29 ก.ค. เวลา 11:50 • ปรัชญา

เมื่อความดีไม่ใช่เกราะป้องกัน แต่เป็นพลังที่ค่อยพยุงใจ

ในช่วงที่ผมยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ผมตื่นแต่เช้าเป็นกิจวัตร เพื่อใส่บาตรก่อนจะไปเข้าเรียน บางวันก็แวะช่วยเพื่อนติวหนังสือ ช่วยอธิบายสิ่งที่เพื่อนยังไม่เข้าใจ ผมเชื่อว่าเราทำดีแล้วสิ่งดี ๆ คงจะเกิดขึ้นกับเรา
แต่แล้ววันหนึ่ง ผมล้มป่วยกะทันหัน ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายเดือน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวคือ “ทำไม?” ทำไมทั้งที่เราทำความดีมาตลอด แต่กลับต้องมาเจ็บป่วยขนาดนี้
สิ่งที่เราเคยทำ...มันช่วยอะไรได้ไหม? หรือแท้จริงแล้วมันไม่มีความหมายเลย?
ช่วงนั้นความคิดด้านลบเริ่มไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนบางครั้งผมก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมใจผมถึงอ่อนแอขนาดนี้ ทั้งที่ผมเคยเป็นคนเข้มแข็ง เคยมีศรัทธาในสิ่งที่ทำ
แต่เมื่อผมได้มีเวลานั่งอยู่กับตัวเองนานพอ ผมก็เริ่มเข้าใจว่า
ความดีที่เราทำ ไม่ได้ปกป้องเราจากความทุกข์หรือความเจ็บป่วย แต่มันเป็นเหมือนเสบียงทางใจ เป็นความสุขขนาดที่ได้ทำที่ช่วยพยุงเรายามที่ชีวิตล้มลง เพราะอย่างน้อย…ตอนที่เราทำดี ใจเราก็เคยมีความสุข และความสุขนั้น มันไม่ได้หายไปไหน
มันยังอยู่ในความทรงจำของเรา และมันจะคอยเตือนเราว่า
“ครั้งหนึ่งเราเคยมีหัวใจที่งดงามแค่ไหน”
เมื่อเข้าใจแบบนี้ ผมก็ไม่โกรธโชคชะตาอีก
ผมเริ่มให้อภัยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
และเริ่มมองเห็นว่า...แม้ร่างกายจะอ่อนแอ ต้องพักรักษาตัว
แต่หัวใจเรายังมีพลังที่จะเลือกทางเดินของตัวเองได้
ความดีอาจไม่เปลี่ยนโลกในทันที
แต่เปลี่ยนใจเราให้เข้มแข็งพอที่จะยืนขึ้นใหม่อีกครั้ง
วันนี้อาจจะยังไม่เห็นในสิ่งที่ทำแต่มันเริ่มก่อตัวให้เห็นในสิ่งที่ได้ทำชัดเจนขึ้น😇
โฆษณา