29 ก.ค. เวลา 13:05 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค 5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 64 เค้าท์แห่งมองเตคริสโต(The Count of Monte Cristo) 9
.
ตอน 11 คำสารภาพของคาเดอร์รูเซ
.
พวกลูกเรือต่างยินดีที่เรืออีกลำมารับพรมตุรกีหนีภาษีและรับค่าจ้างคนละ 100 ฟรังเหมือนทุกครั้ง เอ็ดมันด์รับเงินเหมือนคนอื่นๆ แต่ยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง
เพราะว่าห่อเพชรพลอยที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าของเขา มีค่ามากกว่าเงินของลูกเรือทุกคนรวมกันถึง 10 เท่า
.
เมื่อเรือมาถึงเมืองเล็กฮอร์นอีกครั้ง เอ็ดมันด์ก็ได้แจ้งก้บกัปตันว่าเขาจะไม่เดินเรือต่อ ที่ผ่านมาเขาเดินเรือค้าของเถื่อนก็เพื่อความสนุกเท่านั้น
ตอนนี้เขาสนุกพอแล้วจึงต้องการไปทำอย่างอื่นบ้าง กัปตันจึงเสนอค่าแรงให้ 2 เท่าแต่เอ็ดมันด์ก็ปฏิเสธพร้อมทั้งขอบคุณเขาอย่างนุ่มนวล
เอ็ดมันด์เห็นจาโคโปหน้าสลดจึงเดินเข้าไปหา "เพื่อนผู้มีพระคุณของผม ผมต้องการคนอย่างคุณ คนที่ไว้ใจได้ ซื่อสัตย์ และ รักษาความลับ คุณอยากจะไปกับผมไหม"
.
จาโคโปฉีกยิ้มกว้าง "ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ เพียงแต่มีข้อสงสัยคุณไม่ใช่นักเดินเรือจริงๆใช่ไหม"
.
เอ็ดมันด์ "จริงๆใช่มากกว่าสิ่งใดทั้งหมด เอาละคุณไปเก็บข้าวของ แล้วไปพบผมที่จตุรัสเมือง"
.
เอ็ดมันด์เดินไปตามถนน มุ่งตรงไปที่ร้านเพชรพลอยแห่งหนึ่งแล้วเสนอขายเพชร
4 เม็ดนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านเพชรจะเคยชินกับการวางสีหน้าเมินเฉยเพียงใด
.
แต่ทันทีที่พบเพชรทั้ง 4 เม็ด เขาถึงเก็บอาการไม่อยู่ เขาตาลุกโพลงกับความงามของน้ำเพขร จนไม่สนใจว่านักเดินเรือจนๆไปเอาเพชรน้ำงามขนาดนี้มาได้อย่างไร
.
เอ็ดมันด์ขายเพชร 4 เม็ดได้เงินมา4หมื่นฟรัง เจ้าของร้านยังเสนอให้นำมาขายเขาอีกโดยไม่จำกัดจำนวนและให้ราคาเป็นที่พอใจ มีข้อแม้ข้อเดียวคือห้ามขายให้ร้านอื่น
.
เอ็ดมันด์พบกับจาโคโปที่จตุรัสเมืองอีกครั้ง แล้วก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจที่เอ็ดมันด์สั่งให้มอบเสื้อผ้าที่มีอยู่ให้ขอทานคนแรกที่พบ
 
"มอบให้ทั้งหมด แล้วผมจะสวมอะไรเล่าครับ"
.
เอ็ดมันด์หัวเราะพาจาโคโปไปที่ร้านตัดเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของเมืองนั้น เขาสั่งให้ปิดร้านเพื่อบริการเขากับจาโคโปเท่านั้น ตอนแรกเจ้าของร้านทำท่าปฏิเสธ เอ็ดมันด์
จึงนำเงินพันฟรังวางบนโต๊ะ เจ้าของร้านก็ตาลุกวาวสั่งปิดร้านทันที
.
ภายในชั่วโมงนั้นเองเอ็ดมันด์และจาโคโปก็ถูกวัดตัวพร้อมกับที่เจ้าของร้านได้เสนอเสื้อผ้าแบบใหม่ล่าสุดต่างๆ ผ้าที่มีเนื้อดีเยี่ยมสมกับบุคคลิกของสุภาพบุรุษ และคนรับใช้ส่วนตัว
.
เอ็ดมันด์สั่งให้ทางร้านนำเสื้อผ้าเหล่านั้นไปส่งให้ที่โรงแรมโรยัล ซึ่งเป็นโรงแรมที่ดีเยี่ยมที่สุดใหญ่โตและหรูหราที่สุดของเล็กฮอร์นในเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าของร้านท้วงว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้เสร็จทันภายในคืนเดียว
.
เอ็ดมันด์จึงวางเงินเพิ่มเข้าไปอีกดังนั้นเจ้าของร้านจึงรับคำ "คืนนี้ช่างของผมจะไม่มีใครนอนแม้แต่คนเดียว จนกว่าชุดเหล่านั้นจะเสร็จเรียบร้อยครับ ท่าน"
.
การหาที่พักที่โรงแรมรอยัลก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย(เฮ้อ!มีเงินก็ดีตรงนี้แหละ ใช้ผีโม่แป้งยังได้เลย)
เขาได้พักห้องVIPของโรงแรม ส่วนพ่อจาโคโปของเราก็ทำให้เอ็ดมันด์หัวเราะที่ไม่กล้าเดินบนพรมที่อ่อนนุ่มและสวยงามที่ปูไปตามทางเดิน
.
เอ็ดมันด์ยังจำคำสอนของหลวงพ่อเกี่ยวกับพวกผู้ดีได้ เขาจึงสั่งอาหารชั้นเลิศมาที่ห้องของเขา เหล้าไวน์อย่างดี ผลไม้และเนยแข็งอย่างดี แน่นอนว่าราคาก็อย่างดีด้วย แต่สำหรับเอ็ดมันด์จิ๊บจ๊อยมาก
.
เมื่อเสื้อผ้าถูกส่งมาในตอนเช้า เอ็ดมันด์ก็สั่งให้จาโคโปเดินทางไปมาร์แซย์โดยเร็วที่สุดเพื่อสืบข่าวของคน 3 คนคือ พ่อผู้ชราของเขา เมอร์ซีเดสคนรักของเขา และ คาร์เดอรูเซ เพื่อนบ้านของเขา
.
จาโคโปออกเดินทางพร้อมด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ภูมิฐานสมเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมหาเศรษฐี ข้อสำคัญก็คือเงินที่อัดแน่นเต็มกระเป๋า
 
จาโคโปไม่ถามเอ็ดมันด์เลยว่า "คุณไปเอาเงินมากมายพวกนี้มาจากไหน" ไม่ถามด้วยซ้ำว่า "คุณต้องการรู้เรื่องคนทั้ง 3 นี้ ทำไม"
.
อาชีพขนสินค้าเถื่อนที่จาโคโปทำมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ละอ่อนสอนให้เขารู้ว่า "อย่ารู้อะไรที่ไม่เกี่ยวกับอาชีพเรามากไป ยิ่งเบื้องหลังส่วนตัวของคนอื่น รู้น้อยที่สุด ดีที่สุด เพราะไม่ได้ประโยชน์จากสิ่งที่รับรู้เลย"
.
จาโคโปถือว่าเอ็ดมันด์คือ "เพื่อน" จึงไม่ต้องการรู้อะไรมากไปกว่าที่เพื่อนจะบอก จาโคโปจะไม่ถามว่า "ทำไม(What) เมื่อไร(When) ที่ไหน(Where)และ เพราะอะไร(Why)
.
อยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เขารู้เพียงว่าสิ่งที่เอ็ดมันด์มอบหมายให้ไปทำน่าสนใจและน่าตื่นเต้น จาโคโปใฝ่ฝันที่จะเป็นนักสืบมานานแล้ว โอ้...ฝันที่เป็นจริง
.
ส่วนเอ็ดมันด์นั้นเขากลับไปที่เจนัว ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นอู่ต่อเรือที่ดีเยี่ยมมีชื่อเสียง ขณะที่รถม้าวิ่งผ่านอู่ต่อเรือนั้น เอ็ดมันด์ก็เห็นเรือยอชลำหนึ่งซึ่งเขาพึงใจเป็นอย่างมาก
.
ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความยินดี ในขนาดกระทัดรัดของเรือ ซึ่งเขาสามารถแล่นเรือเพียงลำพังอย่างสบาย เอ็ดมันด์จึงสั่งหยุดรถทันที
.
เจ้าของเป็นชาวอังกฤษกำลังยืนมองเรืออย่างเศร้าใจ หลายเดือนก่อนเขาสั่งให้สร้างเรือลำนี้ตามแบบที่เฉพาะเจาะจง แต่หลังจากนั้นเขาหมดตัวจากการเล่นหุ้น เงินจ่ายเป็นค่าจ้างสร้างเรือก็ยังไม่มี จำต้องขายเรือที่รักด้วยความจำเป็น
.
เป็นโชคดีที่เขาพบเอ็ดมันด์มหาเศรษฐีตัวจริงเสียงจริงแถมใจกว้าง เอ็ดมันด์เองก็เป็นชาวเรือย่อมเข้าใจถึงความรู้สึกของเขา จึงเสนอเงินค่าจ้างสร้างเรือให้เขา แถมเพิ่มให้ต่างหากอีก 2 หมื่นฟรัง มีหรือที่ชายผู้โชคดีคนนั้นจะไม่รีบตอบตกลง
.
เฮ้อ! ทำไมหนูนิไม่โชคดีอย่างนี้บ้าง ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว หนูนิประสบปัญหาเรื่องธุรกิจจึงเสนอขายสมบัติส่วนตัวในราคาเพียงครึ่งเดียวของที่ซื้อมาให้คนที่คิดว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
.
คำตอบที่ได้รับจากเขาก็คือ "เดือดร้อนจริงๆหรือ น่าเห็นใจ ๆ แต่ถ้าเดือดร้อนจริงก็ต้องไม่ใช่ราคานี้ซิครับ มันต้องลดต่ำกว่านี้ซิ ถ้าอยากขายให้ได้"
.
จากนั้นเอ็ดมันด์ก็นำเรือมาดัดแปลงให้มีห้องเก็บของในห้องนอนบนเรือ ซึ่งถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเป็นเพียงผนังเท่านั้น แล้วเขาก็เดินทางไปยังเกาะมองเตคริสโต
.
แต่เทียบท่าที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง และเฝ้ารอถึง1วันเต็มๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดหรือเรือลำใดติดตามเขา แล้วเขาจึงแล่นเรือไปยังเกาะมองเต คริสโตทันที
.
โดยเทียบเรือที่อ่าวลับแห่งหนึ่ง แล้วใช้เวลาถึง 2 วันเต็ม ๆขนย้ายสมบัติของบาทหลวงสปาดาซ่อนในห้องเก็บของที่ทำขึ้น แล้วจึงรีบกลับไปพบจาโคโปที่เมืองเล็กฮอร์น
.
ข่าวที่จาโคโปได้มานั้นเป็นข่าวร้ายเพราะพ่อของเอ็ดมัด์ตายเสียแล้ว เมอร์ซีเดสหายไปจากมาร์แซย์ไม่มีใครรู้ข่าวคราวของเธอ
ส่วนคาร์เดอรูเซยังอยู่เป็นเจ้าของร้านอาหารที่ใกล้เจ๊ง เอ็ดมันด์จึงรีบแล่นเรือไปมาร์แซย์ตามที่อยู่ของคาร์เดอรูเซที่ได้รับ
.
คาเดอร์รูเซได้ให้การต้อนรับพระองค์หนึ่งซึ่งเดินจูงม้าฮังกาเรียนอันสง่างาม "เชิญเข้ามาเลยครับท่าน เข้ามาเลยครับ ด้วยความยินดีนับพันครั้งเลยทีเดียว"
.
พระองค์นั้นพูดสำเนียงอิตาลี เสื้อคลุมอย่างชุดพระดำสนิทตัดกับใบหน้าอันงามสง่า เขาสั่งเหล้าไวน์ที่ดีที่สุดของร้าน และแจ้งว่าได้รับการขอร้องก่อนตายของนักโทษชื่อเอ็ดมันด์ ดังเตส์ ให้นำแหวนวงหนึ่งมาขายเพื่อแบ่งให้คนสนิทของเขา 5 คน คือ
.
1.บิดาของเขา 2.กาสปาร์ด คาร์เดอรูเซ 3.ดังแกลร์ส 4.วิลล์ฟอร์ด และ 5.นายทหารชื่อเฟอร์นันด์
.
เมื่อคาร์เดอรูเซเห็นแหวนเพชรประดับทองเขาก็เปี่ยมด้วยความพึงพอใจ เขารินเหล้าให้พระองค์นั้นและถือโอกาสรินให้ตัวเองด้วยพร้อมกับเล่าเรื่องว่า
.
พ่อของเอ็ดมันด์ตายด้วยความอดอยาก คุณมอร์เรลเจ้านายเก่าของเอ็ดมันด์ไปพบช้าไปแต่ก็ช่วยจัดการศพให้
ส่วนอีก3คนที่เหลือคือ 1.วิลล์ฟอร์ดเป็นผู้สั่งขังเอ็ดมันด์ โดยไม่ยอมให้คุณมอร์เรลและเมอร์ซีเดสเข้าพบเพื่อช่วยเหลือ
.
ส่วน 2.ดังแกลร์ส กับ 3.เฟอร์นันด์ก็ทำจดหมายปลอมเพื่อปรักปรำเอ็ดมันด์ โดยระหว่างที่เล่าไปคาร์เดอรูเซก็รินเหล้าของลูกค้ากินไปด้วย
.
เขาร้องไห้เสียใจทั้งยอมรับว่า แม้จะอยู่ในเหตุการณ์ที่ 2 คนนั้นทำหนังสือเพื่อปรักปรำเอ็ดมันด์ แต่เขาเมามากเมาจนทำอะไรไม่ได้ เมื่อสร่างเมาและรู้เรื่องที่
เกิดขึ้นทุกสิ่งก็สายเกินไป
.
พระองค์นั้น "ด้วยสิทธิ์ที่ฉันเป็นตัวแทนของเอ็ดมันด์ ฉันจึงขอมอบทรัพย์ที่มีอยู่
ของเขาให้ท่านเพียงผู้เดียว"
.
คาร์เดอรูเซแทบเป็นลมด้วยความปลื้มปิติ "โอ...ฉันได้ทำอะไรหรือ จึงสมควรได้รับโชคเช่นนี้
ของสิ่งนี้จะช่วยให้ฉันพ้นจากความโชคร้ายที่เกาะกุมฉันมาแสนนาน ฉันขอสวดมนต์ให้ท่านเอ็ดมันด์ ดังเตส์ ไม่ว่าท่านจะอยู่หนใดก็ตาม"
.
จบตอน 11 คำสารภาพของคาเดอร์รูเซ ภาพปกมาริโอ้ เดอะCAT ขอส่งกำลังใจให้พี่ๆทหารไทยครับ
.
หมายเหตุ! พระวิรเชษฐ์ เข็มรัตน์ เทวดาน้อยจีวอน>>>ทำไมกัมพูชาถึงต้องส่งหน่วยรบพิเศษ4กองร้อย ซึ่งเป็นองครักษ์ฮุนเซ็นเข้ายึดปราสาทตามเหมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องอานม้า ให้ได้ก่อนเวลาเที่ยงคืน
.
เพราะใครคุมพื้นที่นั้นก่อนถึงเวลาเส้นตาย(Deadline) พื้นที่นั้นจะตกเป็นของฝ่ายยึดครองโดยทันที ไม่มีข้อแม้ใดๆ และ จะไม่มีการคืนให้หลังจากหยุดยิง
.
หนูนิ>>>แผ่นดินของเราที่ถูกยึดครองอย่างหน้าด้านๆสิบกว่าปี ได้กลับคืนมาด้วยวีรบุรุษทหารทุกเหล่าทัพ และ ตำรวจชายแดน ชาติไทยคู่ฟ้า เลือดทาแผ่นดิน
โฆษณา