-โปรเจคต์ร่วมระหว่าง Alan (Al = The Alchemist) และ Freddie (Fredo = Freddie Gibbs) ได้กลายเป็น partner in crime ที่น่าจับตามองที่สุดในแบบที่สถาบัน Grammy Awards ยังเห็นค่าด้วยการลิสท์เป็น nominee สาขา Best Rap Album ซึ่งในปีนั้นพวกเขาพ่ายให้กับ Nas จากอัลบั้ม King’s Disease นั่นเอง
-ในช่วง 5 ปีก็แยกย้ายต่างคนต่างปล่อยผลงานไปตามปกติ ที่เจอหน้าบ่อยเป็นพิเศษก็คงหนีไม่พ้นเฮีย Alan ที่เดินสายโปรดิวซ์ให้ศิลปินฮิปฮอปมากหน้าหลายตานับไม่ถ้วน และยังมี collaboration ที่นอกเหนือจาก Freddie ก็มี Earl Sweatshirt กับอัลบั้ม Voir Dire , Armand Hammer กับอัลบั้มหัวหมู Haram เมื่อต้นปีนี้ก็เพิ่งทำ Life is Beautiful ร่วมกับ 2 Chainz และ Larry June เรียกได้ว่าเทรนด์ Drumless, Jazz Rap จากเฮียอลันเป็นฮิปฮอปทางเลือกที่ตีคู่มากับ Emo Trap เลยทีเดียว
-สำหรับ mood and tone เพลงส่วนใหญ่ค่อนข้างประนีประนอมกว่าภาคแรก นั่นทำให้บางเพลงต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความเข้มขลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าตีมการพรรณนาถึงประสบการณ์สุดโชกโชนและโหดร้ายในอดีตของเฮีย Freddie จะจางหายไปโดยง่าย
-เฉกเช่น Ensalada ที่เฮีย Freddie ยังคงเตือนให้เราระลึกถึงการพยายามเอาตัวรอดจากความโหดร้ายทั้งหลายที่เป็นดั่งฝันร้ายที่ไม่มีทางฝันเฟื่องถึงชีวิตที่ดีกว่าได้เลย สิ่งแรกที่ควรทำไม่น่าจะใช่การไล่ล่าตามความฝัน แต่หาเงินให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรก ถือเป็นตัวอย่างเพลง radio friendly เข้มข้นกำลังดี Anderson .Paak ถือเป็นช้อยส์ที่ดีในการถ่ายทอดท่อนฮุกสุดปลงกับการต้องหลีกหนีจากความวุ่นวายจากสังคมที่อุดมไปด้วยคนทำเลวแล้วได้ดี
I reminisce on what this shit did done to me
A lotta white sheet, yellow tape dreams
When your life a nightmare, you can't dream
So instead of runnin', tryna chase dreams
I was makin' sure the safe clean
Freddie Gibbs - Ensalada
-Skinny Suge II เพลงภาคต่อที่ยืนพื้นความเข้มขลังมากที่สุดในอัลบั้มนี้ ผิดจาก 1995 เพลงภาคต่อ 1985 อันเป็นแทร็คเปิด Alfredo เช่นกัน กลับกลายเป็นว่า 1995 เปิดด้วยท่าทีที่เป็นมิตรกว่า ไม่เน้นความ swag พร้อมบวก ในพาร์ท 2 ของเพลงยังคงลงลายเซ็นต์ริฟกีตาร์แบบเดียวกับภาคแรก Lemon Pepper Steppers เป็นตัวตั้งตัวตีโชว์แร็ปรัวๆที่ยังคงลื่นไหลพอๆกับเพลง God Is Perfect
-การดิสยังคงมี พุ่งเป้าไปที่ Benny The Butcher (อดีตเพื่อนร่วมฟีทเจอร์ตั้งแต่เพลง Frank Lucas ในภาคแรก) เยาะเย้ยอาการขาเจ็บของแร็ปเปอร์ถิ่น Buffalo ในเพลง Empanadas แร็ปเปอร์ที่หลายคนหมายหัวอย่าง Gunna ก็ยังคงตกเป็นเป้าอย่างต่อเนื่อง ควบด้วยการดิส DJ Akademiks ในแบบขยี้ให้แหลกว่า “ไอ้เหี้ยอ้วน” ในเพลง Lavish Habits
-เพลงที่น่ารักและ gentle ที่สุดคงหนีไม่พ้น I Still Love H.E.R. นอกจากเป็นการไหว้ครูเพลง I Used To Love H.E.R. ของ Common แล้ว ยังเป็นเพลงชื่อเดียวกันกับเพลงของ Teriyaki Boyz แร็ปกรุ๊ปญี่ปุ่นเจ้าของเพลง TOKYO DRIFT อันลือลั่น ทั้งเวอร์ชั่นของเฮีย Freddie และ Teriyaki Boyz ต่างมีจุดร่วมเป็นจดหมายรักถึงฮิปฮอปอันมีสารตั้งต้นมาจากเพลงของ Common เช่นกัน Gas Station Sushi ที่นอกจากชื่อเพลงเป็นชื่ออาหารแล้ว บีทเพลงเคล้าคลอด้วย synthesizer จากแซมเปิ้ลเพลง Desillusion ของ Jun Fukamachi
-แขกรับเชิญนอกเหนือจาก Anderson .Paak มาเป็นตัวชูโรงความแมสแล้ว ยังมี JID ที่พร้อมคัมแบ็คในเวลาไล่เลี่ยกัน มาโชว์แร็ปรัวๆพอเป็นพิธีในเพลงบีทเคลือบทองคำอย่าง Gold Feet ถ้าลองสังเกต verse ของ JID จะเจอการเล่นวลีเด็ดจาก Kendrick Lamar และ Drake ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการวิพากษ์วิจารณ์ศึก Beef ของทั้งคู่แต่อย่างใด Larry June ที่โผล่มาอย่างเชื่องช้าลอยๆในเพลง Feeling ซึ่งเป็นความแปลกที่ผมชอบนะ ยังดีที่บีท Jazz มันรื่นรมย์พอจนมองข้ามความ lazy นี้ไปได้
-การปิดท้ายด้วยเพลง A Thousand Mountains ที่โดดเด่นด้วยลวดลายเสียงขลุ่ยเป็นการคารวะซาวนด์แทร็คประกอบหนังเอเชียกำลังภายใน อีกทั้งบริบทของเพลงยังว่าด้วยการค้นพบอิสรภาพดั่งสำเร็จวิชากับเซ็นเซซึ่งผู้เขียนก็จินตนาการให้เห็นภาพไปงั้นแหละ ทั้งนี้เฮีย Freddie ได้ยกย่องให้ André 3000 คือตัวอย่างตำนานแร็ปเปอร์ที่สามารถอยู่ในสถานะที่หลุดพ้นพันธนาการความคาดหวังของแฟนเพลงจนสามารถปล่อยผลงานเพลงที่ไม่ตายตัวอีกต่อไป
สังเกตได้จาก solo album ชุดแรก New Blue Sun ไม่ใช่ rap album ที่พ้นคำ rhyme แต่เป็นอัลบั้มบรรเลงเพลง flute ต่างหาก เฮีย Freddie จึงมองน้า André 3000 เป็นดั่งเซ็นเซที่ไม่ได้สอนแกโดยตรง แต่เป็นคนที่ทำให้เห็นถึงความสงบในแบบของแกเอง
-ที่ผมบอกถึงข้อเสียที่ทำให้ผมชอบอัลบั้มภาคสองน้อยกว่าภาคแรกไปว่า การแร็ปของเฮีย Freddie มันแทบจะกลมกลืนไปกับบีทของเฮีย Alan อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ผมกลับรู้สึกว่าชุดบีทในภาคแรกในแต่ละแทร็คมีความ unique ที่ได้ทั้งความเข้มขลัง dark turn และยังสามารถสร้าง space ในการหายใจหายคอให้ได้ซึมซับความสุนทรีย์อย่างโล่งใจ ว่าง่ายๆ Alfredo 2 มีข้อเสียแห่งการรักษามู้ดแห่งความนุ่มนวลที่ต่อให้เปลี่ยนแซมเปิ้ลแล้ว บางแทร็คดันเข้าอีหรอบเริ่มจะเหมือนๆกับใครเพื่อนในหมู่มวล 14 แทร็คนั่นเอง
-หรืออาจจะเป็นเพราะผมเจอเฮีย Alan ในโลกฮิปฮอปบ่อยเกินไปรึเปล่าวะเลยเริ่มเดาทางสูตรเพลงแกได้ มันก็เหมือนเราเจอหน้า Metro Boomin’ ที่ขยันออกโปรเจคต์เดี่ยวตัวเองและคอลแลปอัลบั้มกับแร็ปเปอร์ถิ่นแอตแลนต้า Hit-Boy ที่ดันผูกขาดโปรดิวซ์ Nas ปาไปตั้ง 6 อัลบั้ม ในโลกป็อปก็มี Jack Antonoff ที่โปรดิวซ์ Taylor Swift บ่อยเกินไปละ ไหนจะผูกขาดโปรดิวซ์ทั้งศิลปินป็อประดับแมสและอินดี้อีก
Top Tracks : Lemon Pepper Steppers, Ensalada, Empanadas, Skinny Suge II, Feeling, I Still Love H.E.R., Gas Station Sushi, Gold Feet, A Thousand Mountains