เมื่อวาน เวลา 05:13 • ธุรกิจ

🔮 หมอดู 'ฟันล้าน' แต่ไม่ฟันภาษี?

เมื่อ 'คำทำนาย' ขายดีระดับชาติ แต่ 'ความรับผิดชอบ' หายตัวได้แบบล่องหน…ถึงเวลาหรือยังที่เราต้อง 'ดูดวงหมอดู' เสียที? ⚖️
เมื่อ "ความศรัทธา" กลายเป็น "สินค้า"...แล้ว "จรรยาบรรณ" ควรจะอยู่ตรงไหน?
* ยุคนี้ 'ไพ่ทาโรต์' อาจดังยิ่งกว่ารายงานเศรษฐกิจ และ 'หมอดู TikTok' มีอิทธิพลยิ่งกว่านโยบายรัฐบาลบางชุด
* ในยุคที่ "เศรษฐกิจสายมู" (Mutelu Economy) เติบโตแบบไม่รอใคร มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อปี อาชีพหมอดูกลายเป็นทั้ง Creator, Influencer, และ Business Owner ในคนเดียวกัน
* แต่ในขณะที่บางคนใช้ศาสตร์เพื่อช่วยเหลือผู้คน…อีกจำนวนไม่น้อยกลับใช้ “ความกลัว” เป็นเครื่องมือ และ “ความศรัทธา” เป็นใบเบิกทางสู่การเติบโตทางธุรกิจแบบไร้การกำกับ
คำถามสำคัญคือ เมื่อ "ความเชื่อ" กลายเป็น "ธุรกิจ" ที่ทรงอิทธิพล สังคมควรมีมาตรการอย่างไรในการสร้างสมดุลระหว่าง "เสรีภาพในการแสดงออก" และ "ความรับผิดชอบต่อสังคม"?
====
1. คำทำนายที่สร้าง 'ความตื่นตระหนก' – เมื่อความกลัวกลายเป็น Content Strategy 😱
ลองเปิด TikTok, YouTube หรือคลับเฮาส์ จะพบคลิปที่ขึ้นต้นว่า “เดือนนี้จะเกิดภัยร้ายแรงในประเทศ” หรือ “ระวังให้ดี! ดาวมฤตยูทับลัคนา” ซึ่งแม้บางคนจะมองว่าเป็นแค่คำเตือน…แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันส่งผลกับคนจำนวนมาก
ผลลัพธ์คือ
* เกิด Social Panic: บางคนยกเลิกแผนธุรกิจ บางคนไม่กล้าเซ็นสัญญาสำคัญ
* พฤติกรรมตื่นตระหนก: กักตุน ย้ายบ้าน หยุดลงทุน โดยไม่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์รองรับ
* ภาวะเครียดสะสม: โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือคนที่มีภาวะวิตกกังวลซ่อนอยู่
คำถามคือ เราจะวาดเส้นแบ่งตรงไหนระหว่าง “การทำนาย” กับ “การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ที่กระทบต่อเศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยของสังคม?
====
2. ดวงชะตาคนดัง = โอกาสสร้างแสง หรือการละเมิดสิทธิ? ✨
การวิเคราะห์ดวงนักการเมือง ดารา หรือผู้บริหารชื่อดังเป็นอีกหนึ่งรูปแบบเนื้อหายอดนิยม เพราะคนสนใจและแชร์กันกระหน่ำ
แต่เบื้องหลังความนิยมนี้ แฝงด้วยคำถามที่ชวนคิด?
* หมอดูมีสิทธิอะไรในการเปิดเผยดวงคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต?
* ความเห็นแบบไม่ต้องรับผิดชอบ ที่ออกอากาศต่อผู้คนนับล้าน ส่งผลต่อชื่อเสียงและการตัดสินใจของสังคมแค่ไหน?
เมื่อการตีความดวงกลายเป็นเครื่องมือ “ชี้เป็นชี้ตาย” ต่อภาพลักษณ์ของคนอื่น โดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันรู้ตัว — เรากำลังเข้าสู่พื้นที่ของ “การละเมิดที่แฝงตัวมาในชุดคลุมของความบันเทิง” หรือไม่?
====
3. โปร่งใสแค่ดวง...แต่บัญชีรายได้ยังมืดสนิท 💰
เศรษฐกิจสายมูเฟื่องฟู ร้านขายวัตถุมงคลขึ้นห้างได้ หมอดูเปิดเพจยิงโฆษณาได้ไม่แพ้ Startup แต่สิ่งหนึ่งที่หายไปจากภาพนี้คือ “ความโปร่งใสทางเศรษฐกิจ”
* ที่มารายได้ไม่ชัดเจน: ค่าครู? ค่าบูชา? ค่าดู? บริจาค? สินค้าหรือบริการ?
* ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีภาษี: ทั้งที่บางรายมีรายได้หลักแสนต่อเดือน หรือหลักล้านต่อปี
ลองคิดดูว่า SME เล็กๆ ยังต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.90…แล้วเหตุใด “ผู้ทรงญาณ” ที่มีฐานลูกค้า 500,000 คนถึงยังอยู่นอกระบบ?
การจัดการตรงนี้ไม่ใช่เพื่อปราบปราม แต่เพื่อสร้าง Fair Economy และทำให้รายได้จากความเชื่อหมุนกลับสู่สังคมอย่างถูกต้อง
====
4. ทางออกอยู่ที่ไหน? – สร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพกับจริยธรรม
(1) องค์กรกลาง & จรรยาบรรณวิชาชีพ
* ตั้งสมาคมหมอดูแห่งประเทศไทย ที่ออกเกณฑ์กลางและมีการสอบใบอนุญาต
* ห้ามทำนายภัยพิบัติระดับชาติ ห้ามเจาะจงชีวิตบุคคลสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
(2) ใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เข้มข้น
* พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค → ป้องกันการโฆษณาเกินจริง
* กฎหมายอาญา → จัดการพฤติกรรมที่เข้าข่ายฉ้อโกง
* กฎหมายภาษี → ตรวจสอบและจัดเก็บจากอาชีพใหม่ในยุค Creator Economy
(3) พัฒนาภูมิคุ้มกันสังคมด้วย Media Literacy
* ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ ไม่ใช่ให้รังเกียจความเชื่อ แต่ให้เข้าใจว่าอะไรคือบริบท และอะไรคือกลไกเบื้องหลังการสื่อสารของหมอดูยุคใหม่
====
✨ ศรัทธา ไม่ควรเป็นข้ออ้างในการไร้ความรับผิดชอบ
อาชีพนักพยากรณ์ไม่ใช่อาชีพผิด…แต่หากผู้ที่มีอิทธิพลในจิตใจของผู้คนหลายล้านคน ปฏิเสธการตรวจสอบ ปฏิเสธจริยธรรม และหลบเลี่ยงระบบภาษี
…เราคงต้องเริ่มถามกลับว่า
“ศรัทธาที่ไร้กรอบ…ต่างอะไรจากการใช้ความเชื่อหลอกคน?”
หมอดูควรเป็นผู้สร้างแสงสว่าง ไม่ใช่เงามืดในระบบเศรษฐกิจ
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#เศรษฐกิจสายมู
#หมอดู
#ธุรกิจความเชื่อ
#ความโปร่งใส
#จรรยาบรรณหมอดู
#MediaLiteracy
#ResponsibilityIsPower
#ศรัทธาไม่เท่ากับอิสระไร้ขอบเขต
โฆษณา