Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MONEY LAB
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำไมบริษัทมีกำไร แต่ไม่มีเงินจ่ายหนี้
- ปี 2565 รายได้ 1,000 ล้านบาท กำไร 200 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 1,200 ล้านบาท กำไร 240 ล้านบาท
- ปี 2567 รายได้ 1,500 ล้านบาท กำไร 300 ล้านบาท
ถ้าเราเห็นตัวเลขการเงิน ของบริษัทสมมตินี้ ซึ่งมีรายได้และกำไร เติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดทุกปี ก็ดูเหมือนจะเป็นบริษัทที่ดี และน่าลงทุน
แต่รู้หรือไม่ว่า บริษัทที่มีผลประกอบการดูดีแบบนี้ จะมีปัญหาในการชำระหนี้หุ้นกู้ได้ด้วย..
เรื่องราวทำนองนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในวงการตลาดหุ้นไทย แต่มีข่าวเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำแทบจะทุกปี
หากสงสัยว่า จะเป็นไปได้อย่างไร ที่บริษัทบอกว่ามีกำไร แต่กลับหาเงินมาจ่ายคืนหนี้ไม่ได้
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
หมายเหตุ : บทความนี้อาจจะมีการกล่าวถึงเรื่องทางบัญชีค่อนข้างมาก จึงอาจจะทำให้งงได้ ดังนั้น หากอ่านรอบแรกไม่เข้าใจ รบกวนลองอ่านดูอีกสักรอบ น่าจะเข้าใจมากขึ้น
คำตอบของเรื่องนี้ สามารถสรุปออกมาด้วยคำพูดง่าย ๆ เลยก็คือ “เพราะกำไร ไม่เท่ากับกระแสเงินสด”
กำไร คือรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายทุกอย่างไปหมดแล้ว โดยเป็นสิ่งที่ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะได้รับกลับมา จากการทำธุรกิจ
ส่วนกระแสเงินสด คือเงินสดที่บริษัท ได้รับเข้ามา หรือใช้จ่ายออกไปจริง ๆ
1. เข้าใจเรื่องงบการเงินกันก่อนสักนิด
ในโลกของการทำธุรกิจ เวลาบริษัทขายสินค้า ก็อาจจะไม่ได้รับเป็นเงินสดกลับมาในทันทีเสมอไป
เพราะสำหรับบางบริษัท ยังมีการขายสินค้าให้กับลูกค้าเป็นประเภท “เงินเชื่อ” ซึ่งจะยังเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ในทันทีด้วย
พอขายสินค้าเป็นเงินเชื่อไปแล้ว ก็ต้องรอให้ลูกค้านำเงินมาจ่ายตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ หรือที่เรียกว่า “ให้ Credit Term กับลูกค้า”
ก่อนจะไปกันต่อ จะต้องขอปูพื้นฐานงบการเงินแบบคร่าว ๆ กันก่อน เพื่อให้เราอ่านต่อไปได้ แบบไม่งง..
งบการเงินมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ ประกอบด้วย
- งบแสดงฐานะการเงิน บอกเราว่า ทุกช่วงเวลา ตอนสิ้นสุดของผลประกอบการบริษัท ในแต่ละงวด
บริษัทกำลังมีทรัพย์สิน, หนี้สิน และเงินในส่วนของเจ้าของบริษัท อยู่เท่าไร
- งบกำไรขาดทุน บอกเราว่า ในแต่ละช่วงเวลา ที่บริษัททำธุรกิจ มีผลประกอบการเป็นอย่างไร
เช่น ทำรายได้เท่าไร, มีค่าใช้จ่ายอะไร และเหลือเป็นกำไรสุดท้ายมากแค่ไหน
- งบกระแสเงินสด ทำให้เราเห็นว่า ในแต่ละช่วงเวลา บริษัทมีจำนวนเงินสดจริง ๆ ที่ไหลเวียนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเงินสดที่ได้รับ หรือเงินสดที่จ่ายออกไป เป็นเท่าไร
1
ทีนี้ สมมติว่า บริษัทของเราขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ ไปให้ลูกค้า ในช่วงไตรมาส 1
ในทางบัญชี เราก็จะต้องบันทึกบัญชี ไว้ที่งบกำไรขาดทุนในไตรมาส 1 เป็นรายได้ไปเลย
แต่อย่างที่รู้กันว่า เราขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ หมายความว่า เรายังเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ ซึ่งลูกค้าเอง ได้รับ Credit Term จึงยังไม่จำเป็นต้องนำเงินมาจ่าย ภายในไตรมาสเดียวกันนี้
ทำให้ในส่วนของงบแสดงฐานะการเงิน เราก็จะต้องบันทึกบัญชีเช่นกัน โดยจะบันทึกเป็น “ลูกหนี้การค้า” ซึ่งอยู่ในส่วนภายใต้ทรัพย์สิน
1
และเมื่อไตรมาสต่อไปมาถึง ถ้าลูกค้านำเงินมาจ่ายปกติ ส่วนของลูกหนี้การค้าก็จะลดลง และส่วนของ “เงินสด” ซึ่งอยู่ในหมวดของทรัพย์สินเช่นกัน ก็จะเพิ่มขึ้นมาแทน
1
ฟังดูแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติในทางบัญชี จนดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย เพราะบริษัทก็แค่ขายสินค้าให้กับลูกค้า และรอให้ลูกค้านำเงินมาจ่าย ก็เท่านั้นเอง
แต่ปัญหาจะเริ่มเกิด ถ้าลูกค้าไม่มีเงินจ่ายขึ้นมา ทำให้บริษัทไม่ได้รับเงินสักที
1
หากบริษัทเจอปัญหาเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้มากเข้า จนไปถึงขั้นต้องจำใจยอมแพ้ ตั้งสำรองเป็นหนี้เสียขึ้นมา
1
และในขณะเดียวกัน บริษัทก็กำลังมีหนี้สิน และค่าใช้จ่ายสำคัญในการทำธุรกิจอยู่ตลอดเวลา
บริษัทก็อาจจะเจอปัญหาถึงขั้นขาดสภาพคล่อง จนลุกลามให้บริษัทล้มละลาย แบบไม่ทันคาดคิดได้เลย
1
นั่นจึงนำเรามาสู่ข้อ 2 ซึ่งเป็นเรื่องที่เวลาเราศึกษาธุรกิจก่อนลงทุน เราจะต้องอย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่องนี้เด็ดขาด
2. กระแสเงินสด ภาพสะท้อนความจริงของบริษัท
อย่างที่เราเห็นในข้อที่ 1 ไปว่า แม้ในงบกำไรขาดทุน บริษัทจะบอกว่าทำธุรกิจแล้วมีกำไรก็ตาม
แต่สิ่งที่เราเห็นในงบกำไรขาดทุนนั้น ไม่ได้เป็นภาพที่สะท้อนความเป็นจริงของบริษัทเท่าไรนัก เพราะกำไรที่เราเห็น อาจจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา..
1
วิธีแก้ปัญหาในเรื่องนี้ก็คือ เราจะต้องอย่าลืมตรวจสอบความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท ควบคู่ไปด้วยเสมอ
1
กระแสเงินสดนั้น คือสิ่งที่สะท้อนความเป็นจริงของบริษัท ว่าจะอยู่ต่อ หรือล่มสลายลงไป ได้ดีที่สุด
1
เราสามารถหาคำตอบเรื่องนี้ได้ ผ่านการดูที่งบกระแสเงินสดของบริษัทเลย ซึ่งจะประกอบอยู่ 3 ส่วน
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงาน บอกเราว่า ในช่วงเวลาที่บริษัททำธุรกิจซื้อขายสินค้า ได้รับเป็นเงินสดกลับมาเท่าไร
1
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน บอกเราว่า บริษัทจ่ายเงินออกไปในการลงทุนทำธุรกิจมากขนาดไหน
1
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมการหาเงิน บอกเราว่า บริษัทมีการไปกู้เงินเข้ามา หรือจ่ายคืนหนี้เงินกู้ รวมถึงมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เป็นจำนวนเท่าไร
1
งบกระแสเงินสด คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า เป็นสิ่งที่ดูซับซ้อนมากที่สุด เพราะหากเราไปหยิบงบการเงินของสักบริษัทขึ้นมาดู ก็จะเห็นเหมือนกันว่า งบกระแสเงินสดจะยาวกว่างบอื่น
แต่เคล็ดลับในการวิเคราะห์งบกระแสเงินสดแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ แบบไม่ยุ่งยากเลย ก็คือการใช้เครื่องมืออย่าง “กระแสเงินสดอิสระ” เข้ามาช่วยวิเคราะห์
1
กระแสเงินสดอิสระ หรือ Free Cash Flow ก็คือ กระแสเงินสดที่บริษัทจะได้รับกลับเข้ามาจริง ๆ หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจไปหมดแล้ว
คำนวณหาได้ง่าย ๆ จากการนำ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน ลบด้วยค่าใช้จ่ายในการลงทุน
ซึ่ง “ค่าใช้จ่ายในการลงทุน” หรือ Capital Expenditure นี้ จะอยู่ในส่วนของกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน โดยจะเป็นค่าใช้จ่ายประเภท ซื้ออุปกรณ์, ที่ดิน, สร้างอาคาร และรวมถึงสินทรัพย์ไม่มีตัวตนต่าง ๆ
หากเราคำนวณออกมาได้แล้ว พบว่า กระแสเงินสดอิสระเป็นบวก หมายความว่า บริษัททำธุรกิจไปแล้ว มีเงินเหลือกลับเข้ามา มากกว่าเงินไหลออก
เงินเหล่านี้เปรียบเสมือนเงินฟรี ให้บริษัทสามารถเอาไปจ่ายคืนหนี้ หรือจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นก็ได้
บริษัทที่สร้างกระแสเงินสดอิสระเป็นบวกได้มาก ๆ อย่างสม่ำเสมอ มักจะไม่ค่อยมีปัญหาสภาพคล่อง และมีเงินมาจ่ายคืนหนี้ได้ตลอด
1
แต่ในทางกลับกัน บริษัทที่มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน และกระแสเงินสดอิสระติดลบ มักจะเป็นบริษัทที่น่ากังวลมาก
1
เพราะบริษัทแบบนี้ ลงทุนทำธุรกิจไป แต่กลับไม่ได้รับเงินสดกลับเข้ามาได้คุ้มค่าเลย
หากกระแสเงินสดอิสระยังติดลบแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ในสักวันหนึ่ง เมื่อเงินสดของบริษัทเกิดร่อยหรอ บริษัทก็จะต้องไปกู้เงินมาเพิ่ม เพื่อต่อลมหายใจของบริษัท
และเมื่อวันที่หนี้พอกพูนเข้า ๆ โดยที่กระแสเงินสดอิสระไม่เคยพลิกกลับมาเป็นบวกได้เลย
บริษัทแบบนี้ก็มักจะมีภาพตอนจบคล้าย ๆ กัน นั่นคือการต้องขอเจรจาเลื่อนชำระหนี้ออกไป ด้วยการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหลายซึ่งเป็นเจ้าหนี้
1
หรือหาวิธีในการเพิ่มทุน เพราะบริษัทไม่เหลือเพดานในการกู้เงินเพิ่มอีกแล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะเข้าใจถึงแก่นสำคัญ ที่สื่ออยู่ในบทความนี้กันดีขึ้นแล้วว่า “ทำไมเราถึงมักจะได้เห็นบริษัทที่มีกำไร แต่สุดท้ายกลับไม่มีเงินจ่ายคืนหนี้”
คำตอบของเรื่องนี้ ง่ายนิดเดียว และจะขอย้ำกันอีกสักครั้งว่า
1
“เพราะกำไรที่เราเห็น ไม่เท่ากับกระแสเงินสดจริง ๆ ที่บริษัททำได้” นั่นเอง..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#FreeCashFlow
หุ้น
การลงทุน
ธุรกิจ
69 บันทึก
54
4
87
69
54
4
87
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย