Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
nothing but movie
•
ติดตาม
24 ก.ค. เวลา 04:07 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เล่าเรื่อง กาเมร่า เต่ายักษ์มีเขี้ยว พ่นไฟ บินได้
ไคจูที่มีอายุถึง 60 ปีแล้ว
เปิดหนังดูในยูทูปไปเรื่อย ๆ ก็ไปเจอ กาเมร่า ฉบับดั้งเดิมปี 1965 ไคจูที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นคู่แข่งก็อดซิลล่าอย่างสมศักดิ์ศรี เต่ายักษ์ที่ทั้งแปลกประหลาดและน่าเกรงขามจนกลายเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดเพียงไม่กี่ตัวที่หลงรอดจากยุคทองของหนังไคจูมาจนถึงปัจจุบัน
ต้นยุค 50 ญี่ปุ่นเพิ่งผ่านพ้นฝันร้ายสงครามโลก ภาพของฮิโรชิมา-นางาซากิยังฝังลึกในความทรงจำผู้คน เมื่อโทโฮสร้างก็อดซิลล่า ปี 1954 มันไม่ใช่แค่หนังสัตว์ประหลาด แต่คือการเปลี่ยนบาดแผลสงครามและความหวาดกลัวนิวเคลียร์ให้กลายเป็นสัญลักษณ์บนจอหนัง ก็อดซิลล่าประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ภาพสัตว์ประหลาดยักษ์ที่เดินถล่มเมืองไม่เพียงทำให้ตื่นตาตื่นใจ แต่ยังสั่นสะเทือนความรู้สึกลึก ๆ ของสังคมที่เพิ่งผ่านโศกนาฏกรรมจริง
ปรากฏการณ์นี้ร้อนแรงจนสตูดิโอทุกแห่งต่างอยากมีสัตว์ประหลาดของตัวเอง โทโฮต่อยอดจักรวาลไคจูด้วยมอธร่า โรแดน กิงกิโดราห์ ในขณะที่สตูดิโอคู่แข่งอย่างโชจิคุและนิกัตสึก็พยายามสร้างหนังสัตว์ประหลาดออกมา แต่ก็ไม่อาจสู้ความนิยมของก็อดซิลล่าได้ ไดเอะเองซึ่งเป็นสตูดิโอเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญหนังย้อนยุคซามูไรอย่างซาโต้อิจิ มองเห็นกระแสนี้แล้วรู้ว่าถ้าอยากรอดในยุคสมัยใหม่ก็ต้องมี “สัตว์ยักษ์” ของตัวเอง
จึงเกิดโปรเจกต์กาเมร่าในปี 1965 ทีมผู้สร้างเลือกเต่าเป็นตัวเอก เพราะอยากให้ต่างจากไดโนเสาร์ของก็อดซิลล่าและแมลงยักษ์อย่างมอธร่า กาเมร่าออกแบบให้ดูมีทั้งความโบราณ ขลัง น่ากลัว แต่ก็มีด้านที่เชื่อมโยงกับมนุษย์ โดยเฉพาะสายตาที่เด็กอาจมองว่าน่าสงสารมากกว่าน่าชัง หนังภาคแรกเล่าด้วยโทนจริงจังแบบภัยนิวเคลียร์ แต่พอได้รับความนิยมในกลุ่มเด็ก ๆ สตูดิโอก็เริ่มหันไปเน้นความสัมพันธ์ “สัตว์ประหลาดกับเด็ก” อย่างชัดเจนในภาคต่อ ๆ มา จนกลายเป็นเอกลักษณ์
ในญี่ปุ่น กาเมร่าไม่ได้ดังเท่าก็อดซิลล่า แต่ก็มีฐานแฟนเหนียวแน่น โดยเฉพาะเด็กนักเรียนยุคโชวะที่ผูกพันกับภาพเต่ายักษ์บินพ่นไฟช่วยเหลือเด็กผู้บริสุทธิ์ จนเกิดกระแสกาเมร่าเพื่อนเด็ก
แม้จะถูกมองว่าเป็นตัวสำรองของก็อดซิลล่า แต่กาเมร่าก็ยืนระยะมาได้ยาวนานเพราะความเป็นเอกลักษณ์ เต่ายักษ์ที่ไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดทำลายเมือง แต่บางครั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ และบางครั้งก็เป็นเหยื่อของความโหดร้ายมนุษย์ ความกำกวมนี้เองทำให้แฟนหลายรุ่นรักมัน และเมื่อเวลาผ่านไป กาเมร่าก็กลายเป็นคาแรกเตอร์ที่มีลมหายใจของตัวเอง ไม่ต้องอยู่ใต้เงาก็อดซิลล่าเสมอไป
หนังภาคแรกเปิดด้วยภาพขั้วโลกเหนือที่หนาวเหน็บ เครื่องบินทิ้งระเบิดเกิดอุบัติเหตุจนทำให้หัวรบนิวเคลียร์ระเบิดและปลุกกาเมร่าที่หลับใหลอยู่ใต้ธารน้ำแข็งให้ตื่นขึ้น เต่ายักษ์ตัวนี้โผล่ออกมาจากน้ำแข็งพร้อมเสียงคำรามสะเทือนใจแล้วเคลื่อนตัวสู่ญี่ปุ่น มันเริ่มอาละวาด สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งกองทัพและผู้คน แต่ในขณะเดียวกันหนังก็เล่าผ่านสายตาของเด็กชายโทชิโอะ ผู้ที่เชื่อว่ากาเมร่าไม่ได้เลวร้ายโดยแท้จริง ทำให้โทนเรื่องผสมทั้งด้านมืดแบบภัยสงครามนิวเคลียร์และความอบอุ่นของความผูกพันระหว่างเด็กกับสัตว์ประหลาด
เนื้อเรื่องดำเนินไปท่ามกลางความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และกองกำลังป้องกันประเทศที่หาวิธีหยุดมัน พวกเขาลองใช้ระเบิด ใช้กับดักสารพัด แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดพวกเขาต้องใช้แผน Z ส่งเต่ายักษ์ขึ้นยานอวกาศแล้วปล่อยทิ้งไปนอกโลกเพื่อยุติภัยคุกคาม หนังจบแบบเปิดพื้นที่ให้จินตนาการว่ามันอาจกลับมาอีกครั้ง
แม้จะสร้างด้วยงบจำกัด เทคนิคยังไม่ซับซ้อนเท่าก็อดซิลล่า แต่กาเมร่าภาคแรกก็ประสบความสำเร็จพอสมควรในญี่ปุ่น ในสหรัฐอเมริกา Gamera ถูกตัดต่อใหม่เป็น Gammera the Invincible เพิ่มฉากฝรั่ง เพิ่มฉากถ่ายใหม่ที่มีประธานาธิบดีและนายพลสหรัฐ เพิ่มเสียงบรรยายแบบหนังข่าว และพากย์ใหม่ให้เข้าใจง่าย ตอนวางฉายก็ถูกโปรโมทในฐานะหนังไซไฟราคาถูกสำหรับเด็กและวัยรุ่น
ทว่าความประหลาดของมันกลับดึงดูดคนดูสายเฉพาะทาง กาเมร่าเป็นเต่ายักษ์พ่นไฟที่หมุนตัวบินเหมือนจานบิน ดูทั้งน่ากลัวและน่าขำในเวลาเดียวกัน เมื่อรวมกับการพากย์อังกฤษแบบแข็ง ๆ และตัดต่อที่บางทีก็ดูไม่สมเหตุสมผล มันจึงให้ความรู้สึก “เชยแต่โคตรมีเสน่ห์” แฟนหนังเกรดบีในอเมริกาเริ่มพูดถึงมันในเชิงสนุกแบบไม่ต้องจริงจัง กลายเป็นหนังที่ถูกเปิดวนในรายการทีวีช่วงบ่ายวันเสาร์สำหรับเด็ก หรือฉายกลางดึก
ในยุค 80 เมื่อ VHS เริ่มแพร่หลาย กาเมร่ากลายเป็นหนึ่งในหนังสัตว์ประหลาดที่คนหามาดูเพราะอยากเห็นความประหลาดเชิงคัลท์ ทำให้เต่ายักษ์ตัวนี้ถูกจดจำในฐานะ “สัตว์ประหลาดแปลกแต่มีเสน่ห์” ต่างจากก็อดซิลล่าที่ถูกวางให้เป็นสัญลักษณ์จริงจังของภัยนิวเคลียร์
กลับไปที่ญี่ปุ่น ไดเอะสร้างหนังกาเมร่าอีกหลายภาคในยุคโชวะ แต่ยิ่งสร้างก็ยิ่งด้อยคุณภาพ แต่แล้วเจ้าเต่ายักษ์พ่นไฟบินได้ก็ถถึงจุดเปลี่ยน หลังจากยุคโชวะสิ้นสุดลง กาเมร่าก็เงียบหายไปพักใหญ่เพราะอุตสาหกรรมหนังญี่ปุ่นเจอวิกฤตหนัก ไดเอะล้มละลายและถูกโตกุมะ โชเต็นซื้อกิจการมา ทำให้แฟรนไชส์เต่ายักษ์ต้องพักไปจนหลายคนคิดว่าคงไม่มีวันกลับมาได้อีกแล้ว
แต่ในปี 1995 กาเมร่าได้คืนชีพในรูปแบบที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อสตูดิโอตัดสินใจรีบูตใหม่ภายใต้การกำกับของ คาเนโกะ ชูสุเกะ และงานเอฟเฟ็กต์ของ ฮิงุจิ ชินจิ ที่ผสม GC กับเทคนิคดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นกลายเป็น Gamera: Guardian of the Universe ซึ่งเปิดประตูสู่ไตรภาคเฮเซย์ที่สร้างความตะลึงให้ทั้งแฟนญี่ปุ่นและแฟนตะวันตก
ไตรภาคนี้เปลี่ยนโทนกาเมร่าจากสัตว์ประหลาดแสนเชยให้กลับมาดูขลังและน่าเกรงขามอีกครั้ง หนังเล่าเรื่องกาเมร่าเป็นอาวุธชีวภาพโบราณที่ถูกสร้างมาเพื่อปกป้องโลกจากภัยร้าย ตัวไคจูถูกออกแบบใหม่ให้สมจริง น่ากลัวและมีรายละเอียดมากขึ้น เทคนิคการถ่ายทำผสมทั้งมินิเอเจอร์และคอมพิวเตอร์กราฟิกแบบที่ญี่ปุ่นยังไม่เคยทำกับไคจูมาก่อน หนังไม่ได้เล่าเพียงการทำลายเมือง แต่ใส่โครงเรื่องดราม่าและมิติทางอารมณ์มากขึ้น
นักดูหนังรุ่นใหม่ที่เคยหัวเราะกับความเชยของกาเมร่ายุคโชวะถึงกับอึ้งเมื่อได้ดู Guardian of the Universe ตามมาด้วย Gamera 2: Attack of Legion (1996) ที่เพิ่มสเกลสงครามเอเลี่ยนแบบไซไฟ และจบไตรภาคด้วย Gamera 3: Revenge of Iris (1999) ที่มีเนื้อหาดาร์กและลึกซึ้ง เป็นงานมาสเตอร์พีซที่ทำให้เห็นว่าหนังไคจูสามารถเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมแบบผู้ใหญ่ได้จริงจนหลายคนยกให้เป็น “หนังไคจูที่ดีที่สุดเท่าที่ญี่ปุ่นเคยสร้าง”
เมื่อหนังชุดนี้ไปถึงตะวันตก มันถูกใจแฟนหนังไซไฟและคอหนังสัตว์ประหลาด นักวิจารณ์อเมริกันบางคนบอกว่ากาเมร่ายุคเฮเซย์ “เหนือกว่าก็อดซิลล่ายุคเดียวกันทั้งด้านเนื้อเรื่องและเทคนิค การกลับมาครั้งนี้ยังเปลี่ยนภาพลักษณ์กาเมร่าสัตว์ประหลาดเชยที่เหมาะกับเด็กเป็นผู้พิทักษ์โลกผู้โดดเดี่ยวที่มีมิติทางอารมณ์ และทำให้แฟรนไชส์กลับมามีที่ยืนเคียงข้างก็อดซิลล่าอย่างสง่างาม
ไตรภาคเฮเซย์ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กาเมร่าไม่ถูกลืม แม้ในยุค 2000 ภาค Gamera the Brave จะกลับไปโทนอ่อนโยนอีกครั้งและไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่ชื่อเสียงจากไตรภาคเฮเซย์ทำให้แบรนด์กาเมร่ายังมีอนาคต
ปัจจุบันชื่อของกาเมร่าก็ยังไม่หายไป แม้จะไม่มีหนังคนแสดงใหม่ แต่ได้มีการปล่อยซีรีส์แอนิเมชัน Gamera: Rebirth ทาง Netflix เมื่อปีที่แล้ว ทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักเต่ายักษ์ที่เคยถูกมองเป็นคู่แข่งก็อดซิลล่า และสำหรับแฟนเก่า มันคือการยืนยันว่าไคจูที่ชื่อกาเมร่ายังมีที่ยืนในความทรงจำเสมอ
เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ทาง Kadokawa ได้ปล่อยวิดีโอและโลโก้ใหม่ฉลองครบรอบ 60 ปีของ Gamera ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีโปรเจกต์ใหม่ที่อาจกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าโปรเจกต์นั้นจะเป็นหนังคนแสดง ภาพยนตร์แอนิเมชัน หรือซีรีส์ และยังไม่มีการประกาศชื่อทีมงาน นักแสดง หรือกำหนดวันเปิดกล้องหรือเข้าฉาย แต่ดูจากความสำเร็จของหนังไคจูในช่วงหลังทั้งฝั่งญี่ปุ่นและฮอลลีวูด เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้เห็นกาเมร่ากลับมาอีกแน่ๆ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย