16 ส.ค. เวลา 14:35 • ความคิดเห็น
Chiangmai, Thailand

“โรแมนติไซส์ฆาตกร”: ทำไมมนุษย์จึงตกหลุมรักด้านมืด

ในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความรุนแรง ข่าวอาชญากรรมมักทำให้เราตกใจ หวาดกลัว หรือสะเทือนใจ แต่ในอีกมุมหนึ่งของสังคมกลับเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด มนุษย์จำนวนไม่น้อยกลับรู้สึกหลงใหล “ฆาตกรต่อเนื่อง” บางคน ถูกดึงดูดโดยบุคลิก ความลึกลับ หรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ของพวกเขา จนเกิดการ “โรแมนติไซส์ฆาตกร” ขึ้นมาอย่างชัดเจน
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราจะเห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะสร้าง “ตำนาน” และ “ฮีโร่ในเงามืด” ขึ้นมาอยู่เสมอ ไม่ต่างจากเทพปกรณัมโบราณที่มักเล่าถึงเทพเจ้าผู้ดุดัน อันตราย แต่ก็น่าหลงใหล
Ted Bundy (สหรัฐอเมริกา)
Bundy เป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกจดจำมากที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่เพราะจำนวนเหยื่อ แต่เพราะภาพลักษณ์ “ชายหนุ่มหน้าตาดี เรียนกฎหมาย” ที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเชื่อว่าเขาไม่น่าจะเป็นฆาตกร หลายคนถึงขั้นเขียนจดหมายไปหาขณะเขาอยู่ในคุก และบางคนถึงกับสารภาพว่าหลงรักเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
Richard Ramirez หรือ Night Stalker (สหรัฐอเมริกา)
Ramirez โด่งดังจากการฆาตกรรมและการทำร้ายผู้คนอย่างไร้ปรานี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงข้ามกับภาพที่ควรจะเป็น เขากลายเป็น “ร็อกสตาร์ในเรือนจำ” มีแฟนคลับหญิงสาวจำนวนมากที่ส่งภาพถ่ายตัวเองและจดหมายรักให้ จนท้ายที่สุดเขาแต่งงานกับหนึ่งในนั้น สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า “อำนาจของความอันตราย” สามารถสร้างแรงดึงดูดได้ไม่ต่างจากเสน่ห์ทางเพศ
Tsutomu Miyazaki (ญี่ปุ่น)
คดีของมิยาซากิถือเป็นหนึ่งในคดีสะเทือนขวัญที่สุดในญี่ปุ่น เพราะเขาลงมือฆ่าเด็กเล็กอย่างโหดร้าย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในขณะสังคมญี่ปุ่นโกรธเกรี้ยวกับการกระทำของเขา กลับมีคนบางกลุ่มสนใจ “ด้านชีวิตส่วนตัว” ของมิยาซากิที่คล้ายกับภาพจำของ “โอตาคุ” ในยุคนั้น บางคนถึงขั้นวิเคราะห์ว่าเขาคือผลผลิตจากสังคมบริโภควัฒนธรรมป๊อปที่แยกมนุษย์ออกจากโลกจริง ทำให้ตัวเขากลายเป็น “สัญลักษณ์” แทนที่จะเป็นเพียงอาชญากร
ทำไมมนุษย์จึงโรแมนติไซส์ฆาตกร?
ในเชิงพฤติกรรมมนุษย์ ความหลงใหลนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย
แรงดึงดูดของสิ่งต้องห้าม
สิ่งที่ถูกห้ามหรือเป็น “ด้านมืด” มักจะดึงดูดใจมนุษย์มากกว่าสิ่งธรรมดา เรารู้ว่าฆาตกรคือผู้ทำผิดศีลธรรม แต่ความอันตรายนั้นกลับทำให้บางคนรู้สึกตื่นเต้นราวกับกำลังสัมผัสไฟที่ลุกโชน
ฆาตกรต่อเนื่องบางคนถูกมองว่า “ควบคุมชะตาชีวิตของผู้อื่นได้” ซึ่งขัดกับประสบการณ์ชีวิตของคนธรรมดาที่มักรู้สึกไร้อำนาจ การหลงใหลฆาตกรจึงเป็นเหมือนการหลงใหลต่อ “พลังอำนาจ” ที่เราไม่อาจมี
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แยก “ความปลอดภัย” ออกจาก “ความน่าหลงใหล” ได้ยาก หลายคนรู้สึกว่าเสน่ห์ทางเพศผูกพันกับความอันตราย บางกรณีผู้หญิงที่หลงรักฆาตกรจึงไม่ได้ตกหลุมรัก “อาชญากรรม” แต่ตกหลุมรัก “อำนาจและคาแรกเตอร์” ที่อยู่เบื้องหลังมัน
เมื่อมองลึกลงไป ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของปัจเจก แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคม
สื่อมวลชน มักสร้าง “ภาพลักษณ์” ของฆาตกรให้น่าจดจำ เช่น ใช้ภาพถ่ายมุมที่ดูดี ใส่ชื่อเล่นเท่ ๆ อย่าง “Night Stalker” หรือ “Lady Killer” สิ่งเหล่านี้ทำให้ฆาตกรกลายเป็น “คาแรกเตอร์” มากกว่า “คนที่ฆ่าใครบางคน”
วัฒนธรรมการบริโภคเรื่องราว ฆาตกรต่อเนื่องมักถูกนำไปสร้างเป็นหนัง ซีรีส์ หรือสารคดี การเล่าเรื่องเหล่านี้แม้มีเจตนาให้ตระหนักถึงอาชญากรรม แต่บางครั้งกลับทำให้ฆาตกรถูกโรแมนติไซส์โดยไม่ได้ตั้งใจ
สัญชาตญาณการสร้างตำนานของมนุษย์ มนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยน “ความเลวร้าย” ให้กลายเป็น “เรื่องเล่า” เพื่อรับมือกับความกลัว ฆาตกรจึงกลายเป็นเหมือนปีศาจในตำนานที่ทั้งน่ากลัวและน่าหลงใหลไปพร้อมกัน
การโรแมนติไซส์ฆาตกรไม่ได้สะท้อนเพียงความหลงใหลในบุคคลเหล่านี้ แต่สะท้อนความซับซ้อนในพฤติกรรมมนุษย์ เรากลัว แต่ก็อยากมอง เราเกลียด แต่ก็อดที่จะสนใจไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็น Ted Bundy ที่ถูกมองว่า “หล่อเกินกว่าจะเป็นฆาตกร” Richard Ramirez ที่กลายเป็นร็อกสตาร์แห่งเรือนจำ หรือ Tsutomu Miyazaki ที่ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมป๊อปยุคหนึ่ง ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า ฆาตกรต่อเนื่องไม่ได้ถูกจดจำแค่เพราะความโหดเหี้ยม แต่เพราะพวกเขาไปแตะ “เส้นบาง ๆ ระหว่างความกลัวกับความหลงใหล” ของมนุษย์
และบางที การที่เราหลงใหลฆาตกรก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นใคร แต่เพราะพวกเขาสะท้อนด้านมืดที่เราซ่อนเอาไว้ในตัวเองต่างหาก
แหล่งอ้างอิงหลัก:
  • Ann Rule, The Stranger Beside Me : ประวัติและคดีของ Ted Bundy
  • Philip Carlo, Night Stalker: The Life and Crimes of Richard Ramirez : คดี Richard Ramirez
  • Asahi Shimbun / Mainichi Shimbun : คดี Tsutomu Miyazaki
  • Peter Vronsky, Serial Killers: The Method and Madness of Monsters : แนวคิดโรแมนติไซส์ฆาตกรและพฤติกรรมมนุษย์
โฆษณา