17 ส.ค. เวลา 10:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทิศทางทองคำ 18-22 ส.ค.68 คุณภัทริน วชิรคพรรณ เล่งหงษ์ คอมโมดิตี้ส์

สัมภาษณ์พิเศษ คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ (LHC)
โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
เจรจา “ทรัมป์-ปูติน” ไร้ข้อยุติ อาจดันราคาทองคำรีบาวด์ระยะสั้น ตลาดรอ ปธ.เฟด แถลงจาก “Jackson Hole”
คุณภัทริน วชิรคพรรณ Chief Operation Officer บจ.เล่งหงษ์ คอมโมดิตีส์ กล่าวกับ GoldAround ว่า
ราคาทองคำ gold spot สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลงแรง โดยเปิดสัปดาห์ราคาร่วงลงแตะ 3,330 ดอลลาร์ ก่อนจะพยายามรีบาวด์กลับในวันอังคารและพุธ แต่แรงซื้อไม่มากพอ ก่อนจะมาถูกเทซ้ำในวันพฤหัส หลังตัวเลข ดัชนี PPI ซึ่งเป็นเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์มาก
ประกอบกับตลาดรอดูผลการเจรจา ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เกี่ยวกับการยุติความขัดขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งได้จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ 14 ส.ค.(ตามเวลาในประเทศไทย) ที่เมืองแองเคอเรจ รัฐอแลสกา ทำให้ราคามาปิดสัปดาห์ที่ 3,334 ดอลลาร์ โดยรวมลดลงไป ลดลง 63 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดีหลังจากที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ได้ใช้เวลาพูดคุยราว 3 ชั่วโมง ทางประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า การพบปะมีประสิทธิผลอย่างยิ่ง แต่ข้อตกลงการยุติสงครามหรือชะลอสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่เสร็จสิ้น พร้อมระบุว่าหลังจากนี้จะพูดคุยกับพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานงานว่าหลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ เดินทางกลับกรุงวอชิงตันได้โทรศัพท์หารือกับบรรดาผู้นำประเทศนกลุ่มนาโต รวมถึงได้หารือกับ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน และมีรายงานว่า ปธน.เซเลนสกี จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในวันจันทร์นี้ (18 ส.ค.) เพื่อหารือกับ ปธน.ทรัมป์ เรื่องการยุติความขัดแย้งกับรัสเซีย และจะพยายามร่วมมือกับพันธมิตรยุโรปผลักดันให้เกิดการประชุม 3 ฝ่ายร่วมกับ ปธน.ปูติน ทำให้ยังคงต้องจับตามความคืบหน้าเรื่องนี้อยู่ใกล้ชิด
ขณะที่ประเด็นสำคัญที่ยังคงต้องติดตามในสัปดาห์หน้าก็คือการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ จัดขึ้นที่เมือง Jackson Hole รัฐไวโอมิง โดยปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21–23 สิงหาคม ภายใต้หัวข้อหลัก “ตลาดแรงงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน : โครงสร้างประชากร ผลิตภาพ และนโยบายเศรษฐกิจมหภาค”
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม ซึ่งต้องมาติดตามว่าจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยของเฟดอย่างไรในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยเฉพาะการประชุม FOMC เดือนก.ย. หลังมีกระแสกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ยมากถึง 0.50% หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานรอบล่าสุดออกมาไม่สู้ดี แต่เมื่อไปดูจาก DotPlot ระบุว่าจะลดดบ.เพียง 0.25% ประกอบกับตัวเลขตัวเลขดัชนี PPI เดือนล่าสุดยังพุ่งสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลมาจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของรัฐบาล “ทรัมป์” และอาจจะส่งผลไปถึงตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคที่อาจจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตได้
ส่วนความคืบหน้าเรื่องของกำแพงของสหรัฐ ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า จะประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ในสัปดาห์หน้า หรือสัปดาห์ถัดไป โดยเมื่อต้นเดือน ปธน.ทรัมป์ เคยเสนออัตราภาษีนำเข้าสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ประมาณ 100% แต่จะยกเว้นภาษีนำเข้าในช่วงแรกให้กับบริษัทที่สัญญาว่าจะสร้างโรงงานผลิตชิปภายในประเทศ
นอกจากนั้น ปธน.ทรัมป์ ยังชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมกับเหล็กนำเข้าด้วย หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปแล้วถึง 50% ในเดือนมิ.ย.
มาดูมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำ gold spot สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ภาพรวมยังคงอยู่ในกรอบ Sideway ใหญ่ต่อไป ทั้งนี้มองว่าหลังจากที่ราคาได้ปรับลดลลงเพื่อรอดูผลการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ – ปธน.ปูติน แต่เมื่อยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ก็อาจจะทำให้ราคารีบาวด์กลับขึ้นไปก่อน และอาจจะกลับมาเคลื่อนไหว Sideway เพื่อรอฟังการแถลงของ ปธ.เฟดในคืนวันศุกร์ต่อไป
ทั้งนี้โซนแนวต้านสำคัญที่ 3,375-3,380 ดอลลาร์ และ 3,400-3,410 ดอลลาร์ โดยให้พิจารณาขายทำกำไร ณ โซนดังกล่าวเพื่อเล่นในกรอบ Sideway จนกว่าราคาจะทะลุผ่านกรอบขึ้นไป ขณะที่โซนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 3,315-3,300 ดอลลาร์และ 3,285-3,280 ดอลลาร์ ให้พิจารณาเข้าซื้อ ณ โซนดังกล่าวเพื่อรอทำกำไรจากจังหวะ sideway ในกรอบใหญ่ต่อไป
ขณะที่ราคาทองคำไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงตามราคาทองคำ gold spot แต่ได้เงินบาทแข็งค่าอุ้มไว้บางส่วนทำให้ราคาทองคำไทยลดลงไปเพียง 350 บาท โดยล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสมาคมค้าทองคำประกาศปรับราคาทองคำแท่ง 96.5 เพิ่มขึ้น 50 บาท ทำให้ราคาขายออกอยู่ที่ 51,350 บาท ราคารับซื้อ 51,250 บาท คำนวณจากเงินบาท 32.51 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนแนวรับราคาทองคำไทยนสัปดาห์หน้าให้ไว้ที่ 51,100-51,000 บาท และ 50,700-50,500 บาท ชณะที่แนวต้านอยู่แถว 51,800-51,900 บาท และ52,200-52,300 บาท
โฆษณา