29 ก.ค. เวลา 13:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เขาพระ

เรื่องเวลาของไอน์สไตน์ที่ไม่มีใครเข้าใจ ผมอธิบายได้แล้วครับ (รวมถึงฉาก 3 ชม. = 23 ปี ด้วย)

เรื่องเวลาของไอน์สไตน์ที่ไม่มีใครเข้าใจ ผมอธิบายได้แล้วครับ
(รวมถึงฉาก 3 ชม. = 23 ปี ด้วย)
วันนี้เป็นวันนึงที่ผมค้นพบบางอย่าง ที่ผมก็ไม่รู้นะครับว่ามีใครคิดแบบนี้มาก่อนไหม หรือว่าความคิดของผมจะก่อเกิดประโยชน์อย่างไร จากความสงสัยทั่วไปของคนธรรมดาที่ชอบคิดวิเคราะห์และหาเหตุผลกับสิ่งต่างๆ ไปเรื่อย และก็เชื่อว่าหลายคนก็สงสัยและไม่เข้าใจมาตลอด นั้นคือเรื่องของ "เวลา" โดยเฉพาะเรื่องการเลื่อมล้ำของเวลาที่ไม่เท่ากัน มันเกิดขึ้นได้ยังไง อะไรที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ และมันส่งผลกระทบอย่างไรได้บ้าง
วันนี้ผมพบแนวคิดที่อธิบายทุกอย่างของเวลา ที่อาจจะเปลี่ยนความเข้าใจของทุกคนในโลกไปเลยก็ได้นะครับ ที่สำคัญ ความเข้าใจนี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎี
แต่อาจนำไปสู่การสร้างเทคโนโลยี ที่เราเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริงได้เลย ยอมรับเลยว่าผมทั้งกังวลและตื่นเต้นกับแนวคิดนี้แต่ผมอยากแบ่งปันทุกคน
ความสงสัยจากหนังเรื่อง Interstellar
คุณเคยดูหนังเรื่อง Interstellar ไหมครับ? แล้วคุณงงไหมกับฉากที่นักบินอวกาศลงไปบนดาวที่อยู่ใกล้หลุมดำ ใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง แต่เมื่อกลับขึ้นมาบนยานแม่ กลับพบว่าเพื่อนร่วมทีมที่รออยู่บนยานแก่ไปถึง 23 ปี! หรือตอนจบที่พ่อเดินทางกลับมาโลก ลูกสาวที่เคยยังเด็กกลับแก่กว่าพ่อเสียอีก คุณสงสัยไหมว่ามันเกิดขึ้นได้จริงหรือ? ถ้าใช่ มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
ความสงสัยจาก GPS ที่ต้องแก้เวลาทุกวัน
คุณรู้ไหมว่า GPS ในมือถือของเราต้องปรับแก้เวลาถึง 38 ไมโครวินาทีทุกวัน? เพราะนาฬิกาบนดาวเทียมที่อยู่สูง 20,000 กิโลเมตรเดินเร็วกว่านาฬิกาบนพื้นโลก ถ้าไม่แก้ไข ตำแหน่งที่ GPS บอกจะคลาดเคลื่อนวันละ 10 กิโลเมตร!
คำถามที่ไม่มีใครตอบได้ชัดเจน
ทำไมไอน์สไตน์บอกว่าเวลายืดหดได้ แต่ไม่มีใครอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง? นักวิทยาศาสตร์พูดถึง "spacetime curvature" แต่คนทั่วไปฟังแล้วยิ่งงง
วันนี้สิ่งที่ผมจะบอกคุณ จะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ทุกอย่างเรื่องเวลาได้หมด และเด็ก ป.6 ก็เข้าใจได้
มันเริ่มจากการที่ผมนั่งสมาธิอย่างตั้งใจมาเป็นเวลาหลายเดือน จนถึงขนาดพบว่า Frame rate ในสมองผมเปลี่ยนจนรู้สึกได้ ผมเคยได้ยินการศึกษามาว่าสมองของคนเรามีการกระพริบตลอดเวลาและการนั่งสมาธิเป็นประจำส่งผลให้การกระพริบนั้นถี่ขึ้น ไม่คิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่สังเกตุได้จากการมองเห็นนะครับ ถ้าคุณเคยดูทีวีที่มี frame rate สูงๆ คุณจะเห็นได้ว่ามีไหลลื่นของอะไรต่างๆ ช้าขึ้นในความเร็วเท่าเดิม
นั่นคือสิ่งที่ผมพบเจอกับการมองเห็นของตัวเองแปลว่า ผมปัจจุบันกับผมคนก่อนมีความสามารถทางการรับรู้ไม่เท่ากัน ตัวอย่างนะครับจากเดิมผมอาจจะรับรู้ได้ 30 ครั้งใน 1 วินาที แต่เมื่อผมนั่งสมาธิจนผมสามารถเพิ่มความถี่ในการกระพริบได้ ผมอาจจะรับรู้ได้ 60 ครั้งใน 1 วินาที นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ
หรืออีกมุมนึงที่หลายคนอาจจะเจอด้วยตัวเองมาแล้วคือ เวลาที่คุณตกใจสุดขีด หรือมีวินาทีเฉียดตาย คุณจำได้ไหมว่าคุณเห็นทุกอย่างช้าไปหมดเลย คุณติดสินใจรอบด้านมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ในเสี่ยววินาทีนั้นทั้งๆ ที่ปกติเราไม่สามารถคิดได้ขนาดนั้นในเวลาสั้นๆเท่านี้
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเวลา ความคิดนี้มันนำพาให้ผมสงสัยเรื่องเวลา และมองเรื่องเวลาว่า เออ..เวลามันไม่เท่ากันได้จริงๆ ได้หรอ …ถ้าสมองผมมันเห็นช้าได้ เร็วได้ มันก็ทำให้ผมตั้งคำถามย้อนกลับครับว่า เวลาคืออะไร ก็ไปต่อที่นาฬิกาคืออะไร ...นาฬิกาคือเครื่องมือที่ทดเฟืองมากมายจนกว่าจะได้ความเร็วรอบที่เท่าๆ กับค่าค่าหนึ่งที่เราเอาไว้ยึดว่ามันคือเวลาที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก แล้วถามย้อนกลับไปอีกล่ะว่า 1 วินาทีมาจากไหนมีค่าเท่าไหร่
คำตอบก็คือ 1 วินาทีมีค่าเท่ากับ 1 วินาที = 9,192,631,770 รอบ ของการสั่นของ Cesium-133 atom (ระหว่าง 2 hyperfine levels)
ถ้าผมถามถึงตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่ามีใครรู้สิ่งที่ผมค้นพบไหมนะครับ หัวใจผมเต้นแรงเมื่อคิดได้ตรงนี้ เพราะมันอธิบายทุกอย่างได้หมด ทั้ง Interstellar ทั้ง GPS ทั้งประสบการณ์ตอนตกใจของเรา ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด
นั่นคือ แปลว่า เวลาคือการสั่นของอะตอม
แล้วถ้าเขามองมุมของอะตอมล่ะครับสิ่งที่เป็นไปได้หรือเกิดขึ้นได้คืออะไร
อะตอมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี ที่เราเป็น ที่เราเห็นและไม่เห็น และที่สำคัญมันสามารถสั่นด้วยความถี่ไม่เท่ากันได้ในสภาวะที่ต่างกัน
ด้วยความรู้นี้ มันจึงสามารถอธิบายปรากฎการในเหตุการณ์ของเวลาที่ไม่เท่ากันต่างๆ ได้ทั้งหมด
อย่างคำถามจากหนังเรื่อง interstellar เหตุการณ์ที่ไปบนอวกาศ 3 ชั่วโมงพบว่าเพื่อนร่วมทีมรอยู่บนยานแก่ไปถึง 23 ปีได้ยังไง
