25 ก.ค. เวลา 01:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✴️บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) : READY
📌การดำเนินธุรกิจหลักคือ ‘Marketing Technology Platform’ หรือ ‘MarTech Platform’ เป็น Platform ทางการตลาดและการขายที่รวมเครื่องมือดิจิทัลหลายๆอย่างไว้ในที่เดียว ภายใต้ชื่อ "Readyplanet All-in-One Platform" ซึ่งบริษัทพัฒนาขึ้นเอง
สรุปแบบสั้นๆ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ธุรกิจของ ‘READY’ ก็คือให้บริการสร้าง Website ด้วยวัตถุประสงค์ทางการตลาดนั่นแหล่ะ แต่ที่มากกว่า หรือเหนือกว่าบริษัทอื่นคือ ความเป็น ‘All-in-One’ ไม่ใช่แค่บริการสร้าง Website อย่างเดียวที่มันก็ดูธรรมดาๆทั่วไป แต่เขายังมี
🟢R-Web: ระบบสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจที่สามารถปรับแต่งได้เองโดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านไอที
🟢R-CRM: ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่ช่วยจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามสถานะการขาย และวิเคราะห์พฤติกรรม
🟢R-Ads: แพลตฟอร์มบริหารจัดการโฆษณาออนไลน์ เช่น Google Ads, Facebook Ads, TikTok Ads ฯลฯ จากศูนย์กลางเดียว พร้อมระบบติดตามผลลัพธ์
🟢R-Chat (หรือ R-Chatbot): ระบบตอบแชทอัตโนมัติที่สามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA, Facebook Messenger และ Website Live Chat เพื่อช่วยลดงานซ้ำซ้อนของทีมขายและให้บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง
🟢E-Commerce: สำหรับบริษัทที่ต้องการขายสินค้าไปยังลูกค้าโดยตรง และเก็บข้อมูลลูกค้าของตนเอง
🟢แถมยังมีระบบสะสมแต้ม Loyalty Program, ระบบจองโรงแรม, Marketing Automation, AI Chatbot อีกด้วย
📌กล่าวโดยสรุป ธุรกิจของ ‘READY’ ก็คือ ‘All in One Digital Marketing & Sales’ ช่วยธุรกิจทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ สร้าง Website เป็นของตัวเอง ติดตั้งระบบลูกค้าสัมพันธ์ ระบบรับ-ส่งข้อความ ทำโฆษณาออนไลน์ และหากเป็นธุรกิจโรงแรมก็ทำระบบจองโรงแรมโดยตรงให้ด้วยเลย
☑️จากข้อมูลลูกค้าทั้งหมดของ ‘READY’ ประมาณ 55% ใช้บริการผ่านทีมงานของบริษัท (ก็คือจ่ายเงินมา เดี๋ยวคนเก่งๆทำให้) และอีก 45% ที่เหลือนั้นลงมือทำเองผ่าน R-Web ของบริษัท (เดาว่าจ่ายเงินถูกกว่า แล้วฉันทำเอง)
☑️ที่น่าสนใจก็คือ รายได้ของ ‘READY’ มากกว่า 90% เป็นรายได้ประจำ (Recurring income) จากการขายแบบ ‘Subscription’ ลูกค้าจ่ายเงินเพื่อใช้บริการเป็นรายเดือนหรือรายปี
☑️ธุรกิจไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ การมี Website ของตัวเองเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือและการบริหารจัดการที่อิสระออกจาก Social media platform (ธุรกิจขนาดเล็กอาจมีออนไลน์เพียงแค่ช่องทาง Facebook, IG, Line อะไรแบบนี้) เหมาะกับธุรกิจที่ “ต้องการระบบระยะยาว” ไม่ใช่แค่มี Website
☑️จากการหาข้อมูลเร็วๆผ่านๆ ‘READY’ น่าจะมีลูกค้าอยู่ในมือประมาณ 15,000 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าแบบ ‘Subscription’ ประมาณ 8,000 ราย ในจำนวนนี้มีองค์กรใหญ่เป็นลูกค้ามากกว่า 100 ราย (แต่ใครบ้างก็ไม่รู้)
☑️ตัวอย่างบริษัทที่ทำธุรกิจ ‘MarTech’ ระดับโลกในต่างประเทศ เช่น Adobe Experience Cloud, Salesforce Marketing Cloud, HubSpot, Bloomreach, Demandbase, Omnisend, The Trade Desk ลองเฉลี่ยอัตราส่วน P/E อยู่ที่ 40-50 เท่า
สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนต่ออุตสาหกรรมนี้ว่าจะเติบโตไปได้อีกไกลในอนาคต ขณะที่ค่าเฉลี่ยการเติบโตของอุตสาหกรรมในอดีต (CAGR) ก็มากกว่า 10% ต่อปี แถมในอนาคตนับ 10 ปีข้างหน้าก็ยังมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปีเช่นกัน
🔸‘HubSpot’ มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในอุตสาหกรรม ‘Marketing Automation’ มากกว่า 38% ในปี 2024
🔸‘Salesforce’ ส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในอุตสาหกรรม (CRM: ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์) มากกว่า 29% ในปี 2024
🔸‘Adobe, Salesforce, Oracle, Google, HubSpot’ เมื่อรวมกันแล้วจะครองตลาด ‘MarTech’ มากกว่า 40% ของมูลค่าตลาดโลกทั้งหมด ส่วนตลาด ‘MarTech’ ในไทยยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน คาดว่ามีบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายๆกันนี้มากกว่า 100 แห่ง สะท้อนว่าอุตสาหกรรมยังไม่มีใครผูกขาด กระจายตัว ยังไม่มีผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียว
☑️‘READY’ ก็อาจยังมีข้อได้เปรียบสำหรับน่านน้ำไทยบางประการ เช่น ราคาที่คุ้มค่ากว่าและบริการสนับสนุนที่เอื้อต่อธุรกิจไทย
☑️สำหรับการแข่งขันในไทย ความเป็น ‘All-in-One’ ของ READY อาจทำให้เขาเหนือกว่าคู่แข่งอยู่บ้าง เพราะครบจบในที่เดียว ลูกค้าไม่ต้องใช้หลายระบบ ไม่ต้องซื้อจากหลายเจ้าพร้อมกัน ช่วยลดความซับซ้อนและลดต้นทุนได้มากโข
📊‘READY’ จากข้อมูลล่าสุดในงบกำไร-ขาดทุน ไตรมาสที่ 1/2025
⭐รายได้จากการให้บริการ: 51 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% YoY) ถือเป็น ‘New High’ รายไตรมาสในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ผลจากลูกค้าเดิมที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และลูกค้าใหม่ที่ปิดการขายได้ รวมถึงรายได้อื่นๆก็เพิ่มขึ้นด้วย คิดเป็น Recurring income มากกว่า 91% เลย แบ่งเป็น
🔸 All-in-One Sales and Marketing Platform: 87%
🔸 Hotel Direct Booking Platform: 13% / มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว และโรงแรมให้ความสำคัญกับการจองห้องพักโดยตรงกับทางโรงแรมเองมากขึ้น
⭐ต้นทุน: 16 ล้านบาท (ลดลง 4% YoY)
⭐กำไรขั้นต้น: 35 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8% YoY) GPM=69%, GPM สูงขึ้นมาก เนื่องจากรายได้ประจำแบบ ‘Subscription’ เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบริษัทนั้นคงที่ (Fixed Cost) แน่นอนว่าทำให้เกิด ‘Economy of Scale’
⭐ค่าใช้จ่ายในการขาย: 9 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10% YoY) ในไตรมาสที่ 1 ของทุกปี บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมากกว่าไตรมาสอื่นเป็นปกติ เกิดจากการปรับเงินเดือนประจำปีของพนักงาน และไตรมาสนี้ ‘READY’ ไปออก Evet ด้าน Marketing Tech ซึ่งนับเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นมาเพียงครั้งเดียว
⭐ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: 15 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% YoY)
⭐กำไรจากการดำเนินงาน: 12 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12% YoY)
⭐กำไรสุทธิ: 10 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12% YoY) NPM=20%
☑️รายได้เฉลี่ยของลูกค้าปัจจุบัน (Current ARPA) อยู่ที่ 2,097 บาท ต่อไตรมาส ถ้าจากสมมติฐานนี้ ณ ปัจจุบัน ‘READY’ น่าจะมีลูกค้าอยู่ในมือประมาณ 24,000 ราย (เป็นแค่ค่าเฉลี่ย) ซึ่งรายได้เฉลี่ยของลูกค้าปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่เก็บข้อมูลมาในปี 2019 คิดเป็นการเติบโตย้อนหลัง 6 ปี เฉลี่ยสูงถึงเกือบ 16% ต่อปี
☑️ณ ปัจจุบัน ‘READY’ มีลูกค้าแบบ ‘Subscription’ ซึ่งถือเป็นรายได้ประจำ 7,424 ราย โดยแบ่งเป็นลูกค้าที่ใช้บริการแบบ All-in-One 2,129 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่จ่ายค่าบริการมากกว่า 600 บาทต่อเดือนขึ้นไปนั้นคิดเป็น 80% ของรายได้บริษัท
📊ย้อนไปดูงบกำไร-ขาดทุนย้อนหลัง 8 ปี (2017-2024)
📈รายได้ทรงๆตัว ไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ลดลง ที่น่าสนใจก็คือกำไรขั้นต้นเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยเกือบ 12% ต่อปี ที่ผู้บริหารกล่าวถึง ‘Economy of Scale’ ก็อาจจะจริง หากอนาคตรายได้เพิ่ม แต่ต้นทุนไม่เพิ่มตาม กำไรจะกระโดด
📈ค่าใช้จ่ายในการขายเติบโตอ่อนๆ เฉลี่ย 3% ต่อปี
📈มีการขาดทุนเมื่อปี 2020 ส่วนนี้เข้าใจได้ Covid กำลัง Peak และปีถัดไปก็ค่อยๆกลับมาได้ จนทำ New High
⚠️‘READY’ P/E เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าเท่า ส่วนปัจจุบันอยู่ที่ 11 เท่า ราคาหุ้นต่ำตมทั้งตลาด
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับผม 😊
โฆษณา