15 ส.ค. เวลา 11:00 • ธุรกิจ

‘การบินไทย’ทุ่ม 1.3หมื่นล้าน ลงทุนดอนเมือง-อู่ตะเภา ขยายศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน

การบินไทย รุกขยายธุรกิจศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) มูลค่าการลงทุนกว่า 1.3 หมื่นล้าน รองรับฝูงบิน 150 ลำ ดันรายได้เพิ่ม โดยทุ่มงบกว่า 3 พันล้านยกระดับศูนย์ซ่อมดอนเมือง รองรับการซ่อมเครื่องยนต์ CFM Leap สำหรับเครื่องบินแอร์บัส A321 Neo ควงบางกอกแอร์เวย์สทุ่ม 1 หมื่นล้าน เสนอตัวลงทุนศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา ปลายกันยายนนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังนำหุ้น THAI กลับเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ล่าสุดราคาหุ้นยังวิ่งอยู่ที่ 16-18 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap.) รวม 4.18 แสนล้านบาท นับเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดลำดับที่ 10 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าการบินไทยได้ตอบรับจากนักลงทุนเป็นไปในทิศทางที่ดีมาก และราคาหุ้นยังคงทรงตัวแข็งแรง ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อการบินไทย มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน แต่ก็แสดงสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่อง และถือว่าแข็งแกร่งกว่าการเทรดก่อนหน้าแผนฟื้นฟูเป็นอย่างมาก
ภาพรวมแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน และความมั่นใจของประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงที่การบินไทยได้ดำเนินการไปภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งสะท้อนออกมาในตัวเลขทางการเงินของบริษัท
ต่อไปเป้าหมายในตลาดหลักทรัพย์ฯ การบินไทยมีความประสงค์ที่จะเข้าสู่ดัชนี SET 50 แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ในเรื่องของรอบการคำนวณและการยื่น คาดว่าจะสามารถยื่นคำขอได้ประมาณกลางปีหน้า ปัจจุบันการบินไทยอยู่ในกลุ่ม Top 10 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ การเข้า SET 50 จะช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถเข้าซื้อหุ้นของการบินไทยได้
ชาย เอี่ยมศิริ
นายชาย ยังกล่าวต่อถึง ทิศทางรายได้ของการบินไทยว่าเป็นไปในทางที่ดี สอดคล้องกับแผนที่วางไว้ ล่าสุดในช่วงไตรมาส 2 บริษัทมีกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท ทำได้ดีตามเป้าหมาย และคาดว่าไตรมาส 3 และ 4 ก็จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเช่นกัน ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่มาจากการบินระยะไกล และไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวมากนัก
รวมถึงความพยายามเช่าเครื่องบินเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาให้บริการ ระหว่างที่การจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 45 ลำ จะเริ่มทยอยรับมอบลำแรก จากเดิมกลางปี 2570 เป็นปลายปี 2570 การตัดสินใจว่าจะซื้อหรือเช่าซื้อเครื่องบิน 45 ลำ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า โดยจะพิจารณาจากผลประกอบการและสภาพคล่องทางการเงิน
หากมีเงินสดเพียงพอ การซื้อถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็อาจต้องผสมผสานระหว่างการซื้อ การเช่าซื้อ (Finance Lease) และการเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) การซื้อและการเช่าซื้อจะทำให้เครื่องบินเป็นกรรมสิทธิ์ของการบินไทยในที่สุด ขณะที่การเช่าดำเนินงานเครื่องบินจะไม่เป็นของบริษัทเมื่อสิ้นสุดสัญญา งบประมาณการลงทุนรวม 120,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องบิน การปรับปรุง และเงินมัดจำส่วนหนึ่ง
ขณะเดียวกันการบินไทย ยังมองถึงการขยายการลงทุนในธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศ (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) แม้ปัจจุบัน รายได้จากธุรกิจ MRO ของการบินไทยยังถือว่ามีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมด แต่ธุรกิจนี้ถือเป็นจุดโฟกัสสำคัญของการบินไทย ในการซ่อมบำรุงเครื่องบินของการบินไทย ตามแผนขยายฝูงบินเพิ่มเป็น 103 ลำในปี 2569 เพิ่มเป็น 116 ลำในปี 2570
โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่ 150 ลำในปี 2576 และการเพิ่มรายได้ในอนาคต จากสายการบินลูกค้า ทำให้การบินไทยมีศักยภาพในการซ่อมบำรุงที่มั่นคง เนื่องจากหากต้องพึ่งพาการซ่อมบำรุงจากประเทศอื่น ๆ จะทำให้ขาดความมั่นคงในการดำเนินงาน
