18 ส.ค. เวลา 09:58 • ความคิดเห็น
คลิป ฆตก. ที่มาจากเวียดนาม
ในคลิปนี้ผมบอกได้คำเดียวว่าคนที่เป็นแพนิคหรือโรคซึมเศร้าไม่ควรดูอย่างยิ่งครับ ในคลิปเป็นภาพจริงและหดหู่อย่างเป็นที่สุด มันมีเรื่องราวอยู่ว่าในคลิปนี้เนี่ย ทั้งคนตายและคนฆาตกรรมร่วมมือกันเป็นอย่างดี ฟังดูแปลกไหมครับ นี่เป็นการฆาตกรรมของจิตเภททั้งสองคนที่มาเจอกัน อีกคนหนึ่งเชื่อว่า ถ้าหากตัวเองตายในขณะที่กำลังช่วยตัวเอง จะทำให้ไปสู่สรวงสวรรค์และมีความสุขตลอดไป เป็นรสนิยมทางเพศที่แปลกและน่ากลัวอย่างมาก
1
โดยผู้ตายทำการวางแผนมานานนับปีและได้แสวงหาติดต่อคนที่มีรสนิยมเดียวกันโดยการจ้างวานครับ มีการพูดคุยกันผ่านแชท มีการให้กำลังใจกอดกันและซักซ้อมการตัดคอ ในคลิปไม่มีเซ็นเซอร์ใดๆทั้งสิ้น ถอดเสื้อผ้าออกทำการช่วยตัวเองจนใกล้จะเสร็จอีกคนก็ใช้มีดที่มีน้ำหนักประมาณนึงและคมมาก ฟันลงไปบนเขียง ที่มีคอพาดอยู่ ประมาณ 3 ครั้งศีรษะก็ขาดออกจากกัน เลือดพุ่งเหมือนก๊อกน้ำ จากนั้นก็ถ่ายรูปเซลฟี่ถือศีรษะไว้ในมือ และเป็นภาพนิ่งของเครื่องในที่ถูกชำแหละเรียบร้อยแล้ว ส่วนหนึ่งนำไปทำเป็นอาหาร
ทีนี้ลองมาวิเคราะห์กันว่า คนประเภทอย่างนี้แฝงอยู่ในสังคมเยอะไหม มันมาจากอะไร ความรุนแรงแบบนี้ ความเห็นผิดแบบนี้ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มันเป็นความคิดที่ผิดมนุษย์อย่างมาก และจะเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างด้วย ในคลิปไม่รู้ว่าผู้ที่ทำนั้นถูกตำรวจจับหรือยัง
ผมดูแล้วรู้สึกเวียนหัวอยากอ้วก
การสะท้อนแง่คิดจากเหตุการณ์
เรื่องราวนี้แม้จะชวนสะเทือนใจ แต่แท้จริงแล้วมันคือ กระจกเงาสะท้อนความจริงของสังคมมนุษย์ ที่มีคนป่วยทางจิตเวชซ่อนตัวอยู่ในประชากรทั่วไป งานวิจัยชี้ว่า ราว 1 ใน 7 ของมนุษย์โลกมีอาการป่วยทางจิตใจในระดับหนึ่ง ตั้งแต่ซึมเศร้า วิตกกังวล จนถึงโรคจิตเภท ส่วนมากไม่ได้รับการรักษาและยังใช้ชีวิตรวมกับคนทั่วไป ความเจ็บป่วยที่ไม่ได้รับการดูแลเมื่อผสมเข้ากับความเชื่อผิดเพี้ยนหรือแรงกระตุ้นจากสื่อ ย่อมก่อให้เกิดพฤติกรรมที่ผิดมนุษย์ผิดธรรมชาติได้
สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่เพียงการกระทำที่รุนแรงสุดโต่ง แต่คือ ความเงียบงันของสังคม ที่มักเพิกเฉยต่อผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือทางใจ เรามักเห็นข่าวสะเทือนขวัญแล้วก็ลืม แต่แทบไม่เคยตั้งคำถามว่า “ก่อนหน้าที่จะเกิดโศกนาฏกรรม เขาเคยส่งสัญญาณอะไรออกมาหรือไม่
สังคมที่ซึมซับความผิดเพี้ยน
โลกดิจิทัลทุกวันนี้คือพื้นที่เปิดที่ทำให้คนที่มี “รสนิยม” หรือความคิดสุดโต่งเจอกันได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ควรจะถูกกั้นด้วยเหตุผลและศีลธรรมกลับถูกปล่อยให้ถูกยกย่องในกลุ่มปิด เหมือนเป็น “ความถูกต้อง” ของพวกเขาเอง คล้ายกับการสร้าง จักรวาลคู่ขนาน ที่มีตรรกะคนละแบบกับความเป็นมนุษย์ปกติ
เมื่อความรุนแรงกลายเป็น เนื้อหาเพื่อเสพ ไม่ว่าจะเป็นข่าว คลิป เกม หรือคอนเทนต์ออนไลน์ มันทำให้บางคนโดยเฉพาะผู้ที่เปราะบางทางใจ ค่อย ๆ มองความผิดเพี้ยนว่าเป็นเรื่อง “ไม่แปลก” จนกระทั่งกลายเป็นการลงมือจริง
แง่คิดจากศาสนาและธรรมะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อกุศลจิตเป็นเหตุแห่งทุกข์” จิตที่เต็มไปด้วยความหลงผิดและราคะย่อมนำพาไปสู่การกระทำที่ผิดธรรมชาติ ยิ่งมนุษย์ปล่อยให้ความคิดผิด ๆ ครอบงำโดยไร้สติ มันจะผลักดันให้ทำสิ่งที่ทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น
ทางออกมีอยู่ใน สติและปัญญา
สติ คือการรู้ตัวว่าอะไรที่เรากำลังเสพ อะไรที่กำลังครอบงำใจเรา การไม่ดู การไม่แชร์ การไม่ส่งต่อสื่อรุนแรงคือการหยุดวงจรอกุศล
เมตตา คือการมองผู้ป่วยทางจิตว่าเขาคือ “ผู้ทุกข์” มิใช่เพียง “ผู้ผิด”
ปัญญา คือการแยกแยะว่า ความเชื่อสุดโต่งไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แต่เป็นทางสู่ความมืด
เมื่อใจเราหวั่นไหวจากการรับรู้เรื่องสะเทือนใจ ให้ระลึกถึง ไตรลักษณ์ ว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน คลิปหรือเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงภาพปรากฏที่แสดงความบิดเบือน ไม่ใช่ “ความจริงแท้” ของชีวิตมนุษย์ทั้งหมด
ฝากข้อคิดถึงผู้อ่าน
หากคุณเคยดูคลิปนี้แล้วรู้สึกเวียนหัว อยากอ้วก หรือสะเทือนใจอย่างหนัก นั่นคือสัญญาณว่าจิตคุณยัง ไม่ด้านชา ยังมีความเป็นมนุษย์ที่สะท้อนความทุกข์ได้
จงใช้ความรู้สึกนั้นเป็นแรงผลักให้เรา ปฏิเสธสื่อรุนแรง และหันมาเสริมสร้างสุขภาวะจิตใจที่ดี
อย่าลืมว่า สังคมจะดีขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเราไม่เพียงแต่ “โทษผู้กระทำ” แต่ยังหันมา “เยียวยาผู้ป่วยจิตใจ” รอบตัวเรา
สรุปนะครับ
เหตุการณ์จากเวียดนามไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือการเตือนใจว่า ความผิดเพี้ยนซ่อนอยู่ในสังคมทุกแห่ง ทางเดียวที่เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความมืด คือการสร้างสังคมที่เข้าใจสุขภาพจิต มองเห็นสัญญาณเตือน และมีสติปัญญาที่จะไม่ปล่อยให้ “อกุศลจิต” ครอบงำเราได้
โฆษณา