7 ก.ย. เวลา 01:41 • ความคิดเห็น

แค่เศษฝุ่นในจักรวาล

ย้อนไปตอนที่ผมเพิ่งเรียนจบเริ่มทำงานใหม่ๆ ตอนนั้นไฟกำลังแรง หัวหน้าให้ทำอะไรก็ทำ ไม่เคยเกี่ยงงอน
วันหนึ่งประธานบริษัทจากต่างประเทศจะมาเยี่ยมโรงงาน ผมเสนอตัวเป็นตัวแทนในการนำเสนอผลงานกลุ่มปรับปรุงคุณภาพต่อหน้าท่านประธาน ตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเอาความมั่นใจมาจากไหน ภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งแรงสักเท่าไร
ในวันงานมีผู้คนนั่งกันเต็มห้องประชุม ผมเดินออกไปหน้าห้องด้วยความมั่นใจ ในมือถือพอยเตอร์ พอหันหน้ามาสบตาท่านประธานกับเหล่าผู้บริหารที่นั่งเรียงรายอยู่เท่านั้นแหละ ความประหม่าสำแดงเดชขึ้นมาทันที ตาเริ่มลาย สมองว่างเปล่าจำสิ่งที่จะนำเสนอไม่ได้เลย หน้าเริ่มซีด หลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือสั่น เสียงสั่น พูดไม่ออก พยายามควบคุมสติโดยใช้สองมือจับพอยเตอร์ที่กวัดแกว่งทั่วหน้าสไลด์ที่กำลังฉายอยู่
เหมือนโดนฟ้าผ่า เหมือนโลกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พอนำเสนอจบ เดินดุ่ยออกจากห้องประชุม ไม่มองหน้าใคร รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อยากมุดโถส้วมตายให้รู้แล้วรู้รอด เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้บริษัทเสียหาย และเป็นตัวตลกอยู่ในความทรงจำของใครๆ ไปอีกนาน ตอนนั้นรู้สึกจิตใจดำดิ่งย่ำแย่มาก
มาถึงวันนี้ วันที่ประสบการณ์แก่กล้าขึ้น การนำเสนอผลงานต่อหน้าผู้คนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมของคนทำงาน ความจริงก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายแต่ประสบการณ์มันสอนให้เอาตัวรอดได้ กลับไปมองเหตุการณ์ในวันนั้น ความจริงมันเป็นความผิดพลาดที่เล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับปัญหาอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่มีใครสนใจหรือสะใจที่เราทำผิดพลาดหรอก ทุกคนต่างก็มีปัญหาของตัวเองที่ต้องครุ่นคิดและต้องติดตามแก้ไข มีแต่ตัวเราที่คิดมากไปเอง ปัญหาที่หนักกว่านี้เรายังรอดมาได้ แค่นี้ขี้ปะติ๋ว
นึกถึงตอนมองออกนอกหน้าต่างในขณะเครื่องบินกำลังบินไต่ระดับหลังจากขึ้นจากรันเวย์ เห็นตัวคน บ้าน รถยนต์ และตึกสูง ค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ ตามระดับความสูงที่เปลี่ยนไป มองไปด้านล่างเห็นแต่ทะเลกว้างใหญ่ แนวภูเขายาวตัดกับผืนดิน ตึกสูงหายไป คนหายไป
นึกภาพมนุษย์อวกาศกำลังมองลงมายังพื้นโลกจากยานอวกาศ ยิ่งมองไม่เห็นอะไรเลย มนุษย์และสิ่งต่างๆบนโลกจึงเหมือนเป็นเศษฝุ่นของจักรวาล เป็นแค่เศษเสี้ยวธุลี ไม่มีความสำคัญอะไรเลย จะร้องไห้เสียใจ จะหัวเราะดีใจดังขนาดไหน จะล้มเหลวพังพาบถล่มทลาย หรือจะประสบความสำเร็จชนะท่วมท้นสร้างปรากฏการณ์อย่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน มันก็ไม่อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่จักรวาลได้เลยแม้แต่น้อย เหมือนไม่เคยมีตัวเราอยู่ด้วยซ้ำ
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญที่ทุกคนต้องหันมอง หรือต้องดีใจเสียใจกับสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งขนาดนั้น ยิ่งเวลาเดินไปก็ยิ่งลบเลือนเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ในหัวของคนอื่นๆ ที่มีน้อยอยู่แล้วให้ยิ่งน้อยลงไปอีกจนแทบจะกลายเป็นศูนย์ อย่าสำคัญตัวเองมากเกินไป
ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำอะไรผิดพลาดหรือผลลัพธ์ไม่เป็นไปดังตั้งใจ ให้คิดเสียว่าเราเป็นแค่เศษฝุ่นในจักรวาล ไม่ต้องเจ็บปวดหรือทุกข์ใจ มันไม่มีความหมายอะไรเลย
เรื่องเล็กนิดเดียว ปล่อยมันไปเถอะ ชีวิตเรายังต้องผ่านอะไรอีกเยอะ สู้เอาเวลาและพลังงานไปทำตามความฝันกันดีกว่าครับ
รีบสลัดความทุกข์และลืมความผิดพลาด ชีวิตเรายังต้องเดินไปอีกยาวไกล
โฆษณา