14 ส.ค. เวลา 04:19 • ครอบครัว & เด็ก

EP 1. Itarian Brainrot ทุง ทุง ทุง ซาฮูร่า ของเด็ก Gen Alpha

ทำไมมันจึงสำคัญ เราถึงได้หยิบยกมาเป็นบทความแรก ของ BrightSide เพราะว่ากำลังเป็น Trend ที่กำลังมาแรงและผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามันคืออะไร ลูกพูดอะไรอยู่หนี่ ทำไมอยู่ดีๆลูกพูดภาษาอิตาลีได้ วันนี้เราจะมาให้เกร็ดความรู้กัน
Brainrot แปลว่า สมองเน่า เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่คุณภาพต่ำหรือด้อยค่า โดย Oxford Dictionaries ยกให้ Brainrot เป็นคำแห่งปี 2024 โดยให้นิยามว่า เป็นภาวะการเสพสื่อออนไลน์คุณภาพต่ำอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและการรับรู้ เด็กจำนวนไม่น้อยเริ่มสัมผัสอาการนี้จากความเหนื่อยล้า สมาธิสั้น หรือการหมกมุ่นกับวิดีโอที่เต็มไปด้วยภาพเหนือจริงและวลีประหลาดซึ่งพวกเขาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกถ้าคิด มีอีกคำหนึ่งที่เชื่อมโยงกัน
ถ้านึกไม่ออกตัวอย่างคอนเทนต์ที่ถูกมองว่าเป็น "brain rot" ก่อนหน้านี้ได้แก่ "Skibidi Toilet ตัวละครหนึ่ง ซึ่งมีส่วนหัวเป็นมนุษย์ มีร่างกายเป็นชักโครก สามารถเคลื่อนไหวได้
‘Italian Brainrot’ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
มาถึงคำว่า Italian Brainrot คำกล่าวนี้ เริ่มต้นในเดือนมกราคม 2025 ถูกสร้างขึ้นโดยผู้สร้างชาวอิตาลี เลยเรียกว่า Italian Brainrot จนมีชาวเน็ตเอามาเล่นกันแพร่หลาย การใช้ AI สร้างภาพ (generate) และทำเป็นวิดีโอขึ้นมา ภาพที่ได้มักจะเป็นภาพของสัตว์/สิ่งมีชีวิตที่รวมเข้ากับสิ่งของบางอย่าง โดยอาจมีรายละเอียดที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง และใส่เสียง AI ที่พูดถึงชื่อและเล่าถึงตำนานสุดของแต่ละตัวด้วยด้วยสำเนียงการพูดแบบอิตาลี
โดยกลุ่มเด็กที่เข้าถึงหรือเสพสื่อส่วนมาก ก็ต้องเรียกว่าเป็นเด็ก Gen Alpha คือกลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 จนถึง พ.ศ. 2567 หรือเทียบเท่ากับ ค.ศ. 2010 ถึง 2024 หรือช่วงอายุที่อยู่ระหว่าง 1 – 15 ขวบ ลูกๆที่บ้านที่กลับมาพูดสำเนียงอิตาลีอยู่ที่บ้านใช่ช่วงอายุที่กล่าวไปหรือเปล่า
ถามว่าแต่ละตัวละคร ภาษาอิตาลีที่พูดอยู่ ใช่ภาษาอิตาลีจริงๆไหม (ถามว่าพูดแบบนี้จริงไหม ตอบเลยว่า ไม่จริงนะเป็นแค่สำเนียงท่านั้น) แต่จะมีบางคำในชื่อที่อาจจะคล้ายภาษาอังกฤษที่เราสามาระคาดเดาว่ามันคือตัวอะไร
Brain rot ส่งผลอย่างไร กับเด็ก
1. การเสพติดเนื้อหาที่ไม่สร้างสรรค์: การรับชมวิดีโอสั้นๆ หรือเนื้อหาที่ไม่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์หรือเรียนรู้อาจทำให้สมองเคยชินกับการรับข้อมูลแบบผิวเผิน
2. การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป: การใช้เวลาอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์มากเกินไป อาจทำให้เด็กขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกและส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางสมอง
3.การได้รับข้อมูลที่เป็นพิษ: การได้รับข่าวสารหรือข้อมูลที่ผิดพลาด หรือข้อมูลที่เป็นอันตราย อาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจและอารมณ์ของเด็ก
วิธีป้องกัน Brain Rot: คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองจะมีกลยุทธ์ หรือ วิธีการจัดการอย่างไร
1. จำกัดเวลาการใช้หน้าจอ: ควรกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ และส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การเล่นกีฬา การอ่านหนังสือ หรือการทำกิจกรรมนอกบ้าน
2. เลือกเนื้อหาที่มีคุณภาพ: ควรเลือกเนื้อหาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์
3. ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม: ควรสนับสนุนให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ และคนรอบข้าง
4. สอนให้เด็กคิดวิเคราะห์: ควรสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ และแยกแยะข้อมูลที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง
5. ฝึกสมาธิ:ควรหากิจกรรมที่ช่วยฝึกสมาธิ เช่น การทำสมาธิ หรือการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ
ชั่วโมงปลอดเทคโนโลยี เช่น ในช่วงเวลาอาหารหรือก่อนนอน ซึ่งเป็นโอกาสในการพูดคุยที่มีความหมายแบบเห็นหน้ากัน แม้ว่าการเลื่อนหน้าจอตอนดึกอาจดูน่าดึงดูดใจ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเก็บโทรศัพท์ให้พ้นมือเด็กในช่วงเวลานอน เพราะหน้าจอสามารถรบกวนรูปแบบการนอนหลับและส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
คุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายลองปรับใช้กันดูนะครับ
โฆษณา