Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
nothing but movie
•
ติดตาม
30 ก.ค. เวลา 01:48 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Prosecutor
เข้าใจว่าชื่อไทยน่าจะเป็นอัยการคนเหล็ก แต่ลองตั้งเองว่าอัยการหมัดดิบ
รู้สึกตื่นเต้นเสมอเวลาเห็นหนังของดารากังฟูรุ่นใหญ่ๆออกมาสักเรื่องนึง เพราะอยากจะรู้ว่าพอพวกเขาอายุมากขึ้นแล้ว จะพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหน เพราะหลายครั้งเราเห็นนักแสดงบู๊ที่เคยโลดแล่นเป็นพระเอกอย่างสง่างาม พอถึงจุดหนึ่งก็กลับกลายเป็นตัวประกอบบ้าง ถูกลดบทบาทบ้าง หรือหายเงียบไปเลยก็มี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงรักษาตำแหน่งได้ยืนยาว อย่างเฉินหลง เจ็ต ลี หรือดอนนี่ เยน
แน่นอนว่าเจ็ต ลี อาจต้องอยู่ในข้อยกเว้นด้วยปัญหาสุขภาพ แต่หากพูดถึงดอนนี่ เยน และเฉินหลงสองคนนี้ยังคงอยู่ในสมรภูมิจอเงินอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะดอนนี่ เยน ที่ดูจะยิ่งแก่ ยิ่งเก๋า ยิ่งเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ
The Prosecutor ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือบทพิสูจน์ถึงการกลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งของดอนนี่ เยน ไม่ใช่แค่ในฐานะนักแสดงนำ แต่ยังในฐานะผู้กำกับที่จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองอยากเล่า เขาสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่เคยเดินผ่านมาก่อน ถ้าในอดีตเขาเคยเป็นพ่อ เป็นครู เป็นตำรวจ หรือเป็นปรมาจารย์กังฟู เขาต่อสู้กับคนชั่วด้วยหมัดและเท้าเพื่อความถูกต้องมาแล้ว แต่ในเรื่องนี้เขาต้องต่อสู้ด้วยหลักฐานและฝีปากเมื่อต้องรับบทเป็นอัยการ ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ดอนนี เยนเล่นเป็นตำรวจที่รู้สึกว่าต่อให้จับผู้ร้ายมาได้อย่างไรก็เปล่าประโยชน์เพราะหลายๆครั้งก็ต้องไปปล่อยตัวในชั้นศาล เนื่องจากหลักฐานและการแก้ต่างของทนายจำเลยมีชั้นเชิงมากกว่า เขาก็เลยละทิ้งหน้าที่ตำรวจกลับไปเรียนทางด้านกฎหมายจนกลายมาเป็นอัยการ หวังว่าจะจัดการลงโทษคนชั่วได้อย่างสาสม
คดีแรกที่อัยการใหม่ต้องรับผิดชอบคือเด็กหนุ่มวัยรุ่นถูกจับคดีค้ายาเสพติดเนื่องจากอนุญาตให้ใช้เลขที่บ้านตัวเองรับพัสดุจากต่างประเทศจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนเพื่อแลกกับเงินแต่หารู้ไม่ว่าข้างในมันคือโคเคน อัยการไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มเป็นผู้ค้ายาแต่ลึกๆแล้วมันต้องมีเบื้องหลังมากกว่านี้จนเข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติ
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ตัวหนังไม่พยายามให้ดอนนี่ เยนเป็นพระเอกฝ่ายเดียวแบบมิติเดียว แต่กลับวางเรื่องให้มีความคลุมเครือ มีคำถามต่อ “ความยุติธรรม” ที่แฝงความเปราะบางของระบบเอาไว้ บางครั้งหลักฐานก็ไม่ได้ตรงกับความจริง บางครั้งกฎหมายก็ไม่ได้นำไปสู่ความยุติธรรมเสมอไป
แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและดราม่าที่อัดแน่นด้วยอารมณ์ แต่มันก็ไม่เคยหลุดจังหวะ ไม่ปล่อยให้คนดูรู้สึกว่าเรื่องลากเกินไป ทุกอย่างถูกจัดวางมาอย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชั่นที่หนักแน่น เนื้อเรื่องที่บีบคั้นด้วยอารมณ์ หรือฉากนิ่งๆ ที่เปิดพื้นที่ให้คนดูได้ซึมซับตัวละคร
สำหรับแฟนหนังกังฟูฮ่องกง โดยเฉพาะหนังดอนนี เยนอาจจะรู้สึกว่าเรื่องนี้แกบู๊น้อยเกินไป โดยเฉพาะหลายๆครั้งที่ฉากต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดแต่ก็จะมีบทสรุป แบบตัดมาอีกทีพระเอกก็ชนะแล้ว แต่ทว่าผมกลับรู้สึกพอดีที่ไม่ลากยาวเกินไปแล้วมาอัดในฉากไคลแมกซ์กับการต่อสู้ในรถไฟใต้ดิน
ที่สำคัญ ฉากแอ็กชั่นของเรื่องนี้คือความลงตัวระหว่าง “การวางกล้อง” “การตัดต่อ” และ “จังหวะเวลา” ทั้งหมดประสานกันอย่างสวยงาม ไม่มีจังหวะหลุด ไม่มีภาพมั่ว ไม่มีเสียงเอฟเฟกต์เกินความจำเป็น ทุกอย่างถูกควบคุมอย่างเฉียบคม และมีศิลปะ
อีกจุดที่น่าสังเกตคือ “โทนของตัวละครฝั่งผู้ร้าย” ที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากหนังการ์ตูนเล็กๆ มีความโอเวอร์ มีลูกเล่นแบบผู้ร้ายตามสูตร แต่กลับไม่ทำให้หนังเสียสมดุล เพราะฝั่งตำรวจและอัยการยังคงยืนอยู่บนโลกแห่งความจริง ทำให้ความตลกหลุดโลกเหล่านั้นกลับกลายเป็นเครื่องมือในการวิพากษ์โลกจริงแทน
ที่จริงก็ไม่อยากจะเทียบกับนักบู๊คนอื่น แต่เห็นว่าดารานักบู๊ที่เราเติบโตมากับโรงหนังปัจจุบันก็จะอายุเลยเลข 6 บางคนก็เลยเลข 7 ไปแล้ว ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูเฉินหลงในช่วงวัยใกล้ๆ กันกับดอนนี เยนตอนนี้ คืออายุราวหกสิบนิดๆ ดอนนี่ เยน ณ วันนี้อาจจะดูจริงจังกว่า หยิ่งยโสในแบบผู้กล้า ส่วนเฉินหลงในวัยเดียวกันนั้น ยังคงเล่นกับมุกตลก ความเงอะงะ และความอบอุ่นในแบบพ่อหรือลุงแก่ๆ ที่ยังต่อยคนได้ เป็นเหมือนคุณลุงใจดี แม้พลังหมัดจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม
ทั้งคู่มีทางของตัวเอง และน่าสนใจตรงที่พวกเขาไม่ได้ “หมดแรง” หรือ “เหนื่อยใจ” จากการเล่นบทนำ กลับกันดูเหมือนว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งมีของ และใช้พลังที่เหลืออยู่ได้อย่างคุ้มค่า
ในยุคที่หนังบู๊จีนเริ่มเงียบเหงา ดารารุ่นใหม่ยังไม่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ที่มั่นคงได้อย่างรุ่นก่อน ดอนนี่ เยน จึงไม่ใช่แค่คนที่ยังคงเดินอยู่บนเส้นทาง เขาคือคนที่วิ่งเพื่อพิสูจน์ว่าหนังบู๊กังฟูยังไปได้อีกไกลหากมีและความจริงใจ
ในแง่ความเป็นหนังดอนนี เยนแล้ว ผมว่านอกจากยิปมันและ Raging Fire แล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละที่เข้าตา แล้วก็ทำให้เห็นว่าจะกำกับหนังเองก็เก่งเหมือนกัน
8/10
เข้าใจว่าชื่อไทยน่าจะเป็นอัยการคนเหล็ก แต่ลองตั้งเองว่าอัยการหมัดดิบ
รู้สึกตื่นเต้นเสมอเวลาเห็นหนังของดารากังฟูรุ่นใหญ่ๆออกมาสักเรื่องนึง เพราะอยากจะรู้ว่าพอพวกเขาอายุมากขึ้นแล้ว จะพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหน เพราะหลายครั้งเราเห็นนักแสดงบู๊ที่เคยโลดแล่นเป็นพระเอกอย่างสง่างาม พอถึงจุดหนึ่งก็กลับกลายเป็นตัวประกอบบ้าง ถูกลดบทบาทบ้าง หรือหายเงียบไปเลยก็มี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงรักษาตำแหน่งได้ยืนยาว อย่างเฉินหลง เจ็ต ลี หรือดอนนี่ เยน
แน่นอนว่าเจ็ต ลี อาจต้องอยู่ในข้อยกเว้นด้วยปัญหาสุขภาพ แต่หากพูดถึงดอนนี่ เยน และเฉินหลงสองคนนี้ยังคงอยู่ในสมรภูมิจอเงินอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะดอนนี่ เยน ที่ดูจะยิ่งแก่ ยิ่งเก๋า ยิ่งเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ
The Prosecutor ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือบทพิสูจน์ถึงการกลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งของดอนนี่ เยน ไม่ใช่แค่ในฐานะนักแสดงนำ แต่ยังในฐานะผู้กำกับที่จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองอยากเล่า เขาสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่เคยเดินผ่านมาก่อน ถ้าในอดีตเขาเคยเป็นพ่อ เป็นครู เป็นตำรวจ หรือเป็นปรมาจารย์กังฟู เขาต่อสู้กับคนชั่วด้วยหมัดและเท้าเพื่อความถูกต้องมาแล้ว แต่ในเรื่องนี้เขาต้องต่อสู้ด้วยหลักฐานและฝีปากเมื่อต้องรับบทเป็นอัยการ ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ดอนนี เยนเล่นเป็นตำรวจที่รู้สึกว่าต่อให้จับผู้ร้ายมาได้อย่างไรก็เปล่าประโยชน์เพราะหลายๆครั้งก็ต้องไปปล่อยตัวในชั้นศาล เนื่องจากหลักฐานและการแก้ต่างของทนายจำเลยมีชั้นเชิงมากกว่า เขาก็เลยละทิ้งหน้าที่ตำรวจกลับไปเรียนทางด้านกฎหมายจนกลายมาเป็นอัยการ หวังว่าจะจัดการลงโทษคนชั่วได้อย่างสาสม
คดีแรกที่อัยการใหม่ต้องรับผิดชอบคือเด็กหนุ่มวัยรุ่นถูกจับคดีค้ายาเสพติดเนื่องจากอนุญาตให้ใช้เลขที่บ้านตัวเองรับพัสดุจากต่างประเทศจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนเพื่อแลกกับเงินแต่หารู้ไม่ว่าข้างในมันคือโคเคน อัยการไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มเป็นผู้ค้ายาแต่ลึกๆแล้วมันต้องมีเบื้องหลังมากกว่านี้จนเข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติ
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ตัวหนังไม่พยายามให้ดอนนี่ เยนเป็นพระเอกฝ่ายเดียวแบบมิติเดียว แต่กลับวางเรื่องให้มีความคลุมเครือ มีคำถามต่อ “ความยุติธรรม” ที่แฝงความเปราะบางของระบบเอาไว้ บางครั้งหลักฐานก็ไม่ได้ตรงกับความจริง บางครั้งกฎหมายก็ไม่ได้นำไปสู่ความยุติธรรมเสมอไป
แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและดราม่าที่อัดแน่นด้วยอารมณ์ แต่มันก็ไม่เคยหลุดจังหวะ ไม่ปล่อยให้คนดูรู้สึกว่าเรื่องลากเกินไป ทุกอย่างถูกจัดวางมาอย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชั่นที่หนักแน่น เนื้อเรื่องที่บีบคั้นด้วยอารมณ์ หรือฉากนิ่งๆ ที่เปิดพื้นที่ให้คนดูได้ซึมซับตัวละคร
สำหรับแฟนหนังกังฟูฮ่องกง โดยเฉพาะหนังดอนนี เยนอาจจะรู้สึกว่าเรื่องนี้แกบู๊น้อยเกินไป โดยเฉพาะหลายๆครั้งที่ฉากต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดแต่ก็จะมีบทสรุป แบบตัดมาอีกทีพระเอกก็ชนะแล้ว แต่ทว่าผมกลับรู้สึกพอดีที่ไม่ลากยาวเกินไปแล้วมาอัดในฉากไคลแมกซ์กับการต่อสู้ในรถไฟใต้ดิน
ที่สำคัญ ฉากแอ็กชั่นของเรื่องนี้คือความลงตัวระหว่าง “การวางกล้อง” “การตัดต่อ” และ “จังหวะเวลา” ทั้งหมดประสานกันอย่างสวยงาม ไม่มีจังหวะหลุด ไม่มีภาพมั่ว ไม่มีเสียงเอฟเฟกต์เกินความจำเป็น ทุกอย่างถูกควบคุมอย่างเฉียบคม และมีศิลปะ
อีกจุดที่น่าสังเกตคือ “โทนของตัวละครฝั่งผู้ร้าย” ที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากหนังการ์ตูนเล็กๆ มีความโอเวอร์ มีลูกเล่นแบบผู้ร้ายตามสูตร แต่กลับไม่ทำให้หนังเสียสมดุล เพราะฝั่งตำรวจและอัยการยังคงยืนอยู่บนโลกแห่งความจริง ทำให้ความตลกหลุดโลกเหล่านั้นกลับกลายเป็นเครื่องมือในการวิพากษ์โลกจริงแทน
ที่จริงก็ไม่อยากจะเทียบกับนักบู๊คนอื่น แต่ไม่เห็นว่าดารานักบู๊ที่เราเติบโตมากับโรงหนังปัจจุบันก็จะอายุเลยเลข 6 บางคนก็เลยเลข 7 ไปแล้ว ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูเฉินหลงในช่วงวัยใกล้ๆ กันกับดอนนี เยนตอนนี้ คืออายุราวหกสิบนิดๆ ดอนนี่ เยน ณ วันนี้อาจจะดูจริงจังกว่า หยิ่งยโสในแบบผู้กล้า ส่วนเฉินหลงในวัยเดียวกันนั้น ยังคงเล่นกับมุกตลก ความเงอะงะ และความอบอุ่นในแบบพ่อหรือลุงแก่ๆ ที่ยังต่อยคนได้ เป็นเหมือนคุณลุงใจดีแม้พลังหมัดจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม
ทั้งคู่มีทางของตัวเอง และน่าสนใจตรงที่พวกเขาไม่ได้ “หมดแรง” หรือ “เหนื่อยใจ” จากการเล่นบทนำ กลับกันดูเหมือนว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งมีของ และใช้พลังที่เหลืออยู่ได้อย่างคุ้มค่า
ในยุคที่หนังบู๊จีนเริ่มเงียบเหงา ดารารุ่นใหม่ยังไม่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ที่มั่นคงได้อย่างรุ่นก่อน ดอนนี่ เยน จึงไม่ใช่แค่คนที่ยังคงเดินอยู่บนเส้นทาง เขาคือคนที่วิ่งเพื่อพิสูจน์ว่าหนังบู๊กังฟูยังไปได้อีกไกลหากมีและความจริงใจ
ในแง่ความเป็นหนังดอนนี เยนแล้ว ผมว่านอกจากยิปมันและ Raging Fire แล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละที่เข้าตา แล้วก็ทำให้เห็นว่าจะกำกับหนังเองก็เก่งเหมือนกัน
8/10
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย