20 ส.ค. เวลา 12:05 • ยานยนต์

เมืองหนาวใช้ยางรถยนต์กันหลายแบบหรือเทคโนโลยีใหม่ช่วยให้ใช้ยางชุดเดียวได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน

แต่ราคายางก็ขึ้นตามไปพร้อมกับความสะดวก ยางรถยนต์หลักๆแบ่งได้เป็น 4 แบบ ตามฤดูกาลและลักษณะการใช้งาน ดังนี้
1. ยาง Summer (ยางฤดูร้อน) เหมาะกับอากาศร้อนและถนนแห้ง/เปียกเล็กน้อย
• ข้อดี : ยึดเกาะดีเยี่ยม เบรกสั้น ควบคุมแม่นยำ
• ข้อเสีย : ใช้ในอากาศหนาวไม่ได้เลย(ยางแข็ง เสี่ยงลื่น)
• เหมาะกับคน : ขับรถเร็ว ชอบสมรรถนะ และอยู่ในภูมิภาคอุ่น/ร้อนตลอดปี
2. ยาง Winter (ยางฤดูหนาว / Snow Tire) เหมาะกับหิมะจัด น้ำแข็ง ถนนลื่น
• ข้อดี : ยางนิ่ม ยึดเกาะได้แม้ -30°C, มีร่องลึกช่วยรีดน้ำ/หิมะ
• ข้อเสีย : สึกไวมากถ้าใช้บนถนนร้อนๆ, ควบคุมแย่ในอากาศร้อน
• เหมาะกับคน : ที่อยู่เขตหิมะจัด เช่น แคนาดาตอนเหนือ , รัฐหิมะฝั่งตะวันออก
3. ยาง All-Season (ยางทุกฤดูกาลแบบทั่วไป) เหมาะกับอากาศอุ่นถึงเย็น แต่ไม่สุดโต่งทั้งร้อนหรือหนาว
• ข้อดี : ใช้ได้ทั้งร้อน-หนาวอ่อน ๆ, ประหยัด ไม่ต้องเปลี่ยนยางบ่อย
• ข้อเสีย : ไม่เก่งทั้งสองด้าน — ไม่ดีพอในหิมะจัด และไม่เกาะถนนดีเท่า Summer
• เหมาะกับคน : ขับในเมืองหรือพื้นที่อากาศกลาง ๆ ไม่มีหิมะหนัก
4. ยาง All-Weather (ออลเวทเธอร์) เหมาะกับคนที่ต้องเจอทั้งฝน หิมะ แดดแต่อยากใช้ “ชุดเดียวทั้งปี”
• ข้อดี : ทนหนาวได้ดีกว่า All-Season , บางรุ่นผ่านมาตรฐาน “3-Peak Mountain Snowflake” สำหรับหิมะ
• ข้อเสีย : ยังไม่ดีเท่า Winter เมื่อเจอหิมะลึกและไม่ทนร้อนเท่า Summer
• เหมาะกับคน : อยู่ในเมืองที่มีหิมะบ้างแต่ไม่หนักหรือไม่อยากเปลี่ยนยางปีละ 2 ครั้ง
แบบพิเศษอื่น ๆ (ไม่จัดตามฤดูกาล)
• Performance Tire : สำหรับรถสปอร์ต ยึดเกาะดีมาก ขับเร็วได้ แต่สึกเร็ว
• Run-Flat Tire : ยางไม่แฟบแม้รั่ว ใช้ขับต่อได้ 80–100 กม. โดยไม่เติมลม
• Touring Tire: เน้นนุ่ม เงียบ นั่งสบาย วิ่งทางไกล
• Off-Road / All-Terrain: ลุยป่า ลุยหิน ทนแรงกระแทก เหมาะกับรถกระบะ/เอสยูวี
ข้อควรปฏิบัติ
• เช็กลมยางให้ถูกต้องตามสเปกรถ
• หลีกเลี่ยงการบรรทุกหนักหรือขับเร็วจัดต่อเนื่อง
• พักรถเป็นระยะ ๆถ้าขับทางไกลหลายร้อยกิโลในความร้อนจัด
รถของคุณควรใส่ยางแบบไหนดีนอกจากพื้นที่ยังควรพิจารณาพฤติกรรมการขับด้วย
โฆษณา