Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 05:01 • ธุรกิจ
🔥✨ "สาธุ Commercial" กับโมเดลธุรกิจความหวัง
“จุดเทียนหนึ่งเล่ม มูลค่าหลายร้อยล้าน?”
เช้าวันเสาร์ไถ อ่านเพื่อลบข้อความที่หลายธุรกิจต่างยิง Line message เพื่อทำการตลาดกันตามปกติ พบข้อความทำให้ฉุกคิดหนึ่งเขียนว่า
📆 วันที่ 16 สิงหาคม 2568 จะมี "พิธีเสริมดวง เปิดทรัพย์เศรษฐี" ถูกโปรโมตผ่าน Line ซึ่งมีข้อความลักษณะนี้เผยอ่าน Social ต่างๆ เป็นภาพประกอบคุ้นตา เช่น เทียน จุดบูชา พระพิฆเนศ พญานาคราช และข้อความปลุกเร้า เช่น "ปลดล็อกพลังการเงิน ดึงดูดทรัพย์ เสริมบารมี" โดยมีรายละเอียดราคาเรียบง่ายแต่สะดุดใจว่า "เพียง 299 + อายุ = ยอดโอน"
นี่ไม่ใช่แค่พิธีกรรม...แต่นี่คือปรากฏการณ์ทางธุรกิจระดับชาติ ที่เรียกได้ว่าเป็นการผสานกันระหว่าง "ความเชื่อ" และ "การตลาด" อย่างลงตัว — และมันมีชื่อเรียกเฉพาะว่า "สาธุ Commercial" (Sathu Commercial)
====
🧭 “พิธีกรรม + ความหวัง = โมเดลเศรษฐกิจใหม่”
ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง ผู้คนจำนวนมากกำลังมองหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะเมื่อรายได้ไม่แน่นอน การงานไม่มั่นคง ความเชื่อกลายเป็นสิ่งที่ให้พลังใจมากกว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจใดๆ
และในโลกที่มือถือคือหน้าร้านใหม่ของทุกธุรกิจ “ศรัทธา” ก็ถูกออกแบบให้ขายง่ายในรูปแบบดิจิทัล
* จุดเทียนผ่านหน้าจอ
* ขอพรผ่าน QR Code
* ทำพิธีผ่านไลฟ์สด เป็นต้น
Package เหล่านี้มาในรูปของโปรโมชั่น ตัวอย่างเช่น “16 สิงหา วันฤกษ์เศรษฐี” พร้อมตัวอย่างวิธีคำนวณราคา: 299 + อายุของคุณ = ยอดโอน เช่น อายุ 30 ปี เท่ากับโอน 329 บาท
นี่ไม่ใช่แค่ gimmick— แต่มันคือ Personalized Pricing (การตั้งราคาตามข้อมูลส่วนบุคคล) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “พิธีนี้ออกแบบมาเพื่อฉัน”
====
📊 ทำไมธุรกิจนี้เติบโตในช่วงวิกฤต?
* 🔻 เศรษฐกิจไม่แน่นอน → ความกลัวเพิ่ม
* 🔮 ความกลัวเพิ่ม → ความเชื่อเติบโต
* 📱 เทคโนโลยีพร้อม → บริการศรัทธาเข้าถึงง่าย
ข้อมูลจาก LINE ดูดวง (ครึ่งปีแรก 2568) ระบุว่า คนไทยกว่า 88% เชื่อในเรื่องมูเตลู โดยเฉพาะด้านการเงิน สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อแพ็กเกจเสริมดวงมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
หน่วยงานรัฐอาจยังตามไม่ทัน แต่ผู้ประกอบการสายบุญจับเทรนด์นี้ได้ดีเยี่ยม ทั้งการสร้างความเร่งด่วนผ่านฤกษ์มงคล การใช้ภาพศักดิ์สิทธิ์สร้างแรงดึงดูด และการใช้ "โอนง่าย-ได้บุญเร็ว" เป็นข้อเสนอหลัก
====
🔎 เมื่อดวงถูกทำให้กลายเป็น "สินค้า"
1. ศรัทธา = สินค้า: ความศรัทธาที่ควรจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถูกบรรจุลงกล่องให้พร้อมซื้อ เช่น พิธีเสริมดวงเรียกโชคลาภ รับทรัพย์-เพิ่มบารมี ที่มีราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่น โดยคำว่า "เห็นผลเร็ว" กลายเป็น Key Selling Point คล้ายกับคำโฆษณาผลิตภัณฑ์ด้านความงาม
2. พิธีกรรม = บริการ: การจุดเทียน, สวดมนต์, ถวายของบูชา ถูกจัดเป็นแพ็กเกจบริการแบบครบวงจร เสมือนบริการหลังการขาย ที่ผู้ซื้อไม่ต้องทำเอง เพียงแค่ "โอนเงินแล้วส่งชื่อ-วันเกิด" ทุกอย่างจะจัดการให้เสร็จราวกับ Call Center ด้านจิตวิญญาณ
3. ฤกษ์ดี = Campaign Date: ฤกษ์งามยามดี เช่น วันที่ 16 ส.ค., วันพระใหญ่, หรือจันทรุปราคา ถูกใช้เป็นตัวเร่งยอดขาย เหมือนกับการจัดโปรโมชัน 11.11, Flash Sale หรือ Black Friday ในโลกออนไลน์ เพื่อเร่งการตัดสินใจและสร้าง FOMO ว่า "ถ้าพลาดวันนี้ จะไม่โชคดีอีกนาน!"
4. ยอดโอน = KPI: จำนวนยอดโอนกลายเป็นตัวชี้วัดความศักดิ์สิทธิ์ เช่น "พิธีนี้มีคนร่วม 9,999 คน" หรือ "มีคนถูกหวยงวดก่อนเพียบ!" ซึ่งไม่ได้ต่างจากการโชว์ยอดผู้ใช้งานหรือยอดขายในธุรกิจสตาร์ทอัปและอีคอมเมิร์ซ ที่ใช้เป็นหลักฐานทางสังคม (Social Proof) เพื่อปิดการขายในรอบถัดไป
การนำเสนอด้วยโครงสร้างนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ศรัทธาขายง่ายขึ้น แต่ยังแฝงกลยุทธ์ทางการตลาดระดับโลก เช่น
* Tiered Offering: มีหลายระดับราคา ตั้งแต่แบบออนไลน์ราคาย่อมเยาว์ จนถึงทำพิธีส่วนตัวกับอาจารย์ชื่อดัง
* Scarcity: จำกัดจำนวนผู้ร่วมพิธี เช่น รับแค่ 108 คน เพื่อให้รู้สึกว่าเป็นโอกาสพิเศษ
* Personalization: ปรับพิธีตามอายุ, วันเกิด, วันตกฟาก หรือราศี เพื่อให้รู้สึกว่า "พิธีนี้ออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะ"
ทั้งหมดนี้เปลี่ยน "ความเชื่อ" ให้กลายเป็น "การตลาด" อย่างแนบเนียน และยากที่จะปฏิเสธได้ว่า ศรัทธากำลังกลายเป็นธุรกิจที่ใช้หลักการไม่ต่างจาก Start-up Technology ชั้นนำ
====
🧩 เมื่อ “ความเชื่อ” ถูกเปลี่ยนให้เป็น “สินค้า”…ใครได้? ใครเสีย?
ในท้ายที่สุด…เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “ความเชื่อ” เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ — ทั้งในทางศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ไปจนถึงธุรกิจการค้า และเมื่อมนุษย์ต้องการความหวัง ท่ามกลางโลกที่ไม่แน่นอน…ตลาดของ “สิ่งที่มองไม่เห็น” จึงเติบโตได้เสมอ
แต่นั่นแหละครับ…เมื่อ “ความเชื่อ” กลายเป็น “พฤติกรรมผู้บริโภค” และถูกดึงเข้าไปอยู่ในวัฏจักรการตลาด — ปรากฏการณ์ “บูชาด้วยเงิน” หรือ “กราบไหว้ด้วยบัตรเครดิต” จึงเกิดขึ้นได้อย่างชอบธรรมในสายตาใครหลายคน
คำถามสำคัญไม่ใช่ว่าเราจะ “ห้าม” หรือ “เหยียด” ใครที่มีความเชื่อที่ต่างจากเรา แต่เราต้องกล้าย้อนกลับมาถามว่า…
* ธุรกิจที่ใช้ “ความกลัว” มาเป็นจุดขายนั้น ทำลายจิตวิญญาณของศรัทธาหรือไม่?
* ผู้บริโภคที่เชื่อ…มีข้อมูลที่รอบด้านเพียงพอไหม หรือแค่ถูกโน้มน้าวผ่านกลวิธีการตลาด?
* และรัฐควรทำหน้าที่เป็นเพียง “ผู้เฝ้ามอง” หรือควรเป็น “ผู้ดูแล” เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพกับจริยธรรม?
🧭 คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
แต่หากเรายังอยากอยู่ในสังคมที่ศรัทธายังมีเกียรติ…เราคงต้อง “แยกแยะ” ให้ได้ว่าอะไรคือศาสนา อะไรคือธุรกิจ และอะไรคือการใช้ความเชื่อเพื่อหากินอย่างไม่รับผิดชอบ
====
🧠 ทางออกอยู่ที่ "สติ" ไม่ใช่แค่ยอดโอน
ผู้เขียนไม่ได้มีปัญหากับความเชื่อ หรือการมีพิธีกรรม เพราะมนุษย์เราต่างต้องการที่พึ่งใจในบางช่วงของชีวิต แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ “ความตื่นรู้” ต่อโมเดลที่อยู่เบื้องหลังความศรัทธานั้น
ถ้าเรารู้ทัน เราก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อ และสามารถเลือก “ศรัทธา” อย่างมีสติ มีขอบเขต และมีความหมายที่แท้จริง
อย่าให้ “พลังแห่งความเชื่อ” กลายเป็น “ช่องทางค้ากำไร” โดยไม่มีใครกล้าถาม
#วันละเรื่องสองเรื่อง #SathuCommercial #มูเตลูเศรษฐศาสตร์ #การตลาดศรัทธา #เศรษฐกิจความเชื่อ
#มูเตลู
ธุรกิจ
มูเตลู
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย