9 ชั่วโมงที่แล้ว • หนังสือ

บทความ Blockdit ตอน สี่เซียนฮ่องกง

เดือนมิถุนายน ปี 2025 นักเขียน นักชิมอาหาร ไช่หลาน จากโลกไปในวัย 83 ความตายของเขาถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสี่เซียนฮ่องกง (香港四大才子 The Four Talents of Hong Kong) เขาเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่ตาย
สี่เซียนฮ่องกงประกอบด้วยนักเขียนสี่คน เขียนงานหลายสาย ที่แปลกคือทั้งสี่ไม่ได้เกิดที่ฮ่องกง แต่เปลี่ยนโฉมวัฒนธรรมแห่งฮ่องกง สังคม การเมือง ผ่านงานเขียนและศิลปะ ทั้งสี่ทำงานด้านนวนิยาย ภาพยนตร์ ละคร เพลงประกอบภาพยนตร์ วาไรตีโชว์ ไปจนถึงการชิมอาหาร สี่เซียนฮ่องกงเป็นภาพสะท้อนยุคทองทางวัฒนธรรมของฮ่องกงที่แพร่ไปทั่วเอเชีย
สี่เซียนฮ่องกงได้แก่ ไช่หลาน หวงจัน กิมย้ง และเหง่ยคัง
ไช่หลาน (蔡瀾 Chua Lam) เป็นคอลัมนิสต์ นักวิจารณ์อาหารนักจัดรายการโทรทัศน์และยังเป็นผู้สร้างหนังของค่ายโกลเดน ฮาร์เวสต์
เขาเกิดที่สิงคโปร์ ปี 1941 เคยทำงานที่ ชอว์ บราเดอร์ส บริษัทที่พ่อของเขาทำงานมานานปีในตำแหน่งนักเขียนบท
ครั้งหนึ่งไช่หลานบอก เซอร์ รัน รัน ชอว์ ว่า “ท่านทำหนังสี่สิบเรื่องต่อปี ทุกเรื่องทำเงินหมด ทำไมท่านไม่ทำหนังคุณภาพสักเรื่องที่ไม่ได้เงิน”
เซอร์ รัน รัน ชอว์ ตอบว่า “อ้าว! ถ้าทำเงินทั้งสี่สิบเรื่อง ทำไมผมจึงจะทำเรื่องที่ไม่ทำเงินล่ะ?”
ไช่หลานที่มีวิธีคิดต่างจากผู้บริหาร ชอว์ บราเดอร์ส ก็ไปทำงานกับบริษัทสร้างหนังอีกแห่งหนึ่งคือ โกลเดน ฮาร์เวสต์ สร้างดาราหนังหลายคน เช่น บรูซ ลี เฉินหลง
หนึ่งในหนังที่สร้าง บรูซ ลี จนโด่งดังคือ Fist of Fury คนเขียนบทก็คือเหง่ยคัง (แต่ไม่ได้รับเครดิตในหนัง) เขาเป็นคนสร้างตัวละคร เฉินเจิน (陳真) ที๋โด่งดังมาก และต่อมาปรากฏตัวในอีกหลายเรื่อง
เหง่ยคังหรือหนีควง (倪匡) เป็นนักเขียนมือทอง เขียนทั้งนิยายและบทภาพยนตร์จำนวนมหาศาล นวนิยายราว 300 เรื่อง (บางข้อมูลว่าอาจถึง 500 เรื่องโดยใช้นามปากกาอื่น) บทภาพยนตร์ราว 400 เรื่อง
เขาเกิดที่เซี่ยงไฮ้ในครอบครัวปัญญาชน
ปี 1951 อายุสิบหกหลังจบชั้นมัธยม เขาร่วมกับกองทัพปลดปล่อยประชาชน ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เจียงสู ต่อมาไปทำงานที่มองโกเลียใน และต้องโทษจำคุกสิบปี ข้อหา “ต่อต้านการปฏิวัติ”
เหง่ยคังให้การว่าเขาและทหารคนอื่นๆ แค่เอาไม้จากสะพานไปเป็นเชื้อเพลิงกันหนาว
กลางปี 1956 เขาหนีจากมองโกเลียใน เดินทางอย่างยากเย็น บางครั้งต้องเดินเท้า จนไปถึงเซี่ยงไฮ้ และหนีข้ามไปฮ่องกง
เขาไม่เคยหวนกลับจีนแผ่นดินใหญ่อีกเลย
เมื่อไปถึงฮ่องกง ตอนแรกเขาคิดทำงานใช้แรง แต่พบว่าตนเองเขียนหนังสือได้ งานแรกของเขาคือทำงานให้หนังสือพิมพ์ที่โปรก๊กมินตั๋ง และต่อมาเขียนบทความและนิยายลงหมิงเป้า หนังสือพิมพ์ของกิมย้ง
เหง่ยคังเขียนบทร่วมกับผู้กำกับจางเชอะ เช่น แค้นไอ้ด้วน (เดวิด เจียง คนละเรื่องกับเดชไอ้ด้วนที่แสดงโดยหวังหยู่), จอมโหดมนุษย์พิการ ฯลฯ
ครั้งหนึ่งกิมย้งไปท่องยุโรปเดือนกว่า ฝากฝังให้เหง่ยคังเขียนเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ลงทุกวัน เมื่อกลับมาก็ตกใจเมื่อเหง่ยคังหักทิศเรื่องทำให้ตัวละครอาจี้ (อาจื่อ) ตาบอด
ต่อมากิมย้งต้องแก้ไขใหม่
เหง่ยคังสนิทสนมกับกิมย้ง เหง่ยคังบอกว่ากิมย้งเป็นเพื่อนที่ดี เมื่อไปกินข้าวด้วยกัน กิมย้งจะคีบหัวปลาให้เขาเสมอ เขาคิดว่ากิมย้งไม่ชอบหัวปลา แต่ภายหลังรู้ว่ากิมย้งชอบกินหัวปลามาก แต่ยกของดีให้เพื่อนก่อน
เนื่องจากกลัวคอมมิวนิสต์เข้าไส้ กลัวว่าเมื่อฮ่องกงคืนสู่จีน จะกลายเป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว เหง่ยคังจึงย้ายถิ่นฐานไปอเมริกา ต่อมาก็ย้ายกลับฮ่องกง เพราะภรรยาปรับตัวกับชีวิตตะวันตกไม่ได้
เหง่ยคังเกลียดคอมมิวนิสต์ หนังสือของเขาถูกแบนในจีน
กิมย้ง (金庸) เป็นนักเขียนผู้สร้างโลกยุทธจักรแบบใหม่ เป็นต้นตำรับนิยายกำลังภายในที่เรารู้จักกันเวลานี้
ความจริงกิมย้งทำงานหลายสาย เช่น คอลัมนิสต์ นักเขียนบทภาพยนตร์ ผู้กำกับ แต่โลกรู้จักเขาในฐานะนักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายในมากกว่า
กิมย้งเกิดที่จีนแผ่นดินใหญ่ มาทำงานหนังสือพิมพ์ที่ฮ่องกง บิดาถูกพวกเรดการ์ดฆ่า
เขาทำงานหนังสือพิมพ์ระยะหนึ่ง ก็ลาออกมาเขียนนิยาย สร้างแนวทางใหม่ของนิยายจีนกำลังภายใน หลังจากประสบความสำเร็จจาก มังกรหยก ได้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์หมิงเป้า ทำงานทั้งนักหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการ และเขียนนิยายจีนกำลังภายใน เขียนบทวิจารณ์การเมืองและสังคม
เสียงของเขาเป็นสิ่งที่ผู้นำจีนทั้งจีนคอมมิวนิสต์และไต้หวันรับฟัง
เป็นเรื่องพบยากที่นักเขียนที่ประสบความสำเร็จในการเขียนนิยายอย่างสูงสุด ประสบความสำเร็จในธุรกิจเช่นกัน
เหง่ยคังบอกว่า “ที่ใดมีคนจีน ที่นั่นมีคนอ่านงานกิมย้ง”
อาจโดยบังเอิญหรือโดยทิศทางงานของกิมย้ง ทำให้กิมย้งเป็นตัวกลางที่เชื่อมงานของสี่เซียนฮ่องกง
ในบทบาทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ กิมย้งดูแลข้อเขียนของนักเขียนจำนวนมากที่ตีพิมพ์งานบนหน้าหมิงเป้า
แม้แต่ไช่หลานก็เขียน
1
หลังจากบทบาทนักจัดรายการโทรทัศน์และยังเป็นผู้สร้างหนัง ไช่หลานก็ไปเอาดีทางเขียนวิจารณ์อาหาร แนะนำร้านอาหารดีทั่วโลก ประสบความสำเร็จในงานสายนี้อย่างยิ่ง
ไช่หลานเขียนหนังสือกว่าสองร้อยเล่ม และเขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์หมิงเป้าของกิมย้ง
ในบทบาทนักประพันธ์ นวนิยายจีนของกิมย้งได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์จอเงินและโทรทัศน์มากครั้ง ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จคือเพลงประกอบภาพยนตร์
นี่เองที่กิมย้งสวนทางกับนักแต่งเพลงมือทอง หวงจัน
หวงจัน (黃霑 Huang Zhan หรือ James Wong Jim) เกิดที่กว่างตง โด่งดังจากงานสาย Cantopop เขาทำงานร่วมกับ โจเซฟ คู
Cantopop ก็คือเพลงป๊อป Cantonese (กวางตุ้ง) ที่เราคุ้นเคยคือเพลงประกอบภาพยนตร์โทรทัศน์ เช่น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ฤทธิ์มีดสั้น ดาบมังกรหยก ฯลฯ
เพลง กระบี่เย้ยยุทธจักร ที่สร้างจากงานของกิมย้งได้รับรางวัล
หวงจันประพันธ์เนื้อเพลงไปมากกว่าสองพันเพลง ผสมผสานเพลงแนวใหม่กับเพลงจีนคลาสสิกเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ยังเขียนคอลัมน์ บทภาพยนตร์ กำกับหนัง รายการโทรทัศน์ เติมความคิดสร้างสรรค์ให้วงการบันเทิง
กิมย้งหยุดเขียนนวนิยายในวัย 48
เหง่ยคังบอกว่ากิมย้งหมดเรื่องเขียนแล้ว เพราะงาน 15 ชิ้นของเขา ครอบคลุมประวัติศาสตร์และประเด็นชีวิตและสังคมหมดแล้ว
กิมย้งยอมรับว่าน่าจะจริง แต่เขายังทำงานในสายอื่น โดยเฉพาะสายสังคมและการเมือง
ส่วนเหง่ยคังเขียนหนังสือไม่หยุด จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อจับปากกา ไม่มีตัวหนังสือออกมา วันที่สองก็ยังไม่มีตัวหนังสือ ตามมาด้วยวันที่สาม
เมื่อนั้นเขาก็รู้ว่าถึงเวลาวางปากกาแล้ว
นี่คือยุคหนึ่งของฮ่องกง ยุคที่นักเขียนมีบทบาทต่อสังคม วัฒนธรรม และเป็นยุคที่มีสีสัน
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเรามองภาพรวม ก็จะแลเห็นอิทธิพลของงานแห่งสี่เซียนฮ่องกงแผ่ไปทั่ว
ศิลปะทับซ้อนศิลปะ ศิลปะต่อยอดศิลปะ งานของสี่เซียนฮ่องกงถึงจะเป็นคนละสาย แต่เกี่ยวร้อยกัน และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมและวัฒนธรรม เป็น soft power ที่แท้จริง
แต่จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือมุมมองของสี่เซียน ขณะที่กิมย้งใช้ความรู้และปัญญาเป็นหัวหอกนำทางสังคม ไช่หลานกลับมีมุมมองต่อชีวิตแบบสบายๆ สะท้อนตามปรัชญาของเขาคือ 吃吃喝喝 (แปลตรงตัวว่า กินกินดื่มดื่ม)
กิมย้งเองก็ชื่นชอบวิถีของไช่หลาน บอกว่าไช่หลานเป็นพวกที่ไม่มีกฎตายตัวอย่างแท้จริง “ไช่หลานรู้จริงเรื่องสุรา สตรี งาน หนัง อาหาร และมีความจริงใจ ไม่มีกฎตายตัว และใช้ชีวิตสบายๆ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถหัวเราะอย่างจริงใจเมื่อประสบความสูญเสียและประสบการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมย์ ทัศนคติแบบนี้ก็คล้ายวิถีมองชีวิตของตัวละคร ‘เหล็งฮูชง’ ใน กระบี่เย้ยยุทธจักร
ไช่หลานในวัย 75 กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าผมได้ใช้ชีวิตอย่างวิเศษกว่าคนทั่วไป”
ใครก็ตามที่สร้างรอยเท้าลึกขนาดคนจดจำ ย่อมได้ใช้ชีวิตอย่างวิเศษกว่าคนทั่วไป
1
โฆษณา