Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
15 ส.ค. เวลา 03:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
5 หุ้นน่าสะสมช่วงดอกเบี้ยขาลง ระยะกลาง-ยาว ผลงานฟื้นตัวต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทยเริ่มได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยหนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญคือแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยที่ปรับลดลงทั่วโลก ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและกลุ่มหุ้นที่อ่อนไหวต่อทิศทางดอกเบี้ย โดยล่าสุด ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี สะท้อนภาพชัดเจนว่าวงจรดอกเบี้ยขาลงกำลังเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค รวมถึงเอเชียในช่วงที่เหลือของปีนี้
ในขณะที่ฝั่งไทย กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี สอดคล้องกับคาดการณ์ของ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ที่ประเมินว่าทุกๆ การลดดอกเบี้ย 0.25% จะส่งผลบวกต่อตลาดราว 50-55 จุด นอกจากนี้ยังมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มการเงิน (KTC, MTC) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC) และกลุ่มหนี้สูง (CPALL) มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องในระยะกลางถึงยาว
สำหรับแนวโน้มและคำแนะนำการลงทุนสำหรับ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC บล.กรุงศรี ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 40.00 บาท โดยปัจจัยหนุนสำคัญมาจาก 1.) กนง. ลดดอกเบี้ย -25 bps 2.) นโยบายการเงินและการคลังที่สอดประสานมากขึ้นในระยะถัดไป จุดที่น่าจะคืบหน้าเร็วที่สุด คือ มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ซึ่งจะบวกต่อ KTC ลำดับต้น โดยล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณแนวโน้มเงื่อนไขของ BOT ให้ธนาคารยืดหยุ่นขึ้น 3.) เป็นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ที่ยัง Laggard
พร้อมทั้งแนะนำ “ซื้อ” บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ด้วยราคาเป้าหมาย 58.00 บาท และคงเป็น Top Pick ของกลุ่ม Consumer Finance คู่กับ KTC เพราะ 1.) มีการพัฒนาการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ในเชิงบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/66 และการตามเก็บหนี้ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อในปี 2568 2.) ได้ผลบวกจากดอกเบี้ยขาลง 3.) คาดผลประกอบการไตรมาส 3/68 ถึงปี 2568 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
รวมถึงแนะนำ “ซื้อ” บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ด้วยราคาเป้าหมาย 56.50 บาท โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 3/68 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจาก 1.) ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังควบรวม 2.) คาดส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นจากผลของการปรับค่า CP ในตลาด PJM สหรัฐเป็น 270$/MW-day เต็มไตรมาส 3.) ผลของการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ในไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 ได้แก่ โรงไฟฟ้าหินกองเฟส 2 ขนาด 700 MW, โรงไฟฟ้า GPD unit 4 ขนาด 663 MW, โรงไฟฟ้าโซลาร์ขนาด 295 MW
ขณะที่แนะนำ “Neutral” บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ด้วยราคาเป้าหมาย 37.00 บาท โดยมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อโอกาสในการลงทุน 1.) M&A โรงไฟฟ้าเดิมในกลุ่ม PTT และ 2.) การขยายเข้าสู่ธุรกิจ Megatrend อย่าง Data Center เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยประเมินการลงทุนโรงไฟฟ้าในกลุ่ม PTT เดิมเป็น Quick win ที่จะเพิ่มกำไรและ MW growth ให้แก่ GPSC ในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี จุดสำคัญคือปริมาณ CAPEX ที่จะใช้ลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นคาดควรอยู่ในระดับไม่เกิน 70 ลบ./MW จึงจะสามารถรักษา Project IRR ให้อยู่ในระดับ 10% ได้ ขณะที่ Data Center ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นศึกษา ทำให้ต้องติดตามความคืบหน้าในระยะถัดไป
นอกจากนี้ยังแนะนำ "ซื้อ” บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ด้วยราคาเป้าหมาย 80.00 บาท โดยกำหนดราคาเป้าหมายที่ 25 เท่าของ P/E ปี 2568 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -1SD อีกทั้งมองว่า CPALL เป็นผู้ค้าปลีกที่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ดีที่สุด ความเสี่ยงหลักคือความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การลงทุน
เศรษฐกิจ
หุ้น
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย