-ยอมสูญเสียความเป็น commercial pop ไม่เน้นฮิตเหมือนแต่ก่อนก็จริง แต่เซนส์ป็อปยังคงเหลืออยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกตั้งแต่ ALL I CAN TAKE ที่เปิดอัลบั้มด้วยการเชื้อเชิญให้รับฟัง อยากให้ enjoy the moment อย่าหนีหายไปไหน ท่อนฮุคติดขี้เล่นให้ความรู้สึกเฟรนด์ลี่มากกว่าดราม่า งงๆหน่อยตอนฟังครั้งแรก แต่ซื้อใจได้ในเวลาต่อมา
-WALKING AWAY เพลงก็ดีในแง่ป็อปอาร์แอนด์บีเอื้อนเอ่ยถึงการไม่ยอมแพ้ง่ายๆกับความสัมพันธ์ที่ไปได้ไกลแล้ว WAY IT IS อีกหนึ่งตัวอย่างบีทเพลงที่มี vibrant โคตรเท่ห์ ฟังครั้งแรกคือชอบเลย ต่อให้ผมเฉยๆกับ Gunna แต่พอแกมาอยู่ในเพลงนี้เสือกมีเสน่ห์เฉยเลย พลังงานเพลงมีดึงดูดมากพอที่จะชูให้เจ้าของเพลงและแขกรับเชิญให้โดดเด่นไปด้วยกันได้ ในเพลงต่อมา FIRST PLACE บีทก็คึกคัก ชวนออกสเต็ปแดนซ์
-DADZ LOVE ถือเป็นหัวใจสำคัญให้กับอัลบั้มนี้เลย เป็นการเล่นคำ That’s love ไปในตัว สื่อถึงนัยยะแห่งความเป็นพ่อคนอย่างตรงตัวไม่อ้อมค้อม ความพิเศษของเพลงนี้นอกจากจะได้ Lil B ผู้เป็น trendsetter ที่ใช้คำว่า SWAG เป็น ad-lib ได้เปลืองจนติดปากตามแล้ว เสียงกลองแซมเปิ้ลที่ได้ยินคลอไปทั้งเพลงมาจากคลิป home video ที่เด็กชาย Justin วัย 2 ขวบโชว์เคาะโต๊ะ โดยแม่ของ Justin ถ่ายเก็บไว้ เป็นการนำร่องรอยสิ่งละอันพันละน้อยเอามาประกอบเป็นความลึกซึ้งแล้วถ่ายทอดให้ทายาทตัวจริงผ่านเพลงนี้
-การให้ Druski มาทำหน้าที่เหมือนนักจัดรายการพอดแคสต์ ในบาง skit ก็ดูดีในแง่ความชิวล์ แต่บาง skit โดยเฉพาะ SOULFUL อื้อหือ…ให้ตายเหอะ นี่คือ skit ที่โคตร cringe ที่สุดเท่าที่ผมฟังมาทั้งชีวิตเลย Your skin is WHITE but your soul is BLACK!!! โอ้มายก็อด กูอยากตีมือทีมโปรดิวซ์เซอร์ ปล่อยผ่านการ approve นี้ไปได้ไงวะ
-ช่วงครึ่งหลังที่ผมรู้สึกเสียดายตรงที่ยังติดความเหยาะแหยะเสียจนมันเริ่มเลื่อนลอย โดยเฉพาะไตเติ้ลแทร็ค SWAG ก็ไม่มีพลังการ represent อัลบั้มได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากพอ ถึงแม้ว่าจะรวบรวม Cash Cobain, Eddie Benjamin มาร่วมลงแขกก็ไม่สามารถ support ได้ดีมากนัก แม้กระทั่ง SWEET SPOT ที่ได้ Sexyy Red มาแจม ด้วยความที่เจ๊แดงดันมี verse ที่ยาวกว่าเจ้าของเพลง เลยทำให้เพลงย้วยมากกว่า catchy แบบรวบรัดอย่างที่ควรจะเป็น
นั่นเลยทำให้การส่งต่อพลังงานแรงศรัทธาต่อพระเจ้าที่ตัวเองยึดมั่นมาตลอดแทบทุกอัลบั้มจนถึงอัลบั้มนี้ในเพลง FORGIVENESS ที่เป็นการเอาคลิปคัฟเวอร์เพลง Lord, I Lift Your Name on High โดย Marvin Winans กลายเป็นการจบอัลบั้มได้ไม่ขลังและไม่ตราตรึงอย่างซาบซึ้งเท่าที่ควร