ทั้งนี้การบินไทยมีแผนขยายการลงทุนใน “ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานดอนเมือง” โดยการบินไทยมีแผนลงทุนเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงซ่อมเครื่องยนต์ใหม่และจัดซื้อเครื่องมือต่างๆ เพื่อขยายขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง โดยเป็นการซ่อมเครื่องยนต์ CFM Leap สำหรับเครื่องบิน Airbus A321 Neo ซึ่งการบินไทยจะทยอยรับมอบ 32 ลำภายในสิ้นปีนี้ การซ่อมเครื่องยนต์รุ่นนี้ถือเป็นความสามารถใหม่ที่การบินไทยไม่เคยทำได้มาก่อน ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการส่งเครื่องยนต์ไปซ่อมบำรุงในต่างประเทศ
ไทม์ไลน์การลงทุนเฟสแรกประมาณ 400 ล้านบาทแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ On-site visit support (เฟสแรก), Quick Turn (เฟสสอง), และ Shop Visit (เฟสสาม) คาดว่าจะสามารถซ่อมบำรุงได้เต็มที่ในระดับ Shop Visit ใน ต้นปี 2571 และ Quick Turn ในต้นปี 2570 ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและฝึกอบรมบุคลากร ในระยะเริ่มต้นนี้ ศูนย์ซ่อมดอนเมืองสามารถรับลูกค้ารายอื่นในส่วนของ On-site visit ได้ด้วย
อีกทั้งในอนาคต การบินไทยจะสามารถซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ของเครื่องบินลำตัวกว้าง เช่น Boeing 777-300ER (GE 90) และเครื่องยนต์ GE X (สำหรับ Boeing 787 และเครื่องบินใหม่ในอนาคตตามแผนจัดหาของการบินไทยได้ด้วย) ซึ่งปัจจุบัน ศูนย์ซ่อมดอนเมืองสามารถซ่อมเครื่องยนต์รุ่นเก่าได้ เช่น CFM56-60 การลงทุนนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์รุ่นใหม่
รวมถึงแผนการลงทุน “ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา” ซึ่งขณะนี้การบินไทยเตรียมยื่นหนังสือแสดงความจำนงไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อขอเช่าพื้นที่ บนพื้นที่ 210 ไร่ ซึ่ง EEC ได้แจ้งให้การบินไทยยื่นข้อเสนอสำหรับการเช่าพื้นที่ระยะเวลา 50 ปี ซึ่งการบินไทย ต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นด้วยซึ่งทาง EEC เปิดให้ผู้ประกอบการสัญชาติไทยเสนอโครงการเข้ามาได้
การบินไทยยังคงร่วมมือกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ในการเข้าเสนอตัวเข้าไปดำเนินการ แต่รายละเอียดรูปแบบความร่วมมือยังอยู่ระหว่างการหารือ การบินไทยมีความมั่นใจในโครงการนี้ เนื่องจากมีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งความเชี่ยวชาญด้าน MRO และทุนจดทะเบียนตามที่กำหนด และต้องเป็นนิติบุคคลสัญชาติ
การลงทุนในโครงการนี้เฉพาะในส่วนการบินไทยอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โครงการนี้ถือเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานขนาดใหญ่ของการบินไทย โดยจะสามารถรองรับเครื่องบินได้ทุกแบบ โดยเฉพาะเครื่องบินลำตัวกว้าง เช่น โบอิ้ง 787, โบอิ้ง 777, และแอร์บัส A350 ในเฟสแรกจะรองรับเครื่องบินลำตัวกว้างได้พร้อมกัน 6 ลำ ตามแผนภายใน 1 ปีรองรับการซ่อมบำรุงเครื่องบินลำตัวกว้าง 70 ลำ รวมถึงยังรองรับการซ่อมเครื่องบินลำตัวแคบด้วย
การบินไทย หวังว่าจะลงนามสัญญาเช่าพื้นที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ การก่อสร้างคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2571 ประมาณการรายได้จากศูนย์ซ่อมบำรุงอู่ตะเภาในระยะเริ่มต้นอยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี แม้รายได้จะไม่สูงมากในช่วงแรก แต่จะสามารถให้บริการซ่อมบำรุงแก่ลูกค้ารายอื่น ๆ
นอกเหนือจากเครื่องบินของการบินไทยเองได้ในอนาคตอย่างแน่นอน นอกจากโรงซ่อมหลักแล้ว โดยรอบพื้นที่ศูนย์ซ่อมอู่ตะเภายังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น Component Shop และโรงพ่นสี (Paint Shop) การบินไทยจะมีการคัดเลือกพันธมิตรที่มีศักยภาพสำหรับแต่ละกิจกรรม
ขณะที่ “ศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ปัจจุบันมีความสามารถเทียบเท่ากับที่ดอนเมือง และยังไม่มีแผนพัฒนาเพิ่มเติมที่สำคัญในขณะนี้ แม้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. อาจมีแผนเปิด MRO เพิ่มเติมในสนามบินสุวรรณภูมิ การบินไทยก็มีขีดความสามารถรองรับอยู่แล้ว
โดยศูนย์ซ่อมสุวรรณภูมิจะเน้นงานบำรุงรักษาและซ่อมแซม (Maintenance and Repair) มากกว่าการยกเครื่อง (Overhaul) ซึ่งจะไปดำเนินการที่อู่ตะเภา การบำรุงรักษาแบบ Line Maintenance ไม่ต้องการพื้นที่มาก และสามารถขยายการให้บริการแก่ลูกค้าได้อยู่แล้ว นายชาย กล่าวทิ้งท้าย
โฆษณา