เมื่อวาน เวลา 11:27 • คริปโทเคอร์เรนซี

10 ปีแห่ง Ethereum: หมุดหมายสำคัญด้านความปลอดภัยและการยอมรับในวงกว้าง

ร่วมสำรวจเส้นทางตลอด 10 ปีของ Ethereum ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2015 จนกลายเป็นรากฐานของ Web3 ผ่านเหตุการณ์สำคัญ 10 ประการที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในด้านความปลอดภัย การยอมรับจากผู้ใช้งาน และการเข้าสู่ภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมจากวาฬและการถือครองโดยบริษัทต่างๆ
  • บทนำ
เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ Ethereum ในปี 2025 แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่พลิกโฉมการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์และสมาร์ตคอนแทรกต์ ยังคงยืนหยัดในฐานะรากฐานของระบบนิเวศ Web3นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2015 Ethereum ได้พัฒนาจากไวต์เปเปอร์เชิงวิสัยทัศน์ สู่แพลตฟอร์มการประมวลผลระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi), โทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนได้ (NFTs) และสินทรัพย์จริงที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น (Real-World Assets หรือ RWA)
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Ethereum ดำเนินงานได้โดยไม่มีการหยุดชะงัก (perfect uptime) เพิ่มความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับจากสถาบันในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของอินเทอร์เน็ตแบบกระจายศูนย์
บทความนี้จะพาย้อนรอย 10 เหตุการณ์สำคัญตลอดเส้นทางของ Ethereum ที่สะท้อนถึงการพัฒนาด้านความปลอดภัย การยอมรับในวงกว้าง และบทบาทในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ซึ่งนำไปสู่กระแสการลงทุนจากสถาบันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งจากกิจกรรมของวาฬและการถือครองสินทรัพย์ในคลังของบริษัทต่างๆ
1. บล็อกกำเนิด: การเปิดตัวของ Ethereum (30 กรกฎาคม 2015)
จุดเริ่มต้นของ Ethereum เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการขุด บล็อกกำเนิด (Genesis Block) ซึ่งถือเป็นการเปิดใช้งานเครือข่าย “Frontier” อย่างเป็นทางการ แนวคิดของ Ethereum ถูกริเริ่มโดย Vitalik Buterin ในปี 2013 และเปิดให้ผู้ใช้งานร่วมระดมทุนในปี 2014 Ethereum ได้แนะนำแนวคิด สมาร์ตคอนแทรกต์ ซึ่งเปลี่ยนบล็อกเชนจากเพียงแค่ระบบบันทึกข้อมูล มาเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ นวัตกรรมนี้เปิดทางให้นักพัฒนาสร้าง
แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ซึ่งเป็นรากฐานของ DeFi, NFT และ DAO การเปิดตัวในครั้งนั้นได้วางเส้นทางให้ Ethereum กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เปิดกว้างและปลอดภัยของ Web3 สำหรับการเคลื่อนย้ายมูลค่าและข้อมูลบนโลกออนไลน์
2. การแฮก DAO และการฮาร์ดฟอร์ก (2016)
ปี 2016 Ethereum ต้องเผชิญกับบททดสอบสำคัญด้านความปลอดภัย เมื่อ DAO ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุนแบบกระจายศูนย์ถูกแฮก ทำให้ ETH มูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยไป ชุมชน Ethereum จึงตัดสินใจดำเนินการ ฮาร์ดฟอร์ก แยกเครือข่ายออกเป็น Ethereum (ETH) และ Ethereum Classic (ETC)
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของชุมชนในการกำกับดูแลและปรับตัว เพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการออกแบบสมาร์ตคอนแทรกต์ให้ปลอดภัย ซึ่งกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาในระบบนิเวศของ Ethereum อย่างต่อเนื่อง
3. การเปิดตัว DAI สเตเบิลคอยน์ (2017)
การเปิดตัว DAI ซึ่งเป็น สเตเบิลคอยน์แบบกระจายศูนย์ ที่มีการตรึงมูลค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Ethereum ในการรองรับเครื่องมือทางการเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง DAI ถูกควบคุมผ่าน DAO และรักษาระดับราคาผ่านสมาร์ตคอนแทรกต์
ทำให้เป็นทางเลือกที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนแทนสเตเบิลคอยน์แบบรวมศูนย์ โดยไตรมาสที่ 2 ปี 2025 Ethereum มีมูลค่าการถือครองสเตเบิลคอยน์มากกว่า 123 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดทั่วโลก ซึ่งตอกย้ำบทบาทของ Ethereum ในฐานะรากฐานที่มั่นคงของระบบการเงินในโลก Web3
4. การเกิดขึ้นของ CryptoKitties และ NFT (2017)
การเปิดตัวเกม CryptoKitties ในปี 2017 ถือเป็นหมุดหมายทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญของ Ethereum เกมนี้ใช้ NFT เพื่อมอบความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินดิจิทัล เช่น เจ้าแมวเสมือนจริงแต่ละตัว
ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว แม้ว่า CryptoKitties จะสร้างปัญหาความหนาแน่นบนเครือข่าย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของ Ethereum และเปิดทางให้กระแส NFT เติบโตในวงกว้าง เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นในภาคเกมและศิลปะดิจิทัล พร้อมตอกย้ำบทบาทของ Ethereum ในฐานะแพลตฟอร์มสร้างสรรค์ในโลก Web3
5. การเติบโตของ DeFi ในช่วง “DeFi Summer” (2020)
ฤดูร้อนปี 2020 หรือที่เรียกว่า “DeFi Summer” เป็นช่วงเวลาที่ DeFi บน Ethereum เติบโตอย่างรวดเร็ว โปรโตคอลอย่าง Uniswap, Compound และ Aave เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถกู้ยืม แลกเปลี่ยน และสร้างผลตอบแทนโดยไม่ต้องพึ่งตัวกลาง นำมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เครือข่าย โดย ณ ไตรมาส 2 ปี 2025 Ethereum มีสินทรัพย์ที่ถูกล็อกใน DeFi มากกว่า 75 พันล้านดอลลาร์ ครองส่วนแบ่งสำคัญของตลาดทั่วโลก
การเติบโตนี้ตอกย้ำถึงความปลอดภัยและศักยภาพในการขยายตัวของ Ethereum พร้อมยืนยันบทบาทในฐานะแกนกลางของระบบการเงินแบบเปิดและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ Web3
6. The Merge: การเปลี่ยนผ่านสู่ Proof-of-Stake (15 กันยายน 2022)
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Ethereum จากกลไก Proof-of-Work (PoW) มาเป็น Proof-of-Stake (PoS) ภายใต้ชื่อ “The Merge” ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ซึ่งจะถูกเปรียบเทียบว่าเป็นการเปลี่ยนเครื่องยนต์ของเครื่องบินกลางอากาศ
The Merge ช่วยลดการใช้พลังงานของเครือข่ายลงถึง 99.95% จาก 93.95 TWh เหลือเพียง 0.01 TWh ต่อปี การอัปเกรดครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัยของเครือข่ายผ่านการ staking แต่ยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาด้านความสามารถในการขยายระบบในอนาคต ตอกย้ำสถานะของ Ethereum ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 ที่ปลอดภัยและยั่งยืน
7. การอัปเกรด Dencun (2024)
การอัปเกรด Dencun ในปี 2024 ช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมบนเครือข่าย เลเยอร์ 2 ของ Ethereum อย่าง Arbitrum และ Optimism ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เครือข่ายสามารถรองรับธุรกรรมได้มากขึ้น แม้การอัปเกรดนี้จะลดปริมาณการ เผาเหรียญ บนเมนเน็ตลง ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านความเป็นสินทรัพย์ลดจำนวน (deflationary) ของ ETH แต่ก็ช่วยเร่งการใช้งานเลเยอร์ 2 อย่างชัดเจน
ปัจจุบันระบบนิเวศของ Ethereum รองรับธุรกรรมมากกว่า 250 รายการต่อวินาที การอัปเกรดนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการทำให้ Ethereum เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้นสำหรับแอปพลิเคชันบน Web3
8. การเปิดตัว Spot ETH ETF และการยอมรับจาก Wall Street (2024)
การเปิดตัว Spot Ethereum ETF ในปี 2024 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการเข้าสู่ตลาดของนักลงทุนสถาบัน โดยมีเงินลงทุนไหลเข้าสูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ภายในกลางปี 2025 ETFs ช่วยเพิ่มความชัดเจนด้านกฎระเบียบและเปิดทางให้ทุนสถาบันไหลเข้าสู่ระบบนิเวศของ Ethereum สถาบันการเงินรายใหญ่ เช่น BlackRock เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันบน Ethereum และโทเค็นทรัพย์สินจริง เช่น พันธบัตรรัฐบาลและอสังหาริมทรัพย์
เหตุการณ์นี้ย้ำถึงบทบาทของ Ethereum ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบ Web3 ที่มีความสอดคล้องกับข้อบังคับทางกฎหมาย
9. NFT Ethereum Torch และการเฉลิมฉลองของชุมชน (2025)
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี มูลนิธิ Ethereum ได้เปิดตัว NFT ชื่อ Ethereum Torch ซึ่งเป็นโทเค็นเชิงสัญลักษณ์ที่ส่งต่อกันภายในชุมชนเพื่อสะท้อนจิตวิญญาณแห่งการกระจายศูนย์ NFT นี้ถูกเผาทิ้งเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 เพื่อปิดท้ายกิจกรรมอย่างเป็นทางการ
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนพลังของชุมชนระดับโลก และช่วยจุดประกายความสนใจใน NFT อีกครั้ง งานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในกว่า 30 เมืองทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงการยอมรับที่กว้างขวางและอิทธิพลทางวัฒนธรรมของ Ethereum ซึ่งตอกย้ำสถานะของแพลตฟอร์มในฐานะผู้นำ Web3
10. การเข้าถือครองโดยวาฬสถาบันและการใช้ ETH ในคลังขององค์กร (2025)
หมุดหมายล่าสุดของ Ethereum คือการเข้าสู่ตลาดในระดับองค์กรและการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน บริษัทอย่าง SharpLink Gaming และ Bitmine Immersion Technologies ได้สะสม ETH ในปริมาณมาก จนมีจำนวนรวมเกินกว่าทุนสำรองของมูลนิธิ Ethereum แล้ว ดัชนี Herfindahl ซึ่งใช้วัดระดับการกระจุกตัวของตลาด แสดงให้เห็นถึงการควบคุมที่เพิ่มขึ้นโดยผู้ถือรายใหญ่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากภาคสถาบันอย่างชัดเจน
ปรากฏการณ์นี้ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากความชัดเจนด้านกฎระเบียบ เช่น พระราชบัญญัติ GENIUS ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้ Ethereum ในฐานะสินทรัพย์พื้นฐานของการเงินภาคสถาบัน เปรียบได้กับ “น้ำมันดิจิทัล” สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของ Web3
  • อนาคต: Ethereum ในฐานะรากฐานของ Web3
เส้นทางตลอด 10 ปีของ Ethereum สะท้อนการเติบโตจากการทดลองในวงจำกัด สู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลก ด้วยนวัตกรรมสมาร์ตคอนแทรกต์ การดำเนินงานที่ไม่เคยหยุดชะงัก (perfect uptime) และระบบฉันทามติแบบ Proof-of-Stake ที่ประหยัดพลังงาน Ethereum ได้พิสูจน์ถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง
กระแสการยอมรับจากสถาบันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเห็นได้จากการถือครองในคลังของบริษัทและค่าดัชนี Herfindahl ที่สูงขึ้น สะท้อนถึงการเปลี่ยนสถานะของ Ethereum จากสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร มาเป็นเสาหลักเชิงกลยุทธ์ของ Web3 ในขณะที่บริษัทต่างๆ อย่าง SharpLink และ Bitmine เริ่มนำ ETH มาบูรณาการเข้ากับระบบการเงินขององค์กร Ethereum จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นฐานรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์รุ่นถัดไป การโทเค็นสินทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐานด้านความน่าเชื่อถือระดับโลกในอนาคต
  • สรุป
วาระครบรอบ 10 ปีของ Ethereum ในปี 2025 สะท้อนถึงบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมวงการบล็อกเชนและ Web3 อย่างเป็นรูปธรรม นับตั้งแต่บล็อกแรกไปจนถึงการถือครองโดยภาคธุรกิจ Ethereum ยังคงเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย การยอมรับในวงกว้าง และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 24 ล้านรายการ เครือข่ายวาลิเดเตอร์ที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้น Ethereum ไม่ได้เป็นเพียงบล็อกเชน แต่คือรากฐานของอนาคตแบบกระจายศูนย์
เมื่อ Ethereum ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สอง บทบาทในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักของ Web3 ยิ่งชัดเจน พร้อมเปิดทางสู่ยุคใหม่ของการเงินที่ตั้งโปรแกรมได้ และการเชื่อมต่อระดับโลกอย่างแท้จริง
โฆษณา