19 ส.ค. เวลา 11:00 • การศึกษา

## Episode131: Kinesiology of Knee joint#3

Tibiofemoral joint##
Tibiofemoral joint หรือข้อเข่านั้นเป็นหนึ่งในข้อต่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย และเป็นข้อต่อที่รับน้ำหนักตัวเราในทุกๆวัน ดังนั้นข้อต่อนี้จึงต้องมีทั้งความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถในการเคลื่อนไหวที่ดีไปพร้อมๆกัน ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงลักษณะพื้นผิวข้อต่อและการเชื่อมต่อกันของกระดูกในข้อเข่าครับ
Tibiofemoral joint เกิดจากการเชื่อมต่อกันระหว่างปลายด้านล่างของกระดูก femur กับปลายด้านบนของกระดูก tibia โดยที่ปลายของกระดูก femur จะมีส่วนที่เรียกว่า "femoral condyles" ซึ่งมีลักษณะเป็นปุ่มกลมๆ 2 ปุ่มคือ medial condyle และ lateral condyle ส่วนปลายด้านบนของ tibia ก็จะมีส่วนที่เรียกว่า "tibial plateau" เป็นพื้นผิวที่รองรับ femoral condyles ไว้
ถ้าเรามองจากด้านข้าง femoral condyles จะมีรูปร่างคล้ายวงกลม แต่จะมีรัศมีความโค้งที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยด้านหน้าจะมีรัศมีความโค้งมากกว่าด้านหลัง นั่นหมายความว่าเวลาที่เข่างอ กระดูก femur จะสัมผัสกับ tibia ในตำแหน่งที่ต่างกันไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวแบบ roll-slide ครับ
ส่วนที่น่าสนใจคือ medial condyle กับ lateral condyle มีรูปร่างที่ต่างกัน โดย medial condyle จะมีขนาดใหญ่กว่าและยาวกว่า lateral condyle ทำให้แนวแกนการเคลื่อนไหวของเข่าเปลี่ยนไปตามองศาการเคลื่อนไหว เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "screw home mechanism" ซึ่งผมจะมาอธิบายในรายละเอียดในบทความต่อๆไปครับ
ในส่วนของ tibial plateau ถ้าเรามองจากด้านบนลงมา จะเห็นว่าด้าน medial plateau จะเว้าเข้าเล็กน้อย ในขณะที่ lateral plateau จะนูนออกเล็กน้อย ทำให้ความกระชับ(congruency)ระหว่าง femur กับ tibia ในด้าน medial compartment มีมากกว่าด้าน lateral compartment ส่งผลให้ medial compartment มีความมั่นคงมากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยการมี mobility ที่น้อยกว่า
นอกจากนี้ tibial plateau ยังเอียงลงด้านหลังประมาณ 10° เราเรียกมุมนี้ว่า "posterior tibial slope" ซึ่งมีความสำคัญต่อการรับแรงกระทำและการเคลื่อนไหวของเข่า โดยเฉพาะในท่าที่มีการลงน้ำหนักครับ
เนื่องจากความแตกต่างของรูปร่างระหว่าง femoral condyles และ tibial plateau ทำให้พื้นผิวข้อต่อไม่กระชับกันพอดี(incongruent) ร่างกายจึงมีโครงสร้างที่ช่วยเพิ่ม congruency คือ "menisci" ซึ่งเป็นกระดูกอ่อนรูปตัวC 2 ชิ้น วางอยู่บน tibial plateau ทั้งด้าน medial และ lateral
menisci นี้นอกจากจะช่วยเพิ่ม congruency แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวกระจายแรง ลดแรงกระแทก และช่วยหล่อลื่นข้อต่อ โดย medial meniscus จะมีขนาดใหญ่กว่าและรูปร่างเป็นตัวC กว้างกว่า ในขณะที่ lateral meniscus จะมีขนาดเล็กกว่าและมีรูปร่างเป็นวงแหวนลักษณะคล้ายตัวO ทำให้ lateral meniscus เคลื่อนไหวได้มากกว่า medial meniscus ครับ
โดยสรุป tibiofemoral joint มีลักษณะพื้นผิวข้อต่อที่ซับซ้อน ทั้งความแตกต่างระหว่าง medial และ lateral compartment รวมถึงการมี menisci ที่ช่วยเพิ่ม congruency ทำให้ข้อเข่าสามารถทำหน้าที่ได้ทั้งการรับน้ำหนักและการเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
ถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ผมฝากกด like กดแชร์ กดติดตามเพจphysioupskillด้วยนะครับ ส่วนถ้าใครมีข้อสงสัยอะไรก็commentไว้ด้านล่างได้เลยครับ
_PhysioUpskill_
#Physioupskill
⭐สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถอ่านบทความอื่นๆได้ที่ https://physioupskill.com/บทความ/ หรือดูรายละเอียดคอร์สเรียนของเพจได้ที่ https://physioupskill.com/คอร์สเรียน/ ได้เลยครับ
Ref.
Neumann, D. A. (2017). Kinesiology of the musculoskeletal system: Foundations for Rehabilitation. Mosby.
Drake, R., Vogl, A. W., & Mitchell, A. W. M. (2019). Gray's Anatomy for Students.
โฆษณา