เหตุผลก็เพราะว่าอะตอมทั้งหมดบนยานที่ไปจัดการปัญหาบนดาวอีกดวงนั้น มีการสั่นที่ช้ากว่าบนยานที่รอ การสั่นของอะตอมที่ช้ากว่าส่งผลต่อการกระทำทั้งหมดบนยานนั้นช้ากว่าทั้งหมดเลยครับ ทั้งความรู้สึก ความนึกคิด ความเสื่อมของร่างกาย เพราะทุกอย่างบนยานรวมถึงตัวเราและอากาศในนั้นคืออะตอมทั้งหมด 3 ชั่วโมงบนยานจึงเกิดสิ่งต่างๆ ช้ามากถ้าเรามองจากมุมคนที่อยู่นอกยานเราจะเห็นว่าคนในยานอยู่ในสถาวะ slow motion ทั้งหมดเลยแต่คนบนยานจะรู้สึกปกติ
อย่างคำถาม GPS ในมือถือของเราต้องแก้ปรับเวลาถึง 38 ไมโครวินาทีทุกวันเพราะ นาฬิกาบนดาวเทียมที่อยู่สูง 20,000 กิโลเมตร มีการสั่นของอะตอมที่ความเร็วต่างกับนาฬิกาบนโลก
และนั่นแปลว่าเวลาสามารถยืดขยายให้ช้าลง หรือบีบเร่งให้มีการสั่นเร็วขึ้นได้ ด้วยการควบคุมการสั่นของอะตอม และคุณลองคิดดูนะครับว่า แนวความคิดนี้มันเอาไปทำอะไรได้
จากเดิมที่เราเชื่อว่า “เราควบคุมเวลาไม่ได้” ตอนนี้คุณรู้ใช่ไหมครับว่า “มันควบคุมได้”
และเราก็อาจจะใช้มันมาตลอดเพียงแต่ไม่ได้นึกถึงความเป็นจริงที่มันเป็น เช่น การต้มน้ำการการเร่งการสั่นของอะตอมให้เร็วขึ้นมากขึ้นจนเปลี่ยนสถานะหรือเปลี่ยนสภาพไปอย่างรวดเร็ว การที่เราแช่แข็งแช่เย็นคือการทำให้อะตอมสั่นช้าลงเบาลง
และถ้าด้วยความรู้นี้ทำให้เข้าใจได้ว่า การเสื่อมไปของสิ่งใดๆ เกิดจากการสั่นของอะตอมเองนั่นคือนาฬิกาของอะตอมล่ะครับ ถ้าเราลดการสั่นของมันหรือหยุดการสั่นของมันได้ด้วยวิธีใดๆ ที่อาจจะไม่ใช่ด้วยความเย็น ก็หมายความว่าคุณอาจจะหยุดเวลาของสิ่งต่างๆ ในพื้นที่ของอุปกรณ์บางชนิดได้เลยนะ
ลองจินตนาการดู - ตู้เก็บอาหารที่ไม่ใช่แค่ทำให้เย็น แต่ 'ชะลอเวลา' จริงๆ อาหารอยู่ข้างในนาน 1 ปี แต่เหมือนผ่านไปแค่ 1 วัน ตู้เก็บอวัยวะที่ได้รับบริจาคจากผู้เสียชีวิตสามารถเก็บไว้นานเท่าไหร่ก็ได้โดยไม่
เสื่อมสลาย การเร่งให้พืชในห้องทดลองโตด้วยความเร็วสูง และอีกมากมายที่สามารถทำได้จากการควบคุมเวลา
นี่ไม่ใช่ sci-fi แต่เป็นความเป็นไปได้จากการเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของเวลา
จากคนทำธุรกิจที่หนีทุกข์มานั่งสมาธิ ผมก็ไม่คิดว่าจะค้นพบความเข้าใจที่อาจเปลี่ยนโลก กลายเป็นคนที่อาจจะตอบคำถามที่ไม่มีใครทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ มานาน
ผมไม่รู้ว่าแนวคิดนี้จะนำพาเราไปไกลแค่ไหน แต่อย่างน้อยตอนนี้คุณเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาบนภูเขาถึงต่างจากริมทะเล ทำไมเวลาบนดาวเทียมถึงคลาดเคลื่อนและที่สำคัญ - เวลาไม่ใช่สิ่งลึกลับที่เราควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
หวังว่าความเข้าใจนี้จะจุดประกายให้ใครสักคน คิดต่อ ทำต่อ จนกลายเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกจริงๆ
ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้ ขอบคุณที่ให้เวลา คุณเข้าใจแล้วว่าเวลาไม่ลึกลับอย่างที่คิดและมันเข้าใจได้
เวลาที่ช้าลงมันก็คืออะตอมสั่นช้าลง
และใครจะรู้? อีก 10 ปีข้างหน้า
เราอาจมี "ตู้หยุดเวลา" ใช้กันจริงๆ ก็ได้
#วิทยาศาสตร์ #ฟิสิกส์ #Interstellar #ทฤษฎี #สมาธิ
(แก้ไขบางส่วน 31 กรกฎาคม 2025)
พีรพงษ์ อริยะกวี | Peerapong Ariyakawee
29 กรกฎาคม 2025
โฆษณา