Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สารพันความรู้
•
ติดตาม
9 ส.ค. เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
Devils Tower: อนุสรณ์สถานแห่งชาติแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา (U.S. National Monument)
บทนำ
Devils Tower หรือที่ชาวพื้นเมืองเรียกว่า “Bear Lodge” เป็นหินภูเขาไฟที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ในรัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา ด้วยความสูงราว 386 เมตรจากพื้นดินรอบ ๆ และมีโครงสร้างเป็นแท่งหินหกเหลี่ยมที่เกิดจากแมกมาเย็นตัวใต้ผิวโลก ตั้งแต่ยุคยุคเพลย์โอจีน (Paleogene Period) เมื่อราว 50-60 ล้านปีก่อน
หอคอยปีศาจนี้ไม่เพียงแต่เป็นโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่หายากและโดดเด่นที่สุดในสหรัฐฯ แต่ยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งสำหรับชนพื้นเมืองอเมริกันหลายเผ่า เช่น ลาโกตา (Lakota), ไชแอนน์ (Cheyenne), และโคแมนชี (Comanche) ที่ถือสถานที่นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ
ในปี ค.ศ. 1906 ประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ได้ประกาศให้ Devils Tower เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมในประเทศนี้
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจประวัติความเป็นมา ธรณีวิทยา วัฒนธรรมของชนพื้นเมือง การประกาศเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และบทบาทของ Devils Tower ในปัจจุบัน
ประวัติการค้นพบและการตั้งชื่อ
พื้นที่บริเวณ Devils Tower มีหลักฐานว่ามีการอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยชนพื้นเมืองอเมริกันหลากหลายเผ่าอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มายาวนาน พวกเขามีตำนานเล่าสืบทอดกันมาถึงสถานที่แห่งนี้ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมโยงกับเทพเจ้า วิญญาณ หรือพลังธรรมชาติ
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีการสำรวจพื้นที่โดยกลุ่มนักสำรวจยุโรป-อเมริกัน หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1875 เมื่อทหารและนักสำรวจชื่อ Colonel Richard Irving Dodge ได้ไปสำรวจพื้นที่บริเวณนี้ เขาได้บันทึกไว้ว่า "Devils Tower" ซึ่งเป็นชื่อที่เกิดจากการแปลความหมายผิดจากคำของชนพื้นเมืองในพื้นที่
ในภาษาอังกฤษ ชื่อ "Devils Tower" อาจเกิดจากความเข้าใจผิดที่แปลมาจากชื่อภาษาพื้นเมืองที่มีความหมายเกี่ยวกับ "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมี" หรือ "หอคอยหมี" ชื่ออื่น ๆ ที่ชนพื้นเมืองใช้เรียกสถานที่นี้ได้แก่:
"Bear Lodge" (หอคอยหมี)
"Bear’s Tipi" (เต็นท์ของหมี)
"Bear’s House" (บ้านของหมี)
ตำนานที่เกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อมักเล่าถึงเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งที่หนีจากหมียักษ์ขึ้นไปบนยอดหิน หินนี้จึงสูงขึ้นตามไป และรอยข่วนบนผิวหินเกิดจากกรงเล็บของหมีที่พยายามไต่ขึ้นไปจับเด็กหญิง เรื่องเล่านี้เป็นหนึ่งในหลายตำนานที่ทำให้สถานที่นี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ลึกซึ้ง
ธรณีวิทยาและการเกิดขึ้นของ Devils Tower
Devils Tower เป็นโครงสร้างหินอัคนีแทรกซอนที่เกิดจากแมกมาร้อนใต้ผิวโลกดันตัวขึ้นมาในช่วงประมาณ 50-60 ล้านปีที่ผ่านมาในยุคยุคเพลย์โอจีน (Paleogene Period) โครงสร้างนี้ไม่ได้เกิดจากลาวาที่ปะทุออกมาจากภูเขาไฟเหมือนภูเขาไฟทั่วไป แต่เกิดจากแมกมาที่แทรกตัวเข้ามาในชั้นหินตะกอนใต้ดินและเย็นตัวช้า ๆ ทำให้เกิดแท่งหินแข็งแนวตั้งที่มีรูปทรงเป็นแท่งหกเหลี่ยมจำนวนมาก เรียกว่า “columnar jointing”
โครงสร้างและลักษณะทางธรณีวิทยา
หินที่ประกอบ Devils Tower เรียกว่า phonolite porphyry หรือหินฟอนโอลิติกไซอีน ซึ่งเป็นหินอัคนีเนื้อละเอียด
โครงสร้างหินประกอบด้วยแท่งหกเหลี่ยมแนวตั้งสูงเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ลักษณะนี้เกิดจากการเย็นตัวและหดตัวของแมกมา
พื้นที่รอบ ๆ Devils Tower มีชั้นหินตะกอนที่อ่อนกว่าถูกกัดกร่อนและสึกกร่อนหายไป ทำให้หินแข็งของ Devils Tower โผล่ขึ้นมาโดดเด่นเป็นแท่งหินใหญ่กลางที่ราบ
การกัดกร่อนและการเปิดเผยโครงสร้าง
การกัดกร่อนโดยลม ฝน น้ำแข็ง และกระแสน้ำในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมา ทำให้ชั้นหินตะกอนที่อ่อนกว่ารอบ ๆ ถูกสึกกร่อนจนหายไป เหลือเพียงหินที่แข็งแรงกว่าอย่าง Devils Tower โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน
ความสำคัญทางวัฒนธรรมและตำนานของชนพื้นเมืองอเมริกัน
Devils Tower เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าพื้นเมืองหลายเผ่า เช่น ชนเผ่า Lakota, Cheyenne, Crow, Arapaho, และ Kiowa เป็นต้น ชนพื้นเมืองเหล่านี้มีความเชื่อและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Devils Tower อย่างลึกซึ้ง
ตำนานพื้นเมือง
ตำนานที่โด่งดังและเล่าขานกันมากที่สุดคือเรื่องราวของเด็กหญิงที่หนีจากหมีและปีนขึ้นไปบนยอดหินจนหินโผล่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปกป้องเด็กหญิงจากหมี รอยข่วนแนวตั้งบนหินที่เห็นในปัจจุบันเกิดจากกรงเล็บของหมีที่พยายามจะไต่ขึ้นไป
เรื่องราวนี้สะท้อนถึงความเชื่อเรื่องพลังศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติและการเคารพในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดิน
พิธีกรรมและการใช้พื้นที่
ชนพื้นเมืองยังใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมและขอพร ซึ่งบางครั้งต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติก่อน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้โดยไม่ถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยว
การประกาศเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติครั้งแรกของสหรัฐอเมริกา
ในปี ค.ศ. 1906 ประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ได้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติ Antiquities Act เพื่อประกาศให้ Devils Tower เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา (U.S. National Monument) พระราชบัญญัตินี้อนุญาตให้ประธานาธิบดีสามารถปกป้องแหล่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ หรือโบราณวัตถุที่สำคัญโดยไม่ต้องรอให้รัฐสภาผ่านกฎหมายใหม่
การประกาศครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา เพราะ:
Devils Tower เป็นจุดเริ่มต้นของระบบอนุรักษ์ที่มีความเข้มแข็งและครอบคลุมพื้นที่ธรรมชาติและโบราณคดี
เป็นตัวอย่างให้กับการอนุรักษ์สถานที่ทางธรรมชาติอื่น ๆ ในสหรัฐฯ และทั่วโลก
แสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสมบัติธรรมชาติและวัฒนธรรมเพื่อคนรุ่นหลัง
หลังจากการประกาศ มีการจัดตั้งหน่วยงานดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ เช่น National Park Service เพื่อดูแลความสมบูรณ์ของสถานที่ ป้องกันการทำลาย และจัดกิจกรรมที่เหมาะสม
ความสำคัญทางนิเวศและสิ่งแวดล้อม
แม้ Devils Tower จะโดดเด่นด้วยโครงสร้างหิน แต่บริเวณโดยรอบมีความหลากหลายทางนิเวศที่น่าสนใจ ประกอบด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้า และระบบนิเวศน้ำไหล รวมถึงสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้
ระบบนิเวศรอบ ๆ Devils Tower
มีต้นไม้ เช่น สนพันปี (Ponderosa Pine), ต้นโอ๊ค และไม้พุ่มต่าง ๆ
ทุ่งหญ้าสำหรับสัตว์กินพืช เช่น กวางป่า (White-tailed Deer), หมูป่า และกระต่ายป่า
นกนานาชนิด รวมถึงนกอินทรีและนกฮูก
สัตว์เลื้อยคลานและแมลงที่มีความหลากหลาย
พืชบนยอด Devils Tower
ยอดหอคอยปีศาจมีพื้นที่แบนราบเล็ก ๆ ที่มีดินบางส่วนสะสมอยู่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพืชพรรณเล็ก ๆ เช่น ต้นสนเล็ก ๆ หญ้า และพืชจำพวกไม้พุ่ม ช่วยสร้างความสมดุลทางนิเวศและรักษาดินบนยอด
กิจกรรมที่นิยมทำใน Devils Tower
Devils Tower เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีกิจกรรมหลากหลายที่นักท่องเที่ยวและนักปีนเขาสามารถทำได้ เช่น
ปีนหน้าผา (Rock Climbing)
เป็นหนึ่งในจุดปีนหน้าผาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ด้วยโครงสร้างแท่งหินหกเหลี่ยมที่ให้ความท้าทายและความสวยงาม
นักปีนเขาจำนวนมากเดินทางมาที่นี่เพื่อปีนทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น
มีการกำหนดกฎเกณฑ์ควบคุมเพื่อรักษาความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของธรรมชาติ
เดินป่าและศึกษาธรรมชาติ
มีเส้นทางเดินป่ารอบ ๆ Devils Tower สำหรับชมวิวและถ่ายภาพ
พื้นที่สำหรับการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาและระบบนิเวศ
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
กิจกรรมวัฒนธรรมและพิธีกรรม
ชนพื้นเมืองยังคงใช้พื้นที่เพื่อจัดพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
มีการจัดกิจกรรมสอนและเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว
ผลกระทบทางสังคมและการท่องเที่ยว
Devils Tower ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดทั้งผลดีและความท้าทาย เช่น
ผลดี
ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น ผ่านธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการนำเที่ยว
สร้างงานและโอกาสทางเศรษฐกิจในชุมชนใกล้เคียง
เสริมสร้างความตระหนักและการศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติและวัฒนธรรม
ความท้าทาย
ความเสี่ยงจากการกัดเซาะและการเสียหายของธรรมชาติจากนักท่องเที่ยว
ความขัดแย้งระหว่างกิจกรรมท่องเที่ยวกับการรักษาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมือง
ความจำเป็นในการจัดการจราจรและความปลอดภัยในช่วงฤดูท่องเที่ยวสูงสุด
เจ้าหน้าที่อุทยานฯ มีการกำหนดนโยบายเพื่อควบคุมการใช้พื้นที่ เช่น การจำกัดจำนวนผู้ปีนเขาในบางช่วง การให้ความรู้เรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนกิจกรรมของชนพื้นเมือง
บทสรุปและอนาคตของ Devils Tower
Devils Tower ไม่ใช่เพียงแค่ภูเขาหินธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของความงามทางธรรมชาติ ความลึกซึ้งทางวัฒนธรรม และความพยายามในการอนุรักษ์ธรรมชาติของสหรัฐอเมริกา
การประกาศเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติแห่งแรกเป็นจุดเริ่มต้นของความตระหนักในความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่า เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสและเรียนรู้
ในอนาคต การบริหารจัดการที่สมดุลระหว่างการท่องเที่ยว การอนุรักษ์ธรรมชาติ และการเคารพวัฒนธรรมพื้นเมือง จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ Devils Tower ยังคงความงามและคุณค่าที่ไม่เสื่อมคลาย
แนวคิด
เรื่องเล่า
ชีวิต
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย