Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
27 ก.ค. เวลา 02:25 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
“ถ้าผมบอกว่า Agile ทำให้ทีมช้าลง”…คุณรับได้ไหม?
คำถามนี้อาจแทงใจผู้บริหารหลายคน ที่เคยเชื่อว่า Agile คือสูตรลัดเพิ่มความเร็วให้ธุรกิจ ทว่าความจริงคือ — Agile ไม่เคยถูกออกแบบมาให้เร็วขึ้นทันที แต่มันคือกระจกสะท้อนความจริง ที่จะทำให้คุณเห็นว่าอะไรควรเปลี่ยน เสียเวลา หรือหยุดทำ และ “ทำไมความเร็วจึงไม่ใช่จุดเริ่มต้นของความคล่องตัว หากไม่มีความจริงใจในการฟังกัน”
เพราะ Agile คือระบบที่เชื้อเชิญให้ทีม “กล้าพูดในสิ่งที่ไม่สะดวกหู” และเชิญชวนผู้นำ “กล้าฟังในสิ่งที่ไม่สะดวกใจ”
และถ้าองค์กรไม่กล้า “รับฟัง” เสียงสะท้อนนั้น…Agile ก็ไม่ต่างจาก “โรงงานผลิตพิธีกรรม” ที่ทำตามขั้นตอนทุกอย่างเป๊ะๆ แต่ไม่มีใครตอบได้เลยว่า “สุดท้ายแล้ว…เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร?”
"ทำ Agile ไม่ได้แปลว่า 'คุณอยากเร็วไหม?' แต่มันถามว่า 'คุณกล้าพอไหมที่จะเปลี่ยนเมื่อเห็นความจริง?'"
====
🚨 “สัญญาณอันตราย” เมื่อ Agile กลายเป็นระบบราชการเป็นอย่างไร?
คุณอาจเคยเห็นทีมที่มี Scrum Master, มี Sprint, มี Review, มี Retrospective ทุกอย่างดูคล่องแคล่ว แต่สิ่งที่หายไปคือ “เสียงสะท้อน” ว่าสิ่งที่ทำมันมีค่าไหม? หรือควรเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น?
องค์กรจำนวนมากเผลอ “ติดตั้ง Agile” เหมือนติดตั้งเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป — ทั้งที่ไม่ได้รื้อโครงสร้างเดิมออกไปก่อน ผลลัพธ์ก็คือ…
* ทีมต้องทำตาม process ที่ไม่เกี่ยวกับเป้าหมาย
* ผู้บริหารยังตัดสินใจแบบ top-down
* ทีมไม่มีอำนาจจริง และ feedback ถูก ignore
* Retrospective กลายเป็น “พิธีกรรมซ้ำๆ” ที่พูดแต่เรื่องเดิมโดยไม่เคยนำไปเปลี่ยนแปลง
* Review กลายเป็น “โชว์งาน” มากกว่า “ทบทวนคุณค่า”
Agile แบบนี้ “อาจจะเร็วขึ้นในขั้นตอน” แต่จะ “หลงทางในเป้าหมาย” และสูญเสียความไว้วางใจจากทีมในระยะยาว
ตัวอย่างที่เห็นบ่อย เช่น
* ทีมใช้ Jira อย่างครบถ้วน, มี Scrum Board สวยงาม, มี KPI หรือ dashboard ไว้ติดตาม Velocity….
* แต่เมื่อ Product Owner ขอเปลี่ยน Prioritization ตามลูกค้า กลับโดนตอบกลับว่า “ไม่ได้ครับ มันอยู่นอก Sprint ต้องรอรอบหน้า” ทั้งที่โอกาสนี้จะหายไปใน 2 วัน นี่คือ Agile ที่เร่งเครื่อง…แต่ไม่ได้ขับไปข้างหน้า
* “เราทำ Sprint Review ทุกครั้ง แต่คนที่ตัดสินใจก็ไม่เคยเปลี่ยนอะไรตามที่ทีมสะท้อนเลย…”
“Agile เหมือนกับเป็นละครที่เราต้องเล่นให้จบ…แต่ไม่มีคนดู”
====
🧭 คำถามที่ต้องตอบ…ก่อนคิดจะทำ ‘Agile’
การติดตั้ง Agile ที่ดี ไม่ได้เริ่มจากการจ้าง Agile Coach หรือซื้อ Jira แต่เริ่มจาก “ผู้นำกล้าตั้งคำถาม” กับรากขององค์กรตนเองก่อนว่าองค์กรพร้อมแค่ไหนที่จะเปลี่ยนแปลงจากโครงสร้างแบบเดิมไปสู่ระบบที่เน้นความคล่องตัวและการฟังกันอย่างจริงใจ
1. โครงสร้างองค์กร...เอื้อต่อความคล่องตัวจริงไหม?
* ลองสำรวจดูว่าทีมสามารถปรับลำดับความสำคัญของงานได้เร็วแค่ไหนในโลกความเป็นจริง หากยังต้องผ่านหลายชั้นการอนุมัติ กว่าจะได้รับคำตอบหรืออนุมัติการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็อาจสายเกินไป นี่เป็นสัญญาณว่าระบบราชการในองค์กรยังฝังลึก และขัดกับหลัก Agile ที่เน้น responsiveness
* ตัวอย่าง: บริษัทแห่งหนึ่งจัดระบบ approval ใหม่โดยให้ทีมมี "delegated authority" ตัดสินใจเรื่องที่เกี่ยวกับลูกค้าโดยไม่ต้องผ่าน C-level ส่งผลให้ลด cycle time ของ decision จาก 5 วัน เหลือไม่ถึงครึ่งวัน
2. เรามีกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ชัดหรือยัง?
* Agile จะไม่มีวัน work ถ้าแต่ละทีมตีความเป้าหมายไม่เหมือนกัน หากยังไม่มี "North Star Metric" ที่ทุกคนเข้าใจตรงกัน หรือภาพรวมของ Customer Journey ที่ชัดเจน ทีมก็อาจจะใช้ Agile เพื่อ optimize งานในทิศทางที่ไม่ตรงกับเป้าหมายขององค์กร
* ตัวอย่าง: ทีม Marketing ใช้ Agile เพิ่มจำนวนโพสต์ต่อสัปดาห์ ขณะที่ทีม Product มุ่งไปที่การลด churn แต่ทั้งสองทีมไม่รู้ว่าเป้าหมายรวมคือการเพิ่ม CLV (Customer Lifetime Value) เลยไม่มี alignment
3. เราจัดลำดับผลิตภัณฑ์ถูกไหม?
* หลายองค์กรยัง prioritize งานโดยอิงจากโครงสร้างภายใน เช่น ระบบ legacy หรือความสะดวกของแผนก ไม่ได้ดูจากเสียงของลูกค้าหรือคุณค่าที่แท้จริงของฟีเจอร์ หากสิ่งนี้ยังเกิดอยู่ Agile แค่ช่วยให้ทำงานผิดลำดับได้เร็วขึ้นเท่านั้น
* ตัวอย่าง: ในองค์กรด้านประกันแห่งหนึ่ง ผู้บริหารเร่งทำระบบ backend ให้เสร็จโดยไม่เคยทดสอบ pain point ของลูกค้า ผลคือไม่มีใครใช้ portal ใหม่ แม้จะ deploy ได้เร็ว
4. เราใช้คนเก่งถูกจุดหรือเปล่า?
* คนที่เก่งจริงควรได้มีส่วนร่วมใน decision-making ไม่ใช่ถูกใช้ให้แค่ทำ task ซ้ำๆ โดยไม่มีอิทธิพลต่อทิศทางของทีม การเอาคนเก่งมาใช้ผิดหน้าที่ จะทำให้คนหมดแรงใจ และสูญเสียโอกาสสำคัญในการสร้าง innovation
* ตัวอย่าง: วิศวกรระดับ senior ของบริษัทโลจิสติกส์เสนอ redesign flow ที่จะลดเวลา load ของระบบลงครึ่งหนึ่ง แต่กลับถูกปฏิเสธเพราะ "ไม่อยู่ใน scope sprint" ทั้งที่การเปลี่ยนนี้จะมีผลต่อ business outcome โดยตรง
5. กระบวนการตัดสินใจ...เหมาะสมกับประเภทของงานหรือไม่?
* งานแต่ละประเภทมี nature ต่างกัน บางงานต้องเร็ว บางงานต้องผ่านหลายฝ่าย แต่ถ้าทุกเรื่องต้องรอเซ็นผ่านเหมือนกันหมด Agile ก็จะกลายเป็นแค่เปลือก
* ตัวอย่าง: ทีม CX เจอสถานการณ์ฉุกเฉินจากแอปเด้งใน iOS version ใหม่ แต่ต้องทำ memo รอ approval จาก 3 ฝ่ายก่อน deploy hotfix ทำให้ลูกค้า 2,000 คน uninstall แอปใน 24 ชั่วโมง
6. ผู้บริหาร...ฟัง feedback จริงไหม?
* การมี feedback channel ไม่ได้แปลว่าองค์กรฟัง feedback จริง หากผู้บริหารฟังแต่ไม่เปลี่ยน roadmap หรือเอาไป action ทีมจะหมดศรัทธา
* ตัวอย่าง: ใน Sprint Review ทีมเสนอให้ยกเลิกฟีเจอร์ที่ลูกค้าไม่ใช้ แต่ stakeholder ตอบเพียงว่า "ให้ทำต่อเพราะอยู่ในแผน" นี่คือการ feedback แล้วไม่มี feedback loop ที่แท้จริง
“เพราะ Agile ไม่ได้เริ่มจากเครื่องมือหรือบทบาท แต่มาจากความกล้าหาญที่จะตั้งคำถาม และความซื่อสัตย์ต่อความจริงที่ได้ยิน”
====
🔍 ตัวอย่าง “การ Agile ผิดวิธี = Agile Theatre”
* Spotify Model ถูกนำไปลอกเลียนในหลายองค์กรโดยไม่เข้าใจรากฐานเรื่อง autonomy — ทำให้เกิด tribe/squad ที่ดูดี แต่ไม่มีอำนาจจริง ทีมไม่กล้าตัดสินใจ
* บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่ง ทำ Agile โดยเน้นพิธีกรรม (daily, sprint, retrospective) แต่ไม่มี Product Owner ที่กล้าตัดสินใจ สุดท้ายจึงกลายเป็น Agile ที่ “ไวต่อขั้นตอนแต่ช้าในการเปลี่ยนทิศ”
* บริษัทหนึ่งในไทย ลงทุนในระบบ Agile Transformation หลายสิบล้าน แต่สุดท้ายในทุก sprint review กลับไม่มีผู้บริหารระดับตัดสินใจมาเข้าร่วมเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายทีมรู้สึกว่า “ต่อให้เสนออะไรก็ไม่มีผล” จนเกิดภาวะ Learned Helplessness
เพราะ Agile ไม่ใช่ ‘Framework สำเร็จรูป’ ที่ใครก็ใช้ได้…แต่มันคือตัวเร่ง ‘ความกล้าในการเผชิญความจริง’ ของผู้นำแต่ละองค์กร
====
🧪 สัญญาณเตือนว่าทีมคุณติดไฟแดงตรงไหน?
ลองเช็กระดับ "Agile Maturity" ในทีมคุณจาก 3 มิติเหล่านี้ ว่าคุณอยู่ในโซน "ไฟเขียว" (ดีมาก), "ไฟเหลือง" (ต้องปรับปรุง), หรือ "ไฟแดง" (เสี่ยงต่อความล้มเหลว)
* Feedback Loop
* ✅ ไฟเขียว: ทีมได้รับ feedback อย่างสม่ำเสมอ และนำไปใช้ปรับกลยุทธ์หรือวิธีทำงานอย่างเป็นรูปธรรม
* ⚠️ ไฟเหลือง: มีการเก็บ feedback แต่ไม่ได้ถูกนำมาเปลี่ยนแปลงการทำงาน หรือถูกละเลยเป็นระยะ
* 🚨 ไฟแดง: ไม่มี feedback ที่แท้จริง หรือทีมรู้สึกว่า feedback ที่ให้ไปถูกเพิกเฉย ไม่มีผลต่อการตัดสินใจใดๆ
* Decision Agility
* ✅ ไฟเขียว: ทีมสามารถตัดสินใจในกรอบที่ชัดเจน โดยไม่ต้องรอผู้บริหารทุกเรื่อง มี autonomy ที่แท้จริง
* ⚠️ ไฟเหลือง: ตัดสินใจได้บ้างเฉพาะเรื่องย่อยๆ ที่ไม่กระทบมาก แต่เรื่องใหญ่ยังต้องรออนุมัติ
* 🚨 ไฟแดง: ทุกการตัดสินใจต้องไปรอผู้บริหาร ทำให้เสียเวลา และทีมหมดความเชื่อมั่นในอำนาจของตนเอง
* Alignment
* ✅ ไฟเขียว: ทีมมีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้ว่ากำลังสร้างอะไรให้ใคร และเพื่ออะไร มี Why ที่ตอบได้ทันที
* ⚠️ ไฟเหลือง: เป้าหมายเปลี่ยนบ่อย ไม่มีการยืนยันร่วมกัน หรือยังมีความสับสนในระดับ Product
* 🚨 ไฟแดง: ทีมไม่รู้ว่าเป้าหมายจริงคืออะไร หรือทำไปเพื่อใคร ทุกคนต่างทำในสิ่งที่ตนคิดว่าดี โดยไม่มีภาพรวมร่วมกัน
====
🌟 ถ้าอยากโตไปกับ Agile จริง…ต้องยอมรับ “ความจริงที่เจ็บปวด”
Agile ที่ไร้เป้าหมาย = เร็วแบบไร้ทิศทาง
Agile ที่ไร้ feedback = ทำงานเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนชื่อ ceremony
Agile ที่ไร้การตัดสินใจ = สะท้อนปัญหาได้ แต่ไม่มีใครกล้าแก้
Agile ที่ไร้ leadership = เหลือเพียงระบบที่ดู modern แต่ร้างจากความหมาย
Agile ไม่เคยช้า…ที่ช้าคือ "ความกลัวขององค์กร" ที่ไม่กล้าฟังสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน
====
🚗 ข้อคิดสุดท้าย
Agile ไม่ใช่รถสปอร์ตที่จะพาคุณไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นโดยอัตโนมัติ...แต่มันคือ “Dashboard” ที่จะบอกคุณว่า...
* เครื่องยนต์เริ่มร้อน
* ล้อหน้าซ้ายอ่อนแรง
* หรือคุณอาจกำลังขับสวนเลนอยู่โดยไม่รู้ตัว
การจะ “กล้าเหยียบเบรก” หรือ “เปลี่ยนเลน” เพื่อรักษาทั้งคันไว้...ไม่ใช่หน้าที่ของ “Agile” แต่มันคือบทบาทของ “ผู้นำ” ที่ต้องกล้าฟังเสียงที่ไม่อยากฟัง และตัดสินใจเมื่อถึงเวลา
#วันละเรื่องสองเรื่อง #Agileที่แท้จริง
#AgileTransformation
#ภาวะผู้นำ #กลยุทธ์องค์กร
#SystemsThinking
#LeadershipQuestions #OutcomeOverProcess
#AgileIsNotTheGoal
ธุรกิจ
agile
เทคโนโลยี
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย