17 ส.ค. เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“อิมแพ็ค”เขย่าพอร์ตลงทุนหมื่นล้าน พลิกทำเลทองรถไฟฟ้าสายสีชมพู

อิมแพ็ค กำลังพลิกโฉมครั้งใหญ่ หลังส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้ามาในพื้นที่ โดยอยู่ระหว่างเขย่าแผนลงทุนหมื่นล้านบาท ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ ปักธงผู้นำธุรกิจไมซ์เอเชีย พร้อมร่วมลงทุนกับ ไลฟ์เนชั่น ตั้งบริษัทใหม่ “อิมแพ็ค ไลฟ์เนชั่น” ขยายอาณาจักร “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” สู่สถานที่จัดอีเวนต์บันเทิงระดับโลก "พอลล์ กาญจนพาสน์” ได้ฉายภาพแลนด์สเคปการลงทุนใหม่จะเกิดขึ้น
1
“อิมแพ็ค”เขย่าพอร์ตลงทุนหมื่นล้าน พลิกทำเลทอง รับรถไฟฟ้าสายสีชมพู
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า หลังจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู เชื่อมต่อเข้ามาในอิมแพ็ค จำนวน 2 สถานี คือ สถานีอิมแพ็คเมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี
โดยเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่การจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มียอดผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเฉลี่ยวันละ 16,000 คน สามารถช่วยลดปริมาณรถยนต์ที่ใช้เดินทางมาได้ถึง 4,000 คัน และได้การตอบรับจากผู้จัดงานและผู้ที่มาชมงานค่อนข้างดี รวมถึงยังมีผลให้อัตราการเช่าพื้นที่ของอิมแพคเมืองทองธานีเพิ่มขึ้น 2-3% ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
ขณะเดียวกันปัจจุบัน อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้ประกาศวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ ตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านธุรกิจไมซ์ (MICE) ของเอเชีย และเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานประชุม ธุรกิจ และความบันเทิงที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
ดังนั้นทิศทางลงทุนใหม่ รวมถึงที่จะเกิดขึ้นขยายธุรกิจ จะต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสม ซึ่งก่อนหน้านี้บางกอกแลนด์ วางแผนลงทุนในพื้นที่อิมแพ็ค ช่วง 10 ปีไว้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่เดิมมองไว้ว่ามีแพลนจะสร้างฮอลล์ขนาดใหญ่เพิ่ม การลงทุนสวนน้ำขนาดใหญ่ ล่าสุดได้ปรับปรุงให้สอดรับต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
ผุด 2 โรงแรมใหม่ดึงเชนฮิลตัลบริหาร
ทั้งนี้หลังจากเราลงทุนไปกว่า 1.5 พันล้านบาท ในการเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้ามาในพื้นที่ ล่าสุดอิมแพ็ค ได้มองการพัฒนาพื้นที่ราว 100-200 ไร่ จากทั้งหมด 600 ไร่ โซน “ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี” โดยจะสร้างโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง และเตรียมเซ็นสัญญากับเชนฮิลตัลในการเข้ามารับบริหารโรงแรมให้
ประกอบด้วยโรงแรมฮิลตัน ระดับ 5 ดาว ขนาด 370 ห้อง และโรงแรมฮิลตัน การ์เด้นท์ อินน์ ในระดับ 4 ดาว ขนาด 500 ห้อง คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 1 ปี 2569 และก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปลายปี 2570-ต้นปี 2571 ด้วยงบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนโรงแรมใหม่นี้ส่วนหนึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากการขายโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค และ โรงแรมไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค เข้า กองรีท หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (อิมแพ็ค โกรท รีท) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขายได้ในช่วงปลายปีนี้
ตั้งเป้าขยายการลงทุนโรงแรม 5 พันห้องภายใน 8 ปี
คุณพอลล์ วางเป้าหมายภายใน 8 ปี หรือ ปี 2576 จะขยายโรงแรมในพื้นที่อิมแพค เมืองทองธานีให้ได้ 5,000 ห้อง เนื่องจากปัจจุบันที่มีโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค และ โรงแรมไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค รวมแล้วประมาณ 1,000 ห้อง แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะขณะนี้มีหลายงานของต่างประเทศที่สนใจจะมาจัดงาน แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้เลือกมาไทย
เพราะจำนวนห้องพักที่อยู่ใกล้อิมแพค เมืองทองธานี ในรัศมี 5 กิโลเมตร ก็มีไม่ถึง 5,000 ห้อง โดยงานแสดงสินค้า หรืองานประชุมบางงาน ต้องการห้องพักขั้นต่ำอย่างน้อย 2,000 ห้อง ที่อยู่ใกล้ หรือสามารถเดินถึงได้ ซึ่งปัจจุบันที่พักรอบอิมแพคฯ มีไม่ถึง 2,000 ห้อง
ดังนั้นการเพิ่มจำนวนโรงแรม ก็จะทำให้อิมแพ็ค รองรับการจัดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดงานขนาดใหญ่ได้ ขณะเดียวกันโรงแรมก็จะมีลูกค้าเป็นกลุ่มไมซ์ ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป เมื่อสร้าง 2 โรงแรมใหม่แล้วเสร็จ รวมกับ 2 โรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว ก็จะทำให้อิมแพ็คมีห้องพักรวมเป็น 2,000 ห้อง รับนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ได้กว่า 3 พันคน และร้านอาหารริมทะเลสาบก็จะคึกคักมากขึ้น
“เราจะสร้าง 2 โรงแรมใหม่นี้ขึ้นมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันการขยายโรงแรมให้เป็นไปตามเป้าหมาย 5,000 ห้อง รวมถึงมองการลงทุน ในส่วนของช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ในพื้นที่ริมทะเลสาบ ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับอินเวสเตอร์ต่างประเทศในการร่วมลงทุน ซึ่งผมเพิ่งไปฮ่องกงมาก็มีการเจรจาในเรื่องนี้อยู่ อีกทั้งยังพบด้วยว่าขณะนี้เริ่มมีกองทุนจากยุโรปมองหาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียจำนวนมาก”
เตรียมแผนลงทุนสวนน้ำ จุดขายใหม่
นอกจากนี้ในพื้นที่ริมทะเลสาบ เรายังมองถึงการสร้างสวนน้ำ เพื่อเป็น Tourist Attraction สำหรับลูกค้ากลุ่มไมซ์และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในอิมแพ็คด้วย ซึ่งเดิมก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนร่วมทุนกับแซนเดอร์สัน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและสร้างธีมปาร์ค โดยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Disney Seas ในกรุงโตเกียว และ Universal Studios แต่ภายหลังประสบปัญหาล้มละลาย ทำให้เราก็เบรคเรื่องนี้ไป
แต่ล่าสุดเมื่อดูจากการเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่มีสวนน้ำ เราจึงมองว่าจะสร้างสวนน้ำ ใกล้ๆกับโรงแรมที่สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ต้องสเกลใหญ่เหมือนที่เคยคิดไว้ในอดีต แต่จะลดขนาดของสวนน้ำให้เล็กลง เน้นเทคโนโลยี อิมเมอร์ซีฟ สร้างแบรนด์ของตัวเองได้เพื่อสร้างประสบการณ์การเข้าพักโรงแรมโดยรอบอิมแพคเมืองทองธานีด้วย
ปรับปรุงคร้้งใหญ่ อิมแพ็ค อารีน่า ในรอบ 26 ปี รับดีมานต์งานคอนเสิร์ตพุ่ง
อีกทั้งในส่วนของอิมแพ็ค อารีน่า ก็เตรียมจะปรับปรุงครั้งใหญ่ในรอบ 26 ปี ภายใต้งบลงทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัท อิมแพ็ค ไลฟ์เนชั่น จำกัด ซึ่งเราถืออยู่ 51% และไลฟ์เนชั่น ถืออยู่ 49 % ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน หลังจากก่อนหน้านี้อิมแพ็ค โกรท รีท ได้ให้ อิมแพ็ค ไลฟ์ เนชั่น เช่าอาคารและที่ดินในส่วนของอิมแพ็ค อารีน่า เป็นเวลา 20 ปี คิดเป็นมูลค่ารวมตามสัญญากว่า 4,617 ล้านบาท เพื่อร่วมกันทำให้อิมแพ็คในฐานะจุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงระดับโลก
โดยการตั้งบริษัทร่วมทุนนี้ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ในการลดต้นทุนให้กับผู้จัดงาน และเพิ่มเซอร์วิสต่างๆให้ตรงกับเทรนด์ในปัจจุบัน เพื่อดึงคอนเสิร์ต ทั้งในส่วนที่จัดโดยไลฟ์เนชั่น รวมถึงผู้จัดงานอื่นๆ เข้ามาจัดคอนเสิร์ตในอิมแพ็ค อารีน่าเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้มีอีเว้นท์เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น
การปรับปรุงอิมแพ็ค อารีน่า จะไม่กระทบกับการจัดงานคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นการทยอยปิดปรับปรุงทีละส่วน เพื่ออัพเกรดการให้บริการ เพื่อรองรับผู้เข้าชมคอนเสิร์ต อาทิ การสร้างวีไอพี บล็อก ในอารีน่า ขายที่นั่งในโซนนี้เป็นรายปีเหมือนต่างประเทศ จะเริ่มรีโนเวทในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 18 เดือน ซึ่งจะปิดเป็นโซนๆเพื่อปรับปรุง ไม่ได้ปิดทั้งอิมแพ็ค อารีน่า
1
เนื่องจากหลังโควิดเป็นต้นมา การจัดคอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีน่า เต็มทุกเสาร์-อาทิตย์ และเต็มยาวไปถึงสิ้นปีหน้า ทำให้หลายคอนเสิร์ตต้องไปใช้สถานที่จัดงาน ที่ฮอลล์อื่นๆ และชาเลนเจอร์แทน โดยอิมแพ็คมีการจัดงานคอนเสิร์ตไม่น้อยกว่า 60-70 งานต่อปี
1
“แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่คนไทยยอมที่จะจ่ายตั๋วคอนเสิร์ตแพง เพราะพฤติกรรมคนยุคนี้ เซฟค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆ อาทิ การซื้อเสื้อผ้า การกิน แต่เลือกที่จะทุ่มกับการใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ เช่นการท่องเที่ยว รวมถึงการดูคอนเสิร์ตก็เช่นกัน”
จ่อรื้อธันเดอร์โดม สร้างพื้นที่จัดคอนเสิร์ต-อีเว้นท์ รับ 5 หมื่นคน
นอกจากนี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า พื้นที่ในส่วนของธันเดอร์โดม และสนามฟุตบอล (ธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม) ที่บางกอกแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ อิมแพค ได้ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย เช่าเป็นเวลา 30 ปี ก็จะหมดสัญญาในปี 2570 และกลับมาเป็นของอิมแพ็ค ซึ่งต่อไป อิมแพ็ค ไลฟ์ เนชั่น ก็มีแผนจะรื้อพื้นที่ใหม่หมด เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ในการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆทั้งในแบบอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ รองรับได้ 4-5 หมื่นคน
1
การจัดคอนเสิร์ตในฮอลล์และสนามกีฬา เป็นที่นิยมมาก อย่างฮ่องกง ก็เพิ่งจะสร้างสนามกีฬา รองรับได้ 5 หมื่นที่นั่ง สิงคโปร์ กำลังสร้างสเตเดี้ยมเพิ่มอีก 2 หมื่นที่นั่ง ในไทย มีสนามกีฬาขนาดใหญ่อย่างราชมังคลาก็ต้องใช้สำหรับการจัดการแข่งขันกีฬาเป็นหลักก่อน การลงทุนพัฒนาในฝั่งธันเดอร์โดม ก็จะทำให้อิมแพ็คขยายการรองรับการจัดงานคอนเสิร์ตได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของอิมแพ็คช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2568) มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยอดจัดงานรวมอยู่ที่ 341 งาน แบ่งเป็น ประชุม สัมมนา 167 งาน อินเซนทีฟ 16 งาน ประชุมขนาดใหญ่ (Convention) 5 งาน คอนเสิร์ตไทย คอนเสิร์ตต่างประเทศ 41 งาน เอ็กซิบิชั่นระดับนานาชาติ 33 งาน งานแต่งงาน 58 งาน และงานเลี้ยงสังสรรค์ 21 งาน
มุ่งเป้าดันรายได้เพิ่มเป็น 9 พันล้านบาทในปี 2573
ขณะที่จำนวนการจองพื้นที่ช่วงครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม 2568) มียอดจองกว่า 300 งาน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทในเครืออิมแพ็ค ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ จาก 4,000 ล้านบาท ในปี 2568 เพิ่มเป็น 9,000 ล้านบาทในปี 2573 ผ่านโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจาก 5 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่จัดงาน ธุรกิจรับจ้างจัดงานครบวงจร ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจโรงเรียนสอนประกอบอาหาร
โดยนอกจากการให้เช่าพื้นที่จัดงาน การร่วมลงทุนไลฟ์เนชั่น ในการขยายตลาดแล้ว อิมแพ็ค ก็ต้องการขยายจำนวนอีเว้นท์ที่อิมแพ็คจัดขึ้นเอง ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากการจัดงานเองยังอยู่ในระดับ 5-8% ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนให้ได้อย่างน้อยเป็น 30-50% รวมไปถึงขยายธุรกิจอาหาร
โดยเตรียมจะเปิดแบรนด์ร้านอาหารจีนชื่อ XIANYUAN พื้นที่ 900 ตารางเมตร ในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค ซึ่งเป็นซีบีดีใจกลางเมือง จะเปิดในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ และขยายการให้บริการเอ้าท์ไซด์แคทเทอริ่ง การขยายรายได้จากธุรกิจโรงเรียนสอนประกอบการ ล่าสุดอิมแพ็คได้ยกเลิกสัญญากับทางเลอโนท ประเทศฝรั่งเศส และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Culinova เพื่อมาบริหารจัดการเอง ที่มีความยืดหยุ่นในการหารายได้ที่ดีกว่า
ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางในการขยายธุรกิจของอิมแพ็คที่จะเกิดขึ้น
โฆษณา