Product Costs vs Period Costs
Product Costs vs Period Costs
นี่เป็นการจำแนกต้นทุนที่สำคัญ เพราะมีผลต่อการบันทึกบัญชีและการจัดทำงบการเงิน
Product Costs (ต้นทุนสินค้า)
คือ ต้นทุนที่เกิดขึ้นเพื่อให้ได้สินค้ามาพร้อมขาย
ใน บริษัทผู้ผลิต จะรวม:
Direct Materials (DM) – วัตถุดิบที่เป็นส่วนสำคัญของสินค้าสำเร็จรูป และติดตามต้นทุนได้ตรง
Direct Labor (DL) – ค่าแรงของคนงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิต
Manufacturing Overhead (MOH) – ต้นทุนการผลิตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่วัตถุดิบตรงหรือแรงงานตรง เช่น ค่าไฟฟ้าโรงงาน, ค่าเสื่อมเครื่องจักร, ค่าแรงหัวหน้างาน
การบันทึก: Product Costs จะไม่บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทันที แต่จะเข้าบัญชี สินค้าคงเหลือ (Inventory) บนงบดุลก่อน
เมื่อขายสินค้า → ต้นทุนนี้จะถูกโอนเป็น Cost of Goods Sold (COGS) ในงบกำไรขาดทุน
ตัวอย่าง
ซื้อเหล็ก 100,000 (DM) + ค่าแรงประกอบ 50,000 (DL) + ค่าไฟโรงงาน 20,000 (MOH)
→ ต้นทุน 170,000 จะอยู่ใน Inventory จนกว่าสินค้าจะถูกขาย
Period Costs (ต้นทุนงวดบัญชี)
คือ ต้นทุนที่ ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสินค้าคงเหลือ
บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทันทีในงวดที่เกิด
รวมถึง:
Selling Costs – ค่าโฆษณา, ค่าขนส่งส่งมอบสินค้า, เงินเดือนฝ่ายขาย
Administrative Costs – เงินเดือนฝ่ายบัญชี, ฝ่ายบุคคล, ค่าใช้จ่ายสำนักงาน
ตัวอย่าง
ค่าโฆษณา 30,000 และเงินเดือนพนักงานบัญชี 40,000 ในเดือน ก.พ.
→ บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายขายและบริหาร (SG&A) ของเดือน ก.พ. เลย
📌 สรุปสั้น ๆ
Product Costs = DM + DL + MOH → อยู่ใน Inventory จนกว่าจะขาย
Period Costs = SG&A → ตัดเป็น Expense ทันที
การไหลของต้นทุน (Cost Flows)
ในโรงงาน การไหลของต้นทุนมีลำดับดังนี้:
Raw Materials Inventory
วัตถุดิบเริ่มต้น + ซื้อเพิ่ม – วัตถุดิบคงเหลือปลายงวด = วัตถุดิบใช้ไป (Direct Materials Used)
Work in Process (WIP) Inventory
DM Used + DL + MOH + WIP ต้นงวด – WIP ปลายงวด = Cost of Goods Manufactured (COGM)
Finished Goods Inventory
COGM + Finished Goods ต้นงวด – Finished Goods ปลายงวด = COGS
พฤติกรรมต้นทุน (Cost Behavior)
Variable Costs (ต้นทุนผันแปร)
รวม เปลี่ยนแปลงตามระดับกิจกรรม เช่น ผลิตมากขึ้น → ค่าแรงตรงเพิ่ม, ค่าวัตถุดิบเพิ่ม
ต่อหน่วย คงที่
ตัวอย่าง: ค่าวัตถุดิบ, ค่าแรงตรง, ค่าขนส่งต่อหน่วย
Fixed Costs (ต้นทุนคงที่)
รวม คงที่ในช่วงระดับกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง (Relevant Range)
ต่อหน่วย เปลี่ยนแปลง (ปริมาณเพิ่ม → ต้นทุนต่อหน่วยลดลง)
แบ่งเป็น:
Committed Fixed Costs – ลดไม่ได้ในระยะสั้น (เช่น ค่าเสื่อมโรงงาน, ภาษีที่ดิน)
Discretionary Fixed Costs – ปรับได้ตามการตัดสินใจ (เช่น งบโฆษณา, R&D)
Mixed Costs (ต้นทุนผสม)
การวิเคราะห์ Mixed Costs ด้วย Least-Squares Regression
ใช้หาค่า a (Fixed cost) และ b (Variable cost per unit) จากข้อมูลหลายจุด
ทำให้ประมาณการแม่นกว่าการใช้วิธี High-Low เพราะใช้ข้อมูลทุกจุด
ขั้นตอนใน Excel:
=SLOPE(known_y's, known_x's) → ได้ b
=INTERCEPT(known_y's, known_x's) → ได้ a
=RSQ(known_y's, known_x's) → ได้ R² บอกความแม่นยำ (ใกล้ 100% ดีกว่า)
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
