1 ส.ค. เวลา 00:58 • ข่าวรอบโลก

ไทย–กัมพูชาถึงจุดเปลี่ยน : เมื่อเส้นชายแดนกำหนดชีวิตผู้คน

หลังจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกลับมาเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เสียชีวิตเกิน 40 ราย และประชาชนกว่า 2 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย
จุดเริ่มต้นจากความไม่ไว้วางใจ
แม้ไทยและกัมพูชาจะมีความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาลที่ดูเหมือนดำเนินต่อไปได้ด้วยดี แต่รากของความขัดแย้งที่ฝังลึกกลับปรากฏขึ้นเป็นระยะ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน ซึ่งยังคงเป็นจุดเปราะบางทางภูมิรัฐศาสตร์
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดตั้งแต่ต้นปี จากประเด็นความไม่พอใจกรณีนักท่องเที่ยวกัมพูชาร้องเพลงชาติในพื้นที่โบราณสถานฝั่งไทย ก่อนจะลุกลามกลายเป็นเหตุปะทะในบริเวณ “สามเหลี่ยมมรกต” ซึ่งต่อมาได้นำไปสู่การเสียชีวิตของทั้งทหารและพลเรือนในหลายจังหวัดชายแดน
เสียงปืนและเสียงเตือนภัย
ระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม ความขัดแย้งทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ทหารไทยและกัมพูชามีการปะทะกันหลายจุดตลอดแนวชายแดนฝั่งจังหวัดศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธหนัก และมีการละเมิดเส้นเขตแดนซึ่งกันและกัน
สรุปข้อมูลตามไทม์ไลน์
24 กรกฎาคม 2025
เสียงปืนดังขึ้นครั้งแรกในรอบหลายปีจากฝั่งชายแดนไทย–กัมพูชาบริเวณ “ช่องโอบตะวัน” อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีรายงานว่าทหารไทยตรวจพบการเคลื่อนกำลังผิดปกติของทหารกัมพูชา ก่อนจะเกิดการปะทะระยะประชิด โดยฝ่ายไทยระบุว่าเป็น “การตั้งรับ” จากการละเมิดเขตแดนของฝ่ายตรงข้าม
ภายในวันเดียวกัน กองทัพไทยประกาศยกระดับความพร้อมรบตามแนวชายแดนทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พร้อมอพยพประชาชนในรัศมี 5 กิโลเมตรออกจากพื้นที่เสี่ยง
25–26 กรกฎาคม 2025
เสียงปืนใหญ่และปืนกลหนักยังคงดังต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตบ้านภูมะเขือ–ตาเมือน อำเภอขุขันธ์ และชายแดนฝั่งอุบลราชธานี ในช่วงเช้าของวันที่ 25 กรกฎาคม มีรายงานว่าโรงเรียน 12 แห่งในพื้นที่ชายแดนต้องประกาศหยุดเรียนอย่างไม่มีกำหนด และมีประชาชนกว่า 40,000 คนในจังหวัดศรีสะเกษอพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว
วันที่ 26 กรกฎาคม
เกิดเหตุรุนแรงครั้งใหญ่บริเวณด่านสิงหนคร มีรายงานว่าทหารฝ่ายกัมพูชาใช้จรวด RPG และปืนครกโจมตีแนวป้องกันของฝ่ายไทย ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 12 นาย
27 กรกฎาคม 2025
ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 27 กรกฎาคม มีเหตุการณ์ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางความรู้สึกของประชาชน เมื่อเกิดเหตุระเบิดใกล้ตลาดชุมชนบ้านป่าแก้ว จังหวัดศรีสะเกษ ขณะประชาชนกำลังซื้อของตอนเช้า ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 5 ราย ในจำนวนนี้มีแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งกลายเป็นภาพแทนของความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับพลเรือนในความขัดแย้งทางการทหาร
ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น รัฐบาลไทยประกาศ “มาตรการความมั่นคงสูงสุด” ในพื้นที่ชายแดน พร้อมปิดด่านถาวร 7 แห่ง และชั่วคราว 12 แห่ง รวมถึงเรียกประชุมหน่วยความมั่นคงด่วนเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์หากการปะทะขยายวงกว้าง
28 กรกฎาคม 2025 (เช้า)
ก่อนการหยุดยิงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ยังมีรายงานการยิงต่อสู้เล็กน้อยในพื้นที่เขตบ้านดงตาล อำเภอกันทรลักษ์ แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม แต่เสียงปืนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเจรจาทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าหยุดยิงจะมีผลจริงหรือไม่
สรุปสถานการณ์ช่วง 5 วัน
• ผู้เสียชีวิต: อย่างน้อย 43 ราย (รวมทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย)
• ผู้บาดเจ็บ: มากกว่า 100 ราย
• ผู้อพยพ: เกิน 260,000 คนในฝั่งไทยและกัมพูชา
• โรงเรียนปิด: กว่า 20 แห่ง
• พื้นที่เสียหาย: โครงสร้างพื้นฐานชายแดน, เสาไฟฟ้า, ถนนท้องถิ่น, อาคารโรงเรียน, ตลาด
ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ต้องอพยพฉุกเฉิน โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดทำการ หน่วยแพทย์สนามถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับผู้บาดเจ็บ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานบางส่วนเสียหายจากการปะทะและทุ่นระเบิด
เสียงระเบิดที่ดังขึ้นกลางหมู่บ้านไม่ใช่เพียงแรงสะเทือนของดินและอากาศ หากแต่คือแรงสะเทือนของใจที่ประชาชนไม่มีวันลืม และการปะทะในครั้งนี้ย้ำเตือนว่าความสงบไม่อาจใช้เพียงคำสัญญาทางการเมือง แต่ต้องเกิดจากเจตนาร่วมที่จะไม่หันปากกระบอกปืนเข้าหากันอีกต่อไป
หยุดยิงภายใต้แรงกดดัน
แม้สถานการณ์ดูเหมือนจะลุกลามไปไกล แต่การเจรจาผ่านความช่วยเหลือของนานาชาติ โดยเฉพาะจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) และสหรัฐอเมริกา ได้ผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม
รายงานเบื้องต้นระบุว่าแม้จะมีการละเมิดหยุดยิงในบางจุด แต่โดยรวมสถานการณ์เริ่มนิ่งขึ้น ทหารทั้งสองฝ่ายเริ่มถอนกำลังบางส่วน ขณะที่ด่านชายแดนบางแห่งได้รับการเปิดใช้งานอีกครั้งภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด
การทูตที่แหลมคมและอิทธิพลของมหาอำนาจ
บทบาทของสหรัฐอเมริกาในวิกฤตครั้งนี้นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณกดดันทั้งไทยและกัมพูชาให้ยุติความขัดแย้ง พร้อมขู่ใช้มาตรการภาษีสูงถึง 36% หากไม่ดำเนินการเจรจาโดยเร็ว
นอกจากนั้น จีนและมาเลเซียยังมีบทบาทในการผลักดันให้เกิดวงเจรจาระดับภูมิภาค ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไทย–กัมพูชา แม้จะเป็นประเทศอธิปไตย แต่ก็อยู่ในจุดตัดของผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจ
มุมสะท้อนจากสังคมไทย
ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นกับประชาชนชายแดน ที่ต้องอพยพฉุกเฉิน ขาดแคลนทรัพยากร และอยู่ในสภาพไม่มั่นคงทางจิตใจ ขณะที่ในระดับประเทศ กลุ่มประชาชนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามต่อการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยเฉพาะในแง่ความเด็ดขาดและการรักษาศักดิ์ศรีของชาติ
นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า ความล่าช้าในการตอบโต้หรือการสื่อสารของฝ่ายบริหารอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล และเร่งให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองในอนาคตอันใกล้
สรุปสถานการณ์ล่าสุด (ณ 1 ส.ค. 2025)
• ไทย–กัมพูชา ตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข มีผลตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2568
• ยังคงมีรายงานเหตุละเมิดหยุดยิงในบางพื้นที่ชายแดน
• มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 40 ราย และประชาชนต้องอพยพกว่า 260,000 คน
• ประเทศมหาอำนาจโดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน มีบทบาทในกระบวนการไกล่เกลี่ย
• บรรยากาศทางการเมืองในไทยเริ่มมีความเคลื่อนไหวจากภาคประชาชน
ความเงียบที่ต้องแลกมาด้วยเสียงระเบิด แม้การหยุดยิงจะมีผลในทางเทคนิค แต่ปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ยังไม่อาจจบลงด้วยถ้อยคำทางการทูตเพียงไม่กี่ประโยค หากไม่สามารถเยียวยาหัวใจของประชาชนในพื้นที่ที่เผชิญวิกฤตซ้ำซากได้อย่างจริงจัง และหากฝ่ายบริหารยังไม่สามารถสื่อสารให้ประชาชนรู้สึกว่าความมั่นคงคือสิ่งที่จับต้องได้
การปะทะในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาความมั่นคงของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่แนวหน้าเสมอในทุกความขัดแย้ง
References:
1. Ceasefire takes effect between Thailand and Cambodia after five‑day border battle – Reuters (28 ก.ค. 2025) 
2. Guns fall silent on Thai‑Cambodia border as commanders seek to uphold truce – Reuters (29 ก.ค. 2025) 
3. Cambodia asks Thailand to release detained soldiers as truce holds – Reuters (31 ก.ค. 2025) 
4. Trump’s call broke deadlock in Thailand‑Cambodia border crisis – Reuters (31 ก.ค. 2025) 
5. Thailand and Cambodia agree on unconditional cease‑fire – Time (28 ก.ค. 2025) 
6. Thailand‑Cambodia border clashes escalate amid mass evacuations – The Guardian (25–30 ก.ค. 2025) 
#ไทยกับกัมพูชา #truthfromthailand #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ปราสาทตาควาย
โฆษณา