Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สารพันความรู้
•
ติดตาม
23 ก.ค. เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
สะพานสุลต่านฮาจีโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน : สะพานเชื่อมสองแผ่นดิน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
บทนำ: สะพานแห่งยุทธศาสตร์และอัตลักษณ์ของบรูไน
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม เป็นประเทศเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ท่ามกลางพื้นที่ของรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ด้วยเหตุนี้เอง ดินแดนของบรูไนจึงแบ่งออกเป็น สองส่วน ที่ไม่ติดกัน ได้แก่:
1. เขตบรุนัย-มูอารา (Brunei-Muara): ส่วนหลักที่ตั้งของเมืองหลวงบันดาร์เสรีเบกาวัน
2. เขตตูตง–ตำบง (Temburong): พื้นที่ที่แยกออกไปทางตะวันออก โดยมีดินแดนมาเลเซียคั่นกลาง
ในอดีต ผู้คนที่ต้องการเดินทางระหว่างสองพื้นที่นี้ จำเป็นต้องผ่านประเทศมาเลเซีย ซึ่งกลายเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการควบคุมชายแดน ด้วยเหตุนี้ บรูไนจึงริเริ่มสร้างสะพาน สุลต่านฮาจีโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน (SHOAS Bridge) หรือที่เรียกในภาษามาเลย์ว่า Jambatan Sultan Haji Omar ‘Ali Saifuddien สะพานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เชื่อมสองแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว แต่ยังเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กับ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน
1. ความเป็นมา: จากความจำเป็นสู่วิสัยทัศน์แห่งชาติ
สะพานแห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของ สุลต่านฮาจีโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน ซาอัดอุดดิน วัดดาอุลลอฮ์ พระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน (สุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์) ผู้ซึ่งมีบทบาทในการวางรากฐานรัฐสมัยใหม่ของบรูไน
แนวคิดในการสร้างสะพาน SHOAS นั้นเกิดจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่:
การลดการพึ่งพาเส้นทางผ่านมาเลเซีย (รัฐลาบวนและซาราวัก)
การเสริมความมั่นคงทางยุทธศาสตร์
การกระจายการพัฒนาไปสู่เขตตูตง–ตำบง ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
วิสัยทัศน์บรูไน 2035 ที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน
2. รายละเอียดทางวิศวกรรมของสะพาน
สะพานแห่งนี้มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งนับเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เวลาที่เปิดใช้งานในปี ค.ศ. 2020 โดยประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก ได้แก่:
2.1 สะพานทะเลยาว 14 กิโลเมตร
ทอดข้ามอ่าวบรูไน (Brunei Bay) เชื่อมฝั่ง Tanjong Kulat กับ Labu Estate ใน Temburong
2.2 อุโมงค์ใต้ดินยาว 3 กิโลเมตร
ลอดใต้ท่าเรือน้ำลึก Muara เพื่อไม่กระทบกับการเดินเรือสินค้า
2.3 ถนนทางเชื่อมและทางยกระดับ
อีกกว่า 10 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่างชานเมืองไปยังตัวสะพาน
โครงการนี้ใช้งบประมาณมากกว่า 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดำเนินการโดยบริษัทก่อสร้างจากจีนและเกาหลีใต้ เช่น Daelim Industrial และ China State Construction Engineering Corporation
3. การเชื่อมโยงสองแผ่นดิน: ความหมายมากกว่าการเดินทาง
การที่บรูไนมีดินแดนสองส่วนที่ถูกคั่นกลางด้วยรัฐมาเลเซีย เป็นอุปสรรคสำคัญในการบริหารจัดการระดับประเทศ เช่น:
การขนส่งสินค้าและบริการสาธารณะต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองสองครั้ง
ความล่าช้าในการเข้าถึงสาธารณูปโภคและความช่วยเหลือ
ความรู้สึกแบ่งแยกระหว่างประชาชนทั้งสองฝั่ง
สะพาน SHOAS จึงกลายเป็นเสมือน “สะพานแห่งเอกภาพ” ที่หลอมรวมความเป็นชาติเดียวกันได้อย่างแท้จริง โดยหลังจากเปิดใช้งาน:
เวลาเดินทางระหว่างสองฝั่งลดจาก 2-3 ชั่วโมงเหลือเพียง 30 นาที
ไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียอีกต่อไป
เพิ่มโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าในเขต Temburong
4. ความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม: สะพานที่เคารพธรรมชาติ
บรูไนเป็นประเทศที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด สะพาน SHOAS เป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของโครงการที่ ให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นอันดับต้น โดยเฉพาะการผ่าน ป่าดิบชื้นตำบง ซึ่งเป็นหนึ่งในผืนป่าที่บริสุทธิ์ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มาตรการสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่:
ใช้ เทคโนโลยีการเจาะอุโมงค์ใต้ทะเล แทนการสร้างสะพานลอยเพื่อไม่กระทบแนวปะการัง
หลีกเลี่ยงการตัดต้นไม้ใหญ่โดยใช้แนวทาง “สะพานยกระดับ” ตลอดแนวป่า
ติดตั้ง รั้วป้องกันสัตว์ป่า ไม่ให้เข้าไปในทางหลวง
ใช้ระบบ ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน (LED) และพลังงานแสงอาทิตย์ บนทางหลวง
ติดตั้ง ระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศและเสียงรบกวน ตลอดเส้นทาง
5. ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
5.1 การกระจายรายได้และการลงทุน
พื้นที่ตำบงซึ่งเคยเป็นพื้นที่ห่างไกล บัดนี้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะด้าน:
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Eco-Tourism) เช่น อุทยานแห่งชาติ Ulu Temburong
การพัฒนารีสอร์ตแบบ Low-Impact
การค้าระหว่างภูมิภาคเพิ่มขึ้น เนื่องจากสะพานเชื่อมสนามบินกับเขตเศรษฐกิจตำบง
5.2 การรวมศูนย์บริการรัฐ
หน่วยงานรัฐสามารถให้บริการประชาชนได้ทั่วถึงมากขึ้น เช่น การขนส่งฉุกเฉิน หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และบริการสาธารณูปโภคต่าง ๆ
5.3 การเสริมความมั่นคง
สะพานนี้ทำให้บรูไนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเส้นทางผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งลดความเสี่ยงในภาวะวิกฤต เช่น โรคระบาดหรือความขัดแย้งชายแดน
6. สะพานกับภาพลักษณ์ระดับนานาชาติ
สะพานแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบรูไนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ ภายใต้การควบคุมสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ทำให้:
บรูไนได้รับความสนใจจากเวทีระหว่างประเทศด้าน Smart Infrastructure
เป็นกรณีศึกษาด้าน “Green Connectivity” สำหรับประเทศกำลังพัฒนา
เสริมภาพลักษณ์ของบรูไนในฐานะประเทศที่มั่งคั่งแต่ยังคง ความถ่อมตนและการเคารพธรรมชาติ
7. วิสัยทัศน์แห่งอนาคต: Brunei Vision 2035
สะพาน SHOAS ไม่ใช่เพียงโครงสร้างทางกายภาพ แต่เป็น สัญลักษณ์ของนโยบายรัฐ ที่ตั้งเป้าให้บรูไนเป็นประเทศ:
ที่มีคุณภาพชีวิตสูง
มีโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืน
รักษาทรัพยากรธรรมชาติควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สะพานนี้ยังเป็นต้นแบบในการวางระบบ “Carbon Neutral Infrastructure” เพื่อรองรับอนาคตที่ใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
บทสรุป: เมื่อสะพานกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาติ
สะพานสุลต่านฮาจีโอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน คือบทพิสูจน์ของความกลมกลืนระหว่าง “การพัฒนา” กับ “การอนุรักษ์” โดยสะพานนี้ทำหน้าที่ไม่เพียงแค่เชื่อมโยงระหว่างสองฝั่งทะเล หากแต่ยัง:
เชื่อมระหว่าง “คนกับคน”
เชื่อมระหว่าง “ธรรมชาติกับความเจริญ”
เชื่อมระหว่าง “อดีตกับอนาคต”
บรูไนอาจเป็นประเทศขนาดเล็กในทางภูมิศาสตร์ แต่สะพานแห่งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า “ขนาดของชาติไม่ใช่ข้อจำกัดของความยิ่งใหญ่ในวิสัยทัศน์”
แนวคิด
ความรู้รอบตัว
เรื่องเล่า
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย