Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Anan The Planner
•
ติดตาม
26 ก.ค. เวลา 12:02 • ธุรกิจ
สัญญาณวิกฤตประกันสุขภาพ: อ่วมทั้งรัฐ... อ่วมทั้งเอกชน! เราจะรับมือยังไงดี?
ช่วงนี้มีบริษัทประกันบางแห่งปรับเปลี่ยนเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ทั้งขึ้นเบี้ย หรือเพิ่มเงื่อนไขให้เราต้องร่วมจ่าย (Co-payment) ซึ่งทำเอาผู้เอาประกันหลายคนถึงกับงงและไม่พอใจ จน สส. บางท่านต้องออกมาเรียกร้องให้ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) เข้ามาช่วยดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ล่าสุด คปภ. ก็ได้เรียกบริษัทประกันเข้ามาหารือและกำชับให้หยุดการดำเนินการที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้เอาประกัน พร้อมทั้งให้ส่งแผนการแก้ไขปัญหาภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นี้ด้วย
เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ ของบริษัทประกันรายใดรายหนึ่ง แต่เป็นผลพวงจาก "ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล" ของประเทศไทยที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนที่ค่ารักษาพุ่งกระฉูด ทำให้พอร์ต (Port) หรือบัญชีรายรับ-รายจ่ายของประกันสุขภาพแต่ละบริษัท ขาดทุนย่อยยับ! จนต้อง "ปิดแผน" หรือยกเลิกแบบประกันเก่าๆ ไปเลย เทียบกับเมื่อหลายปีก่อนคือคนละเรื่องเลยล่ะ
วิกฤตนี้ไม่ได้กระทบแค่เอกชน... รัฐก็อ่วมไม่แพ้กัน!
ไม่ใช่แค่ฝั่งประกันเอกชนเท่านั้นนะที่เจอปัญหา ในทางฝั่ง โรงพยาบาลรัฐบาลเองก็มีแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาให้ความเห็นว่ากองทุนของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ซึ่งก็เหมือนเป็นบริษัทประกันสุขภาพของรัฐบาล เป็นผู้จ่ายค่าบริการสุขภาพให้โรงพยาบาลรัฐ ก็เริ่มมีเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้กับโรงพยาบาลรัฐที่เป็นผู้ให้บริการเหมือนกัน
เราเห็นได้จากข่าวต่างๆ ที่โรงพยาบาลรัฐบ่นว่าโดน "ตัดค่า DRG" (Diagnosis Related Group - ระบบการจ่ายเงินตามกลุ่มวินิจฉัยโรค) บ้าง "Adjust RW" (Relative Weight - ค่าถ่วงน้ำหนักสัมพัทธ์ของแต่ละโรค) บ้าง หรือได้รับเงินช้าบ้าง ไม่ได้บ้าง หรือบางทีก็เหมือนโดน "ชักดาบ" (ไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน) ไปเลยก็มี
จะเห็นได้ว่าทั้ง สปสช ที่เป็นคนจ่ายค่ารักษาให้โรงพยาบาลรัฐ และบริษัทประกันที่เป็นคนจ่ายค่ารักษาให้โรงพยาบาลเอกชน ก็มีสภาพไม่ต่างกันมากนักในแง่ของ "พอร์ตการจ่ายค่ารักษาพยาบาล" ที่แบกรับภาระหนักหน่วง
เอกชนตัดสินใจเร็วกว่า... แต่รัฐติดกับดัก "ความเป็นไปไม่ได้"
ในมุมของเอกชน การตัดสินใจปรับเงื่อนไขหรือยกเลิกแผนทำได้ง่ายกว่า เพราะบริษัทเอกชนตั้งขึ้นมาเพื่อหวังผลกำไร ในเมื่อขาดทุน ก็ต้องยกเลิก หรือปรับเปลี่ยนเพื่อให้อยู่รอด แต่การยกเลิกหรือปรับเงื่อนไขเหล่านี้ก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น "ชื่อเสียง" หรือ "ความไว้เนื้อเชื่อใจ" ของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งแน่นอนว่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันของลูกค้าต่อไปแน่นอน
ส่วนกองทุนของ สปสช ที่สภาพก็ไม่ได้ต่างกัน ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น คนในวงการรู้แล้วว่ามันจะไปไม่ไหวในระยะยาว แต่ก็ต้องยอมรับว่า "ไม่สามารถยกเลิกได้!" ถ้ารัฐบาลไหนลองยกเลิกหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของ สปสช. นี้ รับรองได้เลยว่าอยู่ได้สมัยเดียวแน่นอน เพราะมันกระทบกับประชาชนหมู่มากระดับหลายสิบล้านคน และเป็นแผลให้อีกฝ่ายโจมตีแน่นอน
ณ ตอนนี้ เรายังไม่รู้ว่าแผนสำรองของ สปสช คืออะไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ก็เห็นๆ กันแล้วตามข่าวว่ากองทุนมีวิกฤตรายจ่ายอยู่เหมือนกัน
แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการรัฐหรือเอกชน ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกล เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกหลายครั้ง ทั้งในฝั่งรัฐเอง และในฝั่งเอกชน
สำหรับตัวเราเอง ก็คงไม่สามารถพึ่งอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่เกิด "Paradigm Shift" (การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่) ขึ้น กรอบความคิดหรือแนวทางปฏิบัติเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป เราอาจต้องมองหาแนวทางผสมผสานในการดูแลสุขภาพ เช่น การใช้สวัสดิการรัฐเป็นฐาน และเสริมด้วยประกันสุขภาพเอกชนที่เหมาะสมกับความต้องการและกำลังทรัพย์ของเรา
การเตรียมตัวและวางแผนด้านสุขภาพล่วงหน้า จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
#วิกฤตประกันสุขภาพ #ประกันสุขภาพ #สปสช #ค่ารักษาพยาบาล #วางแผนสุขภาพ #AnanThePlanner
วางแผนการเงิน
การลงทุน
ประกัน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย