Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
16 ส.ค. เวลา 17:24 • ธุรกิจ
🔥 Red Ocean สุกี้ชาบู “ศึกเดือดหม้อไฟ!”
เมื่อสงครามบุฟเฟ่ต์สุกี้กำลังกระชากกำไรทั้งตลาด
🍲 สุกี้กำลังเดือด...ไม่ใช่แค่ในหม้อ แต่ในสมรภูมิตลาด
ในช่วง Q2/2025 ที่ผ่านมา ตลาดร้านอาหารประเภท “สุกี้–ชาบู–หม้อไฟ” ของไทยปะทุสงครามราคาระลอกใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มแบรนด์ใหญ่อย่าง MK, ShabuShi (Oishi), Bar B Q Plaza และ Suki Teenoi ต่างเทโปรฯ ไม่ยั้ง หวังดึงลูกค้าในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา ไม่ได้เป็นแค่ยอดขายที่เพิ่ม…แต่เป็น “กำไรที่หาย” ไปพร้อมกัน!
คำถามคือ...ทำไม “สงครามบุฟเฟ่ต์” ที่ควรจะเพิ่ม Volume และรักษาฐานลูกค้า จึงกลับกลายเป็น “Red Ocean Strategy” ที่ทำให้ทุกคนเจ็บ?
====
🔍 “ฟังเสียงลูกค้า?” ความจริงที่ร้านอาหารอาจมองข้าม
ลูกค้ายุค 2025 ไม่ได้แค่ต้องการของกินราคาถูกที่สุดอีกต่อไป พวกเขาเริ่มคำนึงถึง “Value for Experience” ที่สะท้อนทั้งคุณค่าทางรสชาติ ความสะอาด ความสะดวก และการบริการตลอดระยะเวลา 90 นาทีที่นั่งอยู่ในร้าน
“บางร้านราคาถูก แต่บริการแย่ เนื้อหมดไว น้ำซุปไม่เติม...รู้สึกเหมือนโดนไล่ให้รีบกินแล้วรีบออก” – เสียงสะท้อนจากลูกค้าจริงบนโซเชียล
“บางร้านมีโปรบุฟเฟ่ต์ แต่ต้องรอคิวนานเกิน 40 นาที พอเข้าไปกินกลับเจอเนื้อสัตว์บางเฉียบ บางอย่างหมดตั้งแต่ต้นคิว” – Pain Point ที่บั่นทอนความคุ้มค่าและสร้าง Negative Word-of-Mouth บนโลกออนไลน์
“สิ่งที่ลูกค้าต้องการไม่ใช่แค่ราคาถูก แต่คือ "ความรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างดี" และ "ไม่โดนเอาเปรียบ" ซึ่งเป็น Emotional Currency สำคัญที่ร้านอาหารหลายแห่งอาจประเมินต่ำเกินไป”
Insight นี้จึงตอกย้ำว่า กลยุทธ์ “ลดราคา–เพิ่มโปร” อาจสร้าง “Traffic ชั่วคราว” แต่หาก “คุณภาพอาหาร” และ “บริการหน้างาน” ยังไม่ตอบ Pain Point จริง ลูกค้าอาจไม่กลับมา และแบรนด์อาจสูญเสีย Trust ที่ฟื้นคืนได้ยาก
====
💼 วิเคราะห์กลยุทธ์ MK Group = “เมื่อการป้องกันไม่พอ ต้องเริ่มเกมรุก”
MK Restaurant Group ยังคงยืนหนึ่งในแง่ของ Brand Equity และ Coverage ด้วยจำนวนสาขา และกลยุทธ์ครอบคลุมหลากหลาย Segment ผ่าน 3 แบรนด์หลัก
* MK Restaurant: แบรนด์แม่ที่รักษาฐานลูกค้าระดับกลาง-บน เน้นความเป็น Family Dining ที่ไว้ใจได้
* Yayoi: เสริมรายได้จากกลุ่มอาหารญี่ปุ่นจานด่วน จับกลุ่มคนทำงานและคนเมือง
* Laem Charoen: เข้าถือหุ้นเสริมจุดแข็งร้านอาหารซีฟู้ดเพื่อกระจาย Portfolio
แต่สิ่งที่ MK ยัง “ไม่เดินเกมรุกมากพอ” คือ การสร้างประสบการณ์ใหม่เพื่อ “ชิงอนาคตของตลาด” เช่น
* ทำไม MK ไม่ทดลอง ‘AI Order & Suki Bot’ ที่เชื่อมต่อระบบครัวแบบ real-time ในบางสาขา?
* จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า MK ทำ “Dark Kitchen สุกี้” เพื่อ delivery โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนหน้าร้าน?
* MK จะใช้ Big Data ที่มีมาจาก MK App อย่างไร ในการ personalisation experience ที่แตกต่างกว่าคู่แข่ง?
* หากเทียบกับคู่แข่งบางรายที่เริ่มทำ Dynamic Promotion โดยใช้ Data หรือเริ่มทดลอง “Smart Menu” ที่เสนอเมนูตามพฤติกรรมของลูกค้า — MK ยังเดินช้ากว่ามาก
MK ต้องรับมือกับ Red Ocean Strategy ที่รุนแรงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะจากแบรนด์น้องใหม่และกลุ่มทุนที่มีกำลังเผาเงิน เช่น ชาบูอินดี้, สุกี้ตี๋น้อย, หรือชาบูแฟรนไชส์ต่างๆ ที่เน้น “ปริมาณคุ้ม” บวกกับโปรโมชั่นแรงต่อเนื่อง
กลยุทธ์แบบ “ตั้งรับ” โดยลดราคาหรือจัดโปรโมชั่นชั่วคราว อาจช่วยพยุงรายได้ช่วงสั้น แต่ไม่ใช่ทางรอดระยะยาว สิ่งที่ควรทำ คือ
* สร้าง “Premium Experience” เช่น ร้าน MK Select หรือ Flagship ที่เน้นวัตถุดิบพิเศษ บรรยากาศเฉพาะกลุ่ม
* ปั้นโมเดล “Hybrid” ระหว่าง dine-in และ delivery ด้วยสูตรเฉพาะแบรนด์ เช่น MK Bento หรือ MK Home Kit
* ทดลองใช้ระบบ Subscription หรือ Member-Only Privilege ที่เชื่อมกับ MK App ให้ลูกค้า lock-in ระบบได้ยาวขึ้น
* พัฒนา Loyalty Program ที่ชิง “Insight” จากฐานข้อมูลลูกค้าก่อนใคร เพื่อปรับกลยุทธ์ราคาอย่างแม่นยำ
📌 ถ้า MK ยังเล่นอยู่บนกระดานเดิมที่ตี๋น้อยพร้อมแลกแบบนี้ โดยไม่ออกแบบ "สนามใหม่" ให้ตัวเองในตลาดที่กำลังเปลี่ยน... การรักษาแชมป์อาจไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลที่สุดอีกต่อไป
====
💼 กลยุทธ์สุกี้ตี๋น้อย = “แข่งอย่างรู้ใจลูกค้า มากกว่าจะต่ำเพื่อเอาชนะ”
วางตำแหน่ง “คุ้มเกินราคา” ไม่ใช่แค่ถูกที่สุด
* แม้ใช้กลยุทธ์ราคาบุฟเฟต์ต่ำเริ่มต้นที่ 199 บาท (ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 270–280 บาทสุทธิ แต่ยังต่ำกว่า MK) แต่เน้นในแง่ของ Value over Price — ให้ลูกค้ารู้สึกว่า “จ่ายเท่านี้ ได้เหมือนแถม” ไม่ได้ลดคุณภาพใดๆ
บริหารสาขา-สมรรถนะของร้านอย่างมีระบบ
* ใช้ครัวกลางควบคุมวัตถุดิบ น้ำซุป น้ำจิ้ม เพื่อความสม่ำเสมอทั้งรสชาติและคุณภาพ แม้ขยายสาขาเร็ว (จาก 36 เป็นกว่า 80 สาขาภายในไม่กี่ปี)
เปิดร้านถึงตีห้า กลายเป็นโอกาสติดตลาด
* เจาะกลุ่มคนทำงานดึก นักศึกษา นักเที่ยวกลางคืน ซึ่ง MK ไม่ได้เน้น ช่วยเพิ่ม Traffic โดยไม่ต้องไปรบในสนามเดียวกัน
ใช้ Social Engagement สร้างแบรนด์ที่คนรัก
* โปรโมชันลดราคาแบบน่ารัก เช่น “ฉลองครบล้านผู้ติดตาม” ลดเหลือ 199 บาท สร้างการพูดถึงกว้างขวางโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง Influencer
กล้าให้คุ้มกว่า…แต่ไม่ทิ้ง Margin
* แม้จะใช้โปรช่วงสงครามราคา แต่ก็เป็น “วิธีดึงคนมาใช้บริการจริง ด้วยประสบการณ์ที่แน่น” ไม่ใช่ลดเพราะเสียดายตลาดเท่านั้น
====
💼 เปรียบเทียบกลยุทธ์: MK vs Teenoi = “เกมที่ต่างยุค-ต่างโจทย์-ต่าง DNA”
* กลุ่มเป้าหมายหลัก
* MK: เจาะกลุ่มครอบครัว รายได้ระดับกลางขึ้นไป ที่มองหาประสบการณ์การกินที่น่าเชื่อถือ สุภาพ และสม่ำเสมอ
* Teenoi: โฟกัสกลุ่มวัยรุ่น-คนทำงานดึก ที่ต้องการความเร็ว ความคุ้มค่า และความสนุกแบบไม่เป็นทางการ
* กลยุทธ์ราคา
* MK: รักษาราคาในระดับพรีเมียม โดยเน้นความเชื่อมั่นในคุณภาพ การบริการ และมาตรฐาน
* Teenoi: ใช้กลยุทธ์ "ถูกและดีจริง" โดยตั้งราคาจูงใจ และทำให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อว่าคุ้มเกินราคา
* การขยายสาขา
* MK: เติบโตผ่านห้างสรรพสินค้าและโลเคชันสำคัญในเมือง เพื่อรักษาภาพลักษณ์แบรนด์
* Teenoi: เปิดสาขาแบบ Stand-alone หรือใกล้แหล่งชุมชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด และเปิดบริการยันเช้าเพื่อเจาะตลาดดึก
* กลยุทธ์การตลาด
* MK: ใช้แคมเปญผ่านสื่อกระแสหลัก สร้างการรับรู้จากภาพลักษณ์ที่มั่นคง
* Teenoi: ดึงพลังโซเชียล โดยให้ลูกค้าเป็นผู้สร้างคอนเทนต์เองผ่านรีวิวจริง หรือคลิปไวรัล
* ประสบการณ์หน้าร้าน
* MK: ยึดมั่นใน SOP และระบบบริการที่นิ่ง เสมอต้นเสมอปลาย
* Teenoi: เล่นกับพลังของความรวดเร็ว ความกันเอง และพลังวัยรุ่นในทีมบริการที่สร้างบรรยากาศเป็นกันเอง
* การจัดการหลังบ้าน
* MK: ใช้ระบบจัดซื้อและโลจิสติกส์แบบรวมศูนย์ตามมาตรฐานองค์กรใหญ่
* Teenoi: ใช้ครัวกลางเพื่อควบคุมคุณภาพ แต่บริหารโต๊ะเร็วมาก ลดเวลาการหมุนเวียน และจัดการขยะอาหารได้ดี
ทั้งนี้ จุดแข็งของ MK คือความน่าเชื่อถือ ขณะที่ Teenoi ชูความคุ้มค่า-ไวรัล-กล้าเล่นนอกกรอบ ซึ่งช่วยให้ครองใจคนรุ่นใหม่ได้รวดเร็วในต้นทุนต่ำกว่า
แต่เกมระยะยาว อาจไม่ใช่แค่ราคาถูก... แบรนด์ที่ยืนระยะได้ ต้องเปลี่ยนจาก "สงครามราคา" สู่ "สงครามประสบการณ์-ความสัมพันธ์-คุณค่าที่ยั่งยืน" ด้วย
====
🧨 Red Ocean Strategy: เกมที่ไม่มีใครชนะ?
“การลดราคา + เพิ่มโปรฯ” แบบยกแผงในตลาดนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น แต่ยังสร้าง "ภาพจำผิด" ให้กับลูกค้า ว่า "ร้านไหนคุ้มกว่ากัน" แทนที่จะเป็น "ร้านไหนประสบการณ์ดีกว่า" ซึ่งบั่นทอนความภักดีในระยะยาวของฐานลูกค้าประจำไปโดยไม่รู้ตัว
* ยิ่งลดราคา ยิ่งต้องเพิ่มปริมาณลูกค้าเพื่อรักษารายได้เดิม แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่และจำนวนที่นั่ง ทำให้เกิดคอขวดในการให้บริการ และลดคุณภาพประสบการณ์ลงไปอีก
* ยิ่งจัดโปร ยิ่งใช้ต้นทุนแฝงที่มองไม่เห็น ทั้งของสด วัตถุดิบที่ต้องมีมากขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์ชั่วคราว รวมถึงต้นทุนแรงงานที่ต้องเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้ระบบล่ม
* ลูกค้าประจำเริ่มไม่มี Loyalty กับแบรนด์ เพราะถูก condition ให้เปรียบเทียบโปรฯ อย่างเดียว เหมือนซื้อแฟลชเซลล์ ไม่ใช่ซื้ออาหารที่ผูกพันกับความรู้สึก
* ร้านที่ลดราคาแต่ยังอยากรักษาคุณภาพเดิม อาจต้องแบกรับต้นทุนที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งบั่นทอนความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว
เมื่อทุกคนเล่นเกมเดียวกันหมด ตลาดเข้าสู่ภาวะ “Bleeding Margin” อย่างถาวร — กำไรหด รายได้ไม่โตจริง เพราะต้นทุนต่อหัวสูงขึ้นอัตโนมัติ ทั้งยังสูญเสีย positioning ทางแบรนด์ในใจลูกค้าไปพร้อมกัน
====
🚀 บางทีคำตอบไม่ใช่ “บุฟเฟ่ต์ถูกกว่า” แต่คือ “โมเดลใหม่ที่ตอบ Insight ดีกว่า”
หากอยากชนะใน Red Ocean นี้จริงๆ ต้องกล้าหลุดกรอบการแข่งขันเดิม โดยอาจมองไปที่
* Smart Dining Experience: เช่น สั่งผ่านมือถือ เติมน้ำซุปอัตโนมัติ ประหยัดแรง ประหยัดคน และตอบ Pain Point
* Suki-as-a-Service: ร้านขนาดเล็ก ใช้ AI วิเคราะห์ Demand ทำ Food Prep แบบไม่เหลือทิ้ง
* Hybrid Delivery + Dine-in: ลด Front ของร้าน เพิ่มพื้นที่หลังบ้าน ส่งตรงถึงคอนโดพร้อมหม้อไฟให้เช่าแบบรายครั้ง
ทั้งหมดนี้...ไม่ใช่แค่ “กลยุทธ์ราคา” แต่เป็น “กลยุทธ์โครงสร้าง” ที่ต้องเริ่มคิดใหม่ ทำใหม่ ตั้งแต่วันนี้
====
🧠 ดังนั้น ถ้าไม่อยากติดกับ Red Ocean Strategy ต้องกล้า “เลิกแข่ง” ในเกมที่ไม่มีใครชนะ
สงครามบุฟเฟ่ต์สุกี้ครั้งนี้อาจเป็นเพียงสัญญาณว่า เกมการแข่งขันแบบเดิมมาถึงทางตันแล้ว
“ผู้นำตลาดที่แท้จริงในอนาคต...จะไม่ใช่คนที่ลดราคามากที่สุด… แต่คือคนที่ ‘กล้าเปลี่ยนเกม’ เพื่อสร้าง Value ที่ลูกค้าเต็มใจจ่าย…”
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#สงครามสุกี้
#แจกเป็ดแจกซาลาเปา
#RedOcean
ธุรกิจ
การแข่งขัน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย