25 ก.ค. เวลา 11:39 • ความคิดเห็น
หากฉันบังเอิญเกิดเป็นคนกัมพูชา แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยท่ามกลางไฟสงครามที่ฉันไม่เคยอยากให้มันเกิดขึ้น
การเกิดไม่ใช่ความผิด
ฉันไม่ได้เลือกเกิดเป็นคนกัมพูชา เหมือนที่ใครหลายคนไม่ได้เลือกเกิดเป็นคนไทย คนลาว หรือคนอื่นๆ ในแผนที่โลก เราทุกคนต่างลืมตาขึ้นในพื้นที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ โดยไม่มีสิทธิ์เลือกเลยว่าเราจะถือสัญชาติใด มีผู้นำแบบไหน หรือจะต้องเติบโตมาท่ามกลางเสียงปืนหรือเสียงเพลง
1
ฉันเป็นเพียงคนคนหนึ่ง ที่บังเอิญถือพาสปอร์ตกัมพูชา แล้วใช้แรงกายแรงใจทำงานสุจริตอยู่ในประเทศไทย ซื่อสัตย์กับนายจ้าง ส่งเงินกลับบ้าน เลี้ยงดูพ่อแม่เหมือนที่ลูกคนไทยหลายคนทำ ทุกเช้าที่ฉันตื่นขึ้น ฉันไม่ได้ตื่นมาเพื่อจะเป็นศัตรูกับใครเลย
แต่แล้วสงครามก็บังเกิดขึ้น
ไม่ใช่สงครามที่ฉันเลือก ไม่ใช่สงครามที่ฉันเข้าใจ มันเป็นการตัดสินใจของใครบางคน บนโต๊ะยาวๆ ที่ประชาชนตัวเล็กๆอย่างฉันไม่มีที่นั่ง และเมื่อเสียงปืนลั่นขึ้นตามชายแดน มันกลับกลายเป็นว่า ใบหน้าของฉัน ภาษาแม่ของฉัน กลายเป็นเครื่องหมายของ “ศัตรู”
1
ความเจ็บปวดไม่ได้อยู่ที่สงคราม
แต่อยู่ที่สายตาของผู้คน ที่เคยมองฉันอย่างเป็นเพื่อน กลับหันมามองด้วยความระแวง เหมือนฉันเป็นคนผิด
ทั้งที่ฉันไม่เคยยิงปืน ไม่เคยเขียนคำสั่ง ไม่เคยกดปุ่มอะไรเลยนอกจากปุ่มเครื่องจักรในโรงงาน
1
ฉันหลบซ่อน
ฉันหวาดกลัว
และฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใด..
การเกิดจึงกลายเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงนัก
ถ้าในชีวิตนี้มีอะไรที่เราแก้ไม่ได้ ก็คงเป็นการเกิด
เราทุกคนเกิดมาเพื่ออยู่ให้ดีที่สุดในโลกที่วางไว้แล้ว
และถ้าความผิดของฉันคือการเป็นคนกัมพูชา ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่เคยมีเจตนาร้ายต่อแผ่นดินที่ฉันอาศัยทำงานเลย
บางที…ศัตรูตัวจริงอาจไม่ใช่กันและกัน
แต่คือความกลัว ความไม่เข้าใจ และคำพูดที่ใครบางคนพร่ำบอกซ้ำๆ จนมันกลายเป็นความเกลียดชัง
หากวันหนึ่งฉันต้องตายกลางถนนในเมืองที่ฉันรักเพราะถือสัญชาติผิด ฉันก็อยากให้ใครสักคนได้อ่านข้อความนี้
1
และรู้ว่า ฉันก็แค่คนคนหนึ่ง...
ที่อยากมีชีวิตธรรมดา
ท่ามกลางโลกที่ไม่เคยธรรมดาเลย
โฆษณา