ที่เหมาะกับตัวเอง
นั่นคือ คุณวิบูลย์จะเลือกลงทุนแต่ในบริษัทคุณภาพดี มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ที่มั่นใจว่า จะสามารถถือหุ้นของบริษัทนี้ไปได้ อย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป
โดยก่อนจะซื้อหุ้น ก็จะประเมินมูลค่าทุกครั้ง ด้วยวิธีอย่างเช่น
- Replacement Cost Valuation
- Earning Power
- Discounted Cash Flow
ถ้าพบว่า ราคาหุ้นของบริษัท ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเมื่อไร ก็จะเข้าซื้อ และพอได้ซื้อแล้ว ก็จะไม่ขายหุ้นออกมาอีกเลย ไม่ว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง
โดยคุณวิบูลย์จะเลือกถือหุ้นของบริษัทไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่คุณภาพของบริษัทนั้น ยังคงดีต่อไป
4. หาหุ้นดีจากสิ่งรอบตัว วิเคราะห์ให้ละเอียด และทำใจให้สงบ
สำหรับหลักการลงทุนของคุณวิบูลย์ เราก็คงจะเห็นว่า ค่อนข้างจะเรียบง่ายมากเลย เพราะซื้อแต่หุ้นคุณภาพดี ในตอนที่ราคาไม่แพง และถือยาว โดยไม่ต้องไปทำอะไรอีกเลย
แต่ก็อาจจะมีคนสงสัยอยู่บ้างว่า แล้วเราจะไปหาหุ้นเหล่านี้ มาจากไหน
คำตอบก็คือ การเฝ้าสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อยู่เสมอ..
โดยคุณวิบูลย์จะใช้แนวทางการหาหุ้นที่จะลงทุน แบบเดียวกับคุณ Peter Lynch เลย
- คือการสังเกตสิ่งรอบตัว เพื่อดูว่า ผลิตภัณฑ์และบริการของเจ้าไหน ขายดีบ้าง
1
- พอเจอธุรกิจเหล่านี้ ก็จะไปติดตามต่อว่า มีหุ้นอยู่ในตลาดหรือไม่
- ถ้ามีก็จะไปวิเคราะห์กิจการต่อจนมีความเข้าใจ พร้อมทั้งประเมินหามูลค่าที่แท้จริงออกมา
- หากหุ้นของบริษัทราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ก็จะเข้าซื้อ และเลือกถือยาวไปเรื่อย ๆ โดยจะพยายามควบคุมจิตใจของตัวเองให้นิ่ง เพื่อไม่ให้ตนเอง เข้าไปซื้อหรือขายหุ้นบ่อย ๆ
5. การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่ใช่แค่แนวทาง แต่เป็นวิถีชีวิต
คุณวิบูลย์ เชื่อว่า ถ้าเราเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่แท้จริง นอกจากเรื่องการลงทุนแล้ว วิถีชีวิตของเรา ก็จะต้องเป็นแบบเน้นคุณค่าด้วย
นั่นคือ ใช้เงินของเราอย่างมีคุณค่าที่สุด ด้วยการใช้ชีวิตอย่างประหยัด ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
โดยทุกครั้งที่ใช้จ่ายเงินออกไป จะต้องคำนึงถึงคุณค่าที่เราจะได้รับกลับมาเสมอ
และถ้าหากเราเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่แท้จริง เราจะต้องยึดมั่นในหลักการลงทุน อย่าปล่อยให้ตัวเอง หลุดออกจากหลักการเด็ดขาด
เพราะการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ก็คือการซื้อหุ้นเหมือนเป็นการซื้อธุรกิจ เราจะต้องเข้าใจในคุณภาพและมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ เป็นอย่างดี
ซึ่งแนวทางนี้ เราไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าดูตลาดหุ้นทุกวันเลย เราก็แค่หาบริษัทที่ดีให้เจอ ซื้อในตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และถือหุ้นต่อไปยาว ๆ ก็พอแล้ว
และเพื่อให้เราสามารถยึดหลักการของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้อย่างแนบแน่น คุณวิบูลย์ก็มีคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยให้เราทำใจให้นิ่งได้อยู่เสมอ ไม่ว่าสภาพตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม นั่นคือ
“ไม่กลัวเมื่อหุ้นตก และไม่ลิงโลดเมื่อหุ้นขึ้น การรู้ว่าทำอะไรอยู่ และดูพื้นฐานธุรกิจเป็นหลัก ไม่ใช่ดูราคาหุ้น จะช่วยให้เราแยกตัวเองออกมาจากตลาดหุ้นได้”
6. ไม่ต้องลาออกจากงานประจำ ก็เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้
คุณวิบูลย์ประสบความสำเร็จในการลงทุน จนมีอิสรภาพทางการเงินได้ ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี แต่ก็ยังเลือกทำงานประจำต่อไป
เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าเราเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจริง ๆ เราไม่มีความจำเป็นจะต้องลาออกจากงานประจำ เพื่อมาทุ่มเทให้กับการลงทุน ตลอดเวลาเลย
วิถีการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เราไม่จำเป็นที่จะต้องเฝ้าหน้าจอดูหุ้นตลอดเวลา เพราะแก่นแท้ที่สำคัญที่สุด คือการเข้าใจธุรกิจ และรอซื้อในจังหวะที่เหมาะสม
เมื่อซื้อหุ้นมาแล้ว เราแทบจะไม่ต้องมาดูราคาหุ้น หรือสนใจสภาพตลาดหุ้นอีกเลย อาจจะสละเวลามาดูแค่ปีละครั้งก็ได้ เพื่อตรวจสอบว่า ธุรกิจที่เราลงทุน พื้นฐานยังคงดีอยู่ ใช่หรือไม่
และนอกจากนี้ การมีงานประจำทำ ก็ยังมีข้อดีที่จะช่วยส่งเสริมเรา ในเรื่องการลงทุนได้เหมือนกันเพราะ
- เงินเดือนคือกระแสเงินสดที่เราจะได้รับอย่างสม่ำเสมอ และหากเหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือน เราก็ยังสามารถนำเงินออมไปเติมพอร์ตได้
- ช่วยทบต้นผลตอบแทน เนื่องจากเราจะมีรายได้มากกว่าหนึ่งทาง จากทั้งเงินเดือนและเงินปันผล ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังในการทบต้นในการลงทุนของเราอีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงหลักคิด การจัดการเงิน และหลักการลงทุน ในแบบของคุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ อีกหนึ่งนักลงทุนต้นแบบชาวไทย ที่ฝากความรู้ดี ๆ ไว้มากมาย กันดีขึ้นแล้ว
แต่ก่อนจะจบบทความนี้ ทาง MONEY LAB ก็ได้มีคำถามสุดท้าย ที่มักจะถามกับพี่ ๆ นักลงทุนเก่ง ๆ อยู่เสมอ ซึ่งคุณวิบูลย์เอง ก็เป็นอีกคน ที่ได้รับคำถามนี้
คำถามมีอยู่ว่า
1
“ถ้าวันหนึ่งในอนาคต คุณวิบูลย์ไม่ได้ส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาท แต่ส่งต่อเป็นหลักการในการจัดการด้านการเงินและการลงทุนแทน คุณวิบูลย์จะมีคำแนะนำอย่างไร ?”
สำหรับคำตอบของคุณวิบูลย์นั้น จะไม่ใช่แค่เรื่องการเงินและการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงแนวทางในการใช้ชีวิตด้วย ซึ่งจะสรุปออกมาได้ดังนี้
- วิธีที่จะสอนได้ดีที่สุดก็คือ เราจะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในด้านการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง และใช้จ่ายอย่างประหยัดให้ลูกเห็น
- ปลูกฝังการรักในการเรียนรู้ให้ลูกอยู่เสมอ และในเรื่องการเรียน ก็ให้เรียนเพื่อฝึกให้คิด ไม่ใช่เพื่อท่องจำ
- ความรู้ทางการเงิน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งได้เรียนรู้เร็วเท่าไร ก็ยิ่งดี ซึ่งเรื่องนี้รวมถึงการฝึกให้ประหยัดอดออมด้วย
- เป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปตามกระแสของใคร
- และปลูกฝังนิสัยในการรักการอ่านให้กับลูก เพราะในหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เราเห็นนั้น แท้จริงแล้ว คือความรู้และประสบการณ์อันทรงคุณค่าของผู้เขียน ที่ถูกรวบรวมมา ให้อยู่ในแหล่งเดียวกันแล้ว
และทั้งหมดนี้ คือประเด็นสำคัญที่ทาง MONEY LAB ได้สรุปมาให้ จากการสัมภาษณ์กับคุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจดี ๆ ต่อคุณผู้อ่านทุกท่าน ให้ยังมีความเชื่อมั่น ในการก้าวเดินไปบนหนทางสู่อิสรภาพทางการเงินต่อไป
สุดท้ายนี้ ทาง MONEY LAB ก็อยากขอขอบคุณ คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ ในการให้โอกาสสัมภาษณ์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย..
Reference
- สัมภาษณ์พิเศษ คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2568
โฆษณา