10 ส.ค. เวลา 13:29 • การศึกษา

รู้หลัก “การเปลี่ยนคุณค่าเป็นมูลค่า” ประเมิน SIA - SROI ผ่านการเรียนรู้ร่วมและระบุผลประโยชน์

ในยุคที่ ความยั่งยืน เป็นเป้าหมายสำคัญของ การพัฒนา องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่คำถามสำคัญที่ท้าทายเสมอคือ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าโครงการที่เราทำนั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและคุ้มค่าจริงๆ?
บทความนี้ผู้เขียนขอแนะนำให้รู้จักกับเครื่องมือสำคัญ 2 อย่าง ที่เข้ามาช่วยตอบคำถามข้างต้น คือ การประเมินผลกระทบทางสังคม (SIA) และ การประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) และตัวอย่างผลลัพธ์การเปลี่ยนมูลค่าเป็นมูลค่า จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนามร่วมกับนักวิจัย ม.ราชภัฏสกลนคร
โดยอาศัยข้อมูลและการสนับสนุนจาก กสศ. และ ศูนย์ SROI TU วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ม.ธรรมศาสตร์ ในกิจกรรมการศึกษาและถอดบทเรียนจาก "โครงการส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน" (ซึ่งมีสถานะโครงการสิ้นสุดแล้ว)
ดร. มาลี ศรีพรหม ผู้นำทีมนักวิจัยฯ ลงภาคสนามครั้งนี้ กล่าวถึงแนวคิดในการประเมิน SROI ไม่ได้เป็นเพียงการวัดผลลัพธ์ด้วยตัวเลขเท่านั้น แต่คือ "กระบวนการ" หนึ่งที่ทรงพลังในการสร้าง ความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพของ ชุมชน ให้เข้มแข็ง ด้วยการเปลี่ยน "คุณค่า" ทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจที่จับต้องได้ ให้กลายเป็น "มูลค่า" ที่แท้จริง
[ข่าวการจัดเวที: https://www.1poverty.com/2025/07/13.html]
ทำความเข้าใจ SIA และ SROI เครื่องมือเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
Social Impact Assessment (SIA) มองให้เห็นภาพก่อนหรือหลังลงมือ
  • SIA คือกระบวนการคาดการณ์และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมและวัฒนธรรมจากโครงการต่างๆ โดยพิจารณาในมิติที่กว้าง ทั้งผลกระทบเชิงบวกและลบ ครอบคลุมด้านสุขภาพ, สวัสดิการ, การเข้าถึงทรัพยากร และความสัมพันธ์ทางสังคม
  • SIA คือกระบวนการคาดการณ์และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมและวัฒนธรรมจากโครงการต่างๆ โดยพิจารณาในมิติที่กว้าง ทั้งผลกระทบเชิงบวกและลบ ครอบคลุมด้านสุขภาพ, สวัสดิการ, การเข้าถึงทรัพยากร และความสัมพันธ์ทางสังคม
  • SIA ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจบริบทและคาดการณ์ผลกระทบได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Social Return on Investment (SROI) วัดผลลัพธ์ที่จับต้องไม่ได้ให้เป็นมูลค่า
  • SROI เป็นเครื่องมือที่ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการประเมินมูลค่าทางสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโครงการ โดยแปลงผลลัพธ์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความสุขที่เพิ่มขึ้น หรือความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ให้กลายเป็นค่าตัวเงิน ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนว่าการลงทุน 1 บาท สร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่สังคมเท่าไหร่
  • หัวใจสำคัญของ SROI คือการให้ความสำคัญกับเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) ทุกกลุ่ม
  • SROI จะช่วยให้เราประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงและเห็นถึงมูลค่าที่แท้จริงของโครงการ
การใช้เครื่องมือทั้งสองนี้ร่วมกันจึงแตกต่างจากการประเมินผลทั่วไป เพราะมุ่งเน้นไปที่ การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับ ผู้ใช้ประโยชน์ และพยายามหา คุณค่าแทนทางการเงิน ของผลลัพธ์เหล่านั้น ทำให้เห็นภาพที่ครอบคลุมและสามารถบอกสถานะช่วยตัดสินใจการลงทุน หรือนำไปเปรียบเทียบกับโครงการอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
[ศึกษาคู่มือการประเมิน: https://sroi-puey.my.canva.site/]
กระบวนการเรียนรู้ร่วม ประเมิน SIA และ SROI เปลี่ยนคุณค่าเป็นมูลค่า
หัวใจสำคัญของการประเมินด้วย SIA และ SROI คือกระบวนการที่มีส่วนร่วม (participatory process) ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง องค์ความรู้ร่วม ใน ชุมชน
ผู้เขียนตัดข้ามมาถึงขั้นตอนการจัดเวทีถอดบทเรียนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ โดยการออกแบบเครื่องมือให้เหมาะสมกับโครงการที่รับประเมิน มีกระบวนการเรียนรู้ร่วมดังนี้
ระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Identification): เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจว่าใครบ้างที่จะได้รับผลกระทบหรือผู้ใช้ประโยชน์จากโครงการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แบ่งถอดบทเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเป้าหมายและภาคีเครือข่าย
สร้างทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (Theory of Change): ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันเล่าเรื่องราวว่าโครงการสร้างผลประโยชน์อะไรบ้าง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่าง ตั้งแต่ทรัพยากรที่ใช้ กิจกรรมที่ทำ ผลผลิตที่ได้ มีผู้ใช้ประโยชน์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเกิดผลลัพธ์ไปจนถึงผลลัพธ์ระยะยาว การทำเช่นนี้ทำให้ทุกคนใน ชุมชน มีความเข้าใจที่ตรงกัน
เข้าศึกษาสถานที่ดำเนินงาน: ทีมนักวิจัยและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าเยี่ยมชมการทำงาน เพื่อทวนสอบว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ยังคงสภาพใช้การได้และมีผู้ใช้ประโยชน์ สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามจริง
รวบรวมข้อมูลและประเมินผล: ข้อมูลไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียว แต่มาจากเสียงของคนใน ชุมชน ผ่านการสัมภาษณ์กลุ่ม การสำรวจ และการสังเกตการณ์ การมีส่วนร่วมนี้ทำให้คนในชุมชนรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการมากขึ้น
ตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน กับการประเมิน SIA และ SROI สู่การพัฒนาท้องถิ่นด้วยความรู้
SROI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือวัดผลตอบแทนทางการเงิน แต่เป็นกลไกที่ช่วยให้ ชุมชน ได้สร้างและสะสม ความรู้ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นในอนาคตสร้าง
จากเวทีการศึกษาและถอดบทเรียนฯ ครั้งนี้ มีคุณค่าต่อผู้เขียนมาก มีผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ขอยกตัวอย่างจากมุมการวิเคราะห์ในภาพรวมโดยผู้เขียน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มผลกระทบที่สนใจ
1. องค์ความรู้ที่นำมาใช้ ต้องเข้าใจหลักแนวคิดก่อนพัฒนา
ชุมชนเป็นฐาน: มีแนวคิดหลัก คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง การพัฒนาที่ยั่งยืน การเคารพภูมิปัญญาท้องถิ่น และการสร้างความร่วมมือแบบภาคี
อปท.โมเดล: มีกระบวนการพัฒนา 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ใช้พื้นที่รวมเป็นศูนย์กลาง 2) จัดตั้งกลุ่มองค์กรและศูนย์เรียนรู้ 3) วางแผนธุรกิจที่มีผู้ผลิตและมีตลาดต้องการจริง 4) นำโครงการเข้าแผนพัฒนาท้องถิ่นเพื่อเชื่อมโยงภาคีหนุนเสริม 5) ทบทวนแผนงานและหล่อหลอม (Retraining)
การเรียนรู้ทุกช่วงวัย: การเรียนรู้ตลอดช่วงวัยมีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและมีคุณค่า การทำความเข้าใจความต้องการและแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย จะช่วยให้เราสามารถออกแบบและส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
[อ่านแนวคิด อปท.โมเดล / ชุมชนเป็นฐาน: https://www.1poverty.com/2025/07/18.html]
2. ผลประโยชน์ที่น่าสนใจ จากโครงการและแนวคิด
เกิดฐานการเรียนรู้: ได้แก่ สร้างฐานการเรียนรู้ และวิทยากรประจำฐาน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคณะศึกษา และเป็นฐานการทบทวนทักษะสร้างความมั่นใจในระบบการผลิตให้กับผู้สูงวัย
เกิดห้องเรียนอาชีพ: ได้แก่ จัดตั้งศูนย์การเรียน เปิดโอกาสให้เยาวชนที่ออกนอกระบบการศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการทำงานในแปลงรวมเกษตรอินทรีย์ / สร้างอาชีพอย่างต่อเนื่องให้กับสมาชิก
เกิดแผนธุรกิจ BMC: ได้แก่ ข้อตกลงการซื้อ-ขาย / แผนการผลิตและแผนความต้องการตลาด / กลุ่มองค์กร / สินค้า / เงินทุนหมุนเวียน / กองทุน / โครงสร้าง / เทคโนโลยี
[อ่านบทความสร้างชุมชนเป็นผู้ผลิตและผู้คิดค้น: https://www.1poverty.com/2025/08/15a.html]
3. การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ จากอดีตและมองอนาคต
นำวิชาการ วิชาชีพ วิชาชีวิต มาพัฒนาท้องถิ่น: ได้แก่ สร้างมูลค่าจากภูมิปัญญา / รักษ์สิ่งแวดล้อม / เยาวชนเข้าสู่ระบบการศึกษา / ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
เกิดวัฎจักรเศรษฐกิจหมุนเวียนในท้องถิ่น: ได้แก่ ชาวบ้านมีกระเงินสดเพิ่มขึ้น / มีการซื้อขายวัตถุดิบระหว่างชุมชน / องค์กรมีเงินหมุนเวียน
สร้างชุมชนเป็นฐานการผลิตและผู้คิดค้นนวัตกรรม: ชาวบ้าน มีความคิดรู้สึกเป็นเจ้าของ เป็นผู้ผลิต ผู้คิดค้น และเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยตนเอง สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้กับท้องถิ่น
[อ่านบทความผู้สูงอายุกับภูมิปัญญา: https://www.1poverty.com/2025/07/17.html]
การลงทุนเพื่ออนาคตที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
การประเมินผลกระทบทางสังคม (SIA) และการประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) ไม่ใช่แค่เครื่องมือทางเทคนิค แต่เป็นปรัชญาในการทำงานที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและศักยภาพของคนใน ชุมชน
การลงทุนในกระบวนการประเมินเหล่านี้คือการลงทุนเพื่อสร้าง องค์ความรู้ ที่เป็นของ ชุมชน เอง เป็นการเสริมสร้างรากฐานความเข้มแข็งจากภายใน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
การคำนึงถึง SROI ในแง่ของมูลค่าทางสังคมควบคู่ไปกับการสร้าง ความรู้ และการมีส่วนร่วมของ ชุมชน จึงเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเป็นการสร้างอนาคตที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกันอย่างแท้จริง
เรื่อง: แตงโม สกลนคร 100868
โฆษณา