อิสลามเมื่อเสียชีวิต ไม่สามารถขุดศพขึ้นมาได้ เพราะ พิธีกรรมที่ทำกับศพนั้นนำไปสู่ชิริก
ไขข้อข้องใจ!! อิสลามกับการชันสูตรศพ ทำได้หรือไม่? บทความนี้มีคำตอบให้คุณ!!
✍🏻จากข่าวอาชญากรรมหลายกรณีมีความจำเป็นให้ต้องทำการผ่าชันสูตรศพเพื่อหาข้อเท็จจริงให้คดี กระจ่างขึ้น สำหรับมุสลิมเป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อมีการเสียชีวิตแล้วต้องรีบทำพิธีและ ฝังภายใน 24 ชั่วโมง ตามหลักศาสนา ซึ่งในปัจจุบันการชันสูตรศพมีการพูดคุยกันมากถึงความจำเป็นในหมู่มุสลิม
โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ความรุนแรงภายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ หรือกรณีต่างๆ ที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องชันสูตรศพ ทั้งนี้ อิสลามมีแนวทางอย่างไร? ในการคลี่คลายปัญหาอย่างไร? มีข้อยกเว้นหรือไม่? ในโอกาสนี้แอดได้ค้นหาข้อมูลรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น วันนี้แอดได้สรุปไขข้อข้องใจให้ทุกคนได้ทราบโดยทั่วกัน งั่นเรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลย
🎯สำหรับจากการศึกษาทั้งคัมภีร์อัลกุรอานและวจนะศาสดาเกี่ยวกับการขุดศพเพื่อชันสูตรศพ และการชันสูตรศพของมุสลิมที่เพิ่งเสียชีวิต ในยุคสมัยใหม่ที่อนุญาตให้มีการชันสูตรพลิกศพและผ่าศพได้ในกรณีที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการทางคดีอาญาและเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
โดยกำหนดเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการชันสูตรศพที่ชอบด้วยบทบัญญัติอิสลาม ไว้ดังนี้
1) ต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง,
2) ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดและต้องไม่กระทำในลักษณะที่เป็นการประจานศพ
🎯อย่างไรก็ตามตามหลักการของศาสนาอิสลามกำหนดให้กระทำต่อผู้ตายเสมือนเขายังมีชีวิตอยู่ แต่หากเกิดความจำเป็นก็ให้พิจารณาตามความสำคัญ เช่น การผ่าศพเพื่อการศึกษาทางวิชาการ สามารถทำได้ในกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงการผ่าศพเพื่อผลทางคดีอาญาเป็นการดำเนินการเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ศาสนาอนุญาตแต่ต้องดำเนินการด้วยความรัดกุมที่สุด,
การผ่าศพเพื่อตรวจโรค กรณีดังกล่าวหากมีความจำเป็นต้องผ่าศพและการผ่าศพนั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม ก็ถือว่าทำได้เพราะเป็นเรื่องจำเป็น ในส่วนของ “สำนักจุฬาราชมนตรี”
ได้มีบัญญัติซึ่งออกเมื่อปี พ.ศ. 2549 ให้กระทำการโดยยึดหลักใหญ่ คือ การให้ความเคารพต่อศพ แต่หากมีเหตุจำเป็นจะต้องผ่าพิสูจน์ศพก็ให้ทำได้เท่าที่มี ความจำเป็นซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าหากจำเป็นจริงๆ ศาสนาอนุญาตให้ผ่าศพได้เพื่อความเป็นธรรมทางคดีอาญา และความบริสุทธิ์ยุติธรรมที่จะเกิดขึ้น นั้นเอง
🎯แต่ในบางกรณีก็ยังไม่มีการตรวจสอบ ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ว่า บุคคลนั้น คือ ตัวจริงหรือไม่? หรือแค่อยากให้คดีความติดตัวตามไปด้วย
กรณี ZARA ที่มาเลเซียเป็นการพิสูจน์ตามหาสาเหตุการเสียชีวิตสามารถที่จะทำได้
การจัดการศพขั้นต้นแยกออกเป็น 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1 สำหรับมุสลิมที่ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หรือด้วยพิษบาดแผลที่กำลังรักษาอยู่
- ให้นำศพมาอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกที่ติดอยู่รีดท้อง เพื่อให้สิ่งปรกภายในเคลื่อนที่ออกมา แล้วรดน้ำให้สะอาดทั้งตัว
- นำศพมาวางบนผ้าขาวซึ่งปูไว้ 3 ชั้น นำมือทั้งสองไว้ที่ระดับอกให้มือขวาทับบนมือซ้ายแล้วห่อด้วยขาว 3 ชั้น
- นำศพไปบรรจุในหีบศพถ้าหากอยู่ในที่กันดาร ไม่ใช้หีบศพก็ได้แต่ให้ทำลูกหลุมเพื่อเตรียมฝัง
- ฝังในหลุมลึก คะเนพอไม่ให้มีกลิ่นขึ้น หรือสัตว์ป่าคุ้ยเขี่ยขึ้นมาได้ - เมื่อฝังในที่ใดแล้ว ห้ามขุดศพนั้นขึ้นมาไม่ว่าประการใด ๆ
- การฝังให้วางศพนอนตะแคงข้างขวา หันหน้าศพไปทางทิศตะวันตก แล้วนำดินที่ขุดขึ้นมากลบไปจนหมด
- หากจำเป็นต้องนำศพกลัง ให้รักษาไว้ไม่ให้มีกลิ่นเหม็น ถ้าปล่อยให้มีกลิ่นเหม็นทางศาสนาถือว่าเป็นการบาป
วิธีที่ 2 สำหรับทหารที่ตายในขณะปฏิบัติการ ทหารที่ตายในขณะปฏิบัติการในสนามรบนั้น ไม่จำเป็นต้องเตรียมการเกี่ยวกับการอาบน้ำหรือห่อศพใดๆ ทั้งสิ้นให้ใส่เสื้อผ้าในชุดเดิม แล้วฝังลงไปเลยวิธีฝังเหมือนกับวิธี 1
วิธีที่ 1 และถ้าตายพร้อมกันหลายศพก็ฝังลงในหลุมเดียวกันได้
ข้อแนะนำในการไปเยี่ยมเคารพศพผู้นับถือศาสนาอิสลาม
เมื่อชาวมุสลิมถึงแก่กรรม เจ้าหน้าที่จะจัดการศพตามพิธีทางศาสนา
เช่น
1. กรณีศพอยู่ที่บ้าน
- นำศพมาอาบน้ำชำระสิ่งสกปรก รดน้ำให้สะอาดทั้งตัว
- นำศพมาวางบนผ้าข้าวซึ่งปูไว้ 3 ชั้น หรือนำศพบรรจุในหีบศพ - ผู้ไปเยี่ยมเคารพศพ ควรไปแสดงไว้อาลัยกับญาติที่มีชีวิตอยู่
เป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ
- ทำความเคารพศพ โดยกล่าวคำไว้อาลัยได้ (ไม่นิยมนำหวีดไปวาง) - มอบเงินซองช่วยเหลือ (ถ้ามี)
- เสร็จพิธี
2. กรณีศพอยู่ที่มัสยิดหรือสุเหร่า
- ผู้ร่วมพิธีจะรอเคารพศพก่อนพิธีละหมาด
- ผู้ร่วมพิธีมุ่งไปแสดงความเสียใจกับญาติ (พิธีฝังจะเป็นพิธีของญาติ ๆ) - หากมีเงินซองช่วยมอบเจ้าภาพ
เรียบเรียงโดยอาจารย์ต้นสัก สนิทนาม
#อิสลาม #ศาสนา #การตาย #การเสียชีวิต #มุสลิม #มาเลเซีย